หลินชิงเหอเริ่มชีวิตติดต่อกับผู้คนตามปกติในวันต่อมา ร้านค้าทุกร้านที่อยู่ในมือเธอก็เปิดด้วย
แต่เรื่องพวกนี้เธอปล่อยให้หม่าเฉิงหมินเป็นคนจัดการ
หม่าเฉิงหมินทำการจ้างพนักงานใหม่ 3 คน เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งและเด็กสาวอีกสองคน ทุกคนต่างมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกันหมด ทั้งสามคนถูกส่งไปที่ร้านค้าอื่น ๆ เพื่อเรียนรู้ที่จะบริการลูกค้า โดยมีหู่จือ เอ้อร์นี และบรรดาคนที่อยู่มาก่อนคอยสอนงานให้พวกเขา
สำหรับร้านค้าร้านที่ห้าของหลินชิงเหอนั้นเริ่มมีการตกแต่งภายในร้านแล้ว มันไม่ได้อยู่ที่เดียวกับร้านเสื้อผ้าผู้หญิงและร้านเสื้อผ้าผู้ชาย แต่อยู่เกือบครึ่งทางที่จะถึงร้านเครื่องดื่มใกล้โรงภาพยนตร์
ร้านค้าแห่งนี้โจวชิงไป๋เป็นคนซื้อไว้เมื่อวันที่ 10 มกราคม สภาพภายในดูกว้างขวางมาก แม้จะราคาสูงสักหน่อย แต่พวกเขาก็ไม่สนใจ
ในตอนนี้หม่าเฉิงหมินก็ให้ใครบางคนตกแต่งร้านให้ ส่วนเขาส่งคำสั่งซื้อเสื้อผ้าในปริมาณมหาศาลให้กับทางหวังหยวน
“สั่งเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? คุณอาสะใภ้สี่จะเปิดร้านอีกร้านแล้วเหรอ?” หวังหยวนประหลาดใจเมื่อได้รับคำสั่งซื้อ
เพื่อนสมัยเด็กของเขาถึงกับหัวเราะ “เรียกอาสะใภ้สี่ได้คล่องปากขนาดนี้แล้ว เมื่อไหร่นายจะชวนฉันไปดื่มสุรามงคลเสียทีล่ะ?”
คำพูดนี้แทงใจดำหวังหยวนเข้าอย่างจัง
หวังหยวนถอนหายใจ ปีนี้เขาอายุ 26 แล้ว ไม่ใช่คนหนุ่มอีกต่อไป เขาจะไม่อยากแต่งงานได้อย่างไรล่ะ? แต่จากที่เขาเห็นมา เอ้อร์นีเหมือนจะไม่มีความคิดนี้เลย
เขาอยากจะเกลี้ยกล่อมให้หล่อนตกลงปลงใจด้วยเหลือเกิน แต่ทั้งหมดนี้ยังอยู่ภายใต้กฎ เขาไม่สามารถทำแม้กระทั่งจูบริมฝีปากเล็ก ๆ ของหล่อนได้ อย่างมากหล่อนแค่ปล่อยให้เขาจับมือถือแขนได้เท่านั้น
“อะไร? ยังรวบหัวรวบหางหล่อนไม่ได้อีกเหรอ” เพื่อนวัยเด็กของเขาประหลาดใจ “ช่วงปีใหม่นี้นายไม่ได้พาหล่อนไปเจอหน้าพ่อแม่ของนายหรืออย่างไร”
“พาไปแล้วล่ะ แต่นายก็รู้จักนิสัยแม่ฉันดีนี่” หวังหยวนพูด
เดิมทีเอ้อร์นีมีท่าทางอ่อนโยน แต่หลังจากพบหน้าพ่อแม่ของเขาแล้ว… พ่อของเขาน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่เป็นท่าทางแม่ของเขาในตอนนั้น ช่างน่าปวดใจนัก หล่อนเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาพาเข้าบ้าน แต่แม่ของเขากลับไม่ไว้หน้าใด ๆ เลย
เมื่อรู้ว่าเอ้อร์นีมีทะเบียนบ้านอยู่ที่ชนบท นางก็ไม่ได้เอ่ยอะไรกับเอ้อร์นีสักคำ แล้วเอ้อร์นีจะรู้สึกดีได้อย่างไร?
แต่หญิงสาวคนนี้ก็มีอารมณ์ความคิดของตัวเองเหมือนกัน
หวังหยวนลูบคางพลางฉีกยิ้ม แม่ของเขาไม่ชอบหล่อน หล่อนเองก็ไม่พูดอะไรกับแม่ของเขาเหมือนกัน ไม่มีการประจบประแจงใด ๆ
หวังหยวนชอบนิสัยเล็กน้อยแบบนั้นจริง ๆ
“พอเลย ไม่ต้องมายิ้มกรุ้มกริ่มแบบนั้นเลย รีบ ๆ แต่งหล่อนเข้าบ้านมาอุ่นเตียงซะ” เพื่อนวัยเด็กของเขาพูดด้วยความหมั่นไส้
หวังหยวนโยนเรื่องต่าง ๆ ในโรงงานให้เขาจัดการ จากนั้นก็มาหาโจวเอ้อร์นี
โจวเอ้อร์นีอยู่ที่ร้านเสื้อผ้า เนื่องจากช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงที่ขายดีนักจึงมีลูกค้าเข้าร้านไม่มาก เมื่อเขามาถึงร้าน โจวเอ้อร์นีก็กำลังสอนงานให้กับเด็กสาวสองคนที่หม่าเฉิงหมินพามาให้ ส่วนเด็กหนุ่มที่มาใหม่ได้ไปทำงานในร้านเสื้อผ้าผู้ชายที่ถนนฝั่งตรงข้าม
“ซานซาน สอนพวกหล่อนพับเสื้อผ้าอีกรอบทีนะจ๊ะ” โจวเอ้อร์นีเห็นหวังหยวนมาหาจึงบอกเฉินซานซานไว้
“ค่ะ” เฉินซานซานตอบ
โจวเอ้อร์นีแทบจะเป็นผู้จัดการร้านแห่งนี้ไปแล้ว หล่อนทำหน้าที่ดูแลทุกอย่างภายในร้าน
“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” โจวเอ้อร์นีออกมาพร้อมกับหวังหยวน
“มาหาคุณไงครับ” หวังหยวนตอบ
โจวเอ้อร์นีเหลือบมองเขา หวังหยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คืนนี้ไปดูหนังกันไหมครับ?”
“ไม่ว่างค่ะ โรงเรียนภาคค่ำกำลังจะเปิดเรียนแล้ว ฉันต้องเตรียมตัว” โจวเอ้อร์นีตอบ
“อย่าหลอกผมเลย โรงเรียนภาคค่ำกว่าจะเปิดอย่างเร็วที่สุดก็สิ้นเดือนมกราคม” หวังหยวนเอ่ย
โจวเอ้อร์นีไม่อยากไปเดทกับเขาเลยจริง ๆ หล่อนได้แต่หาข้ออ้างหยุมหยิมจำนวนมากมาต้าน “งั้นฉันก็ต้องเรียนหนังสือค่ะ”
“ไปดูหนังสักเรื่องจะใช้เวลานานเท่าไหร่เชียวครับ? แถมวันนี้ยังมีหนังเรื่องใหม่เพิ่งเข้าโรงด้วย ดูน่าสนใจไม่น้อยเลย” หวังหยวนโน้มน้าว
โดยไม่อาจต้านทานเขาได้ ในที่สุดโจวเอ้อร์นีก็ตกลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...