สวี่เชิ่งเฉียงไม่ได้อยากมาเลยจริง ๆ แต่ไม่สามารถขัดพี่สาวของเขาได้ ท้ายที่สุดแล้วเขาจึงต้องมา
เห็นสองพี่น้องแวะมาที่ร้านแล้ว โจวชิงไป๋ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร แค่ถามพวกเขาว่าหิวหรือเปล่า
“คุณน้าไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ เรากินมาก่อนที่จะมาที่นี่แล้ว” สวี่เชิ่งเหม่ยยิ้มและเอ่ยถาม “หนูเพิ่งไปที่อะพาร์ตเมนต์มา น้าสะใภ้ไม่อยู่บ้านเหรอคะ?”
“อยู่มหาวิทยาลัยน่ะ” โจวชิงไป๋ตอบ
สวี่เชิ่งเหม่ยได้ยินแล้วก็พูดต่อ “คุณน้า เราจะไปเยี่ยมคุณตาคุณยายนะคะ”
“เอาเกี๊ยวพวกนี้ไปให้คุณยายด้วยสิ” โจวชิงไป๋พูดแล้วใส่เกี๊ยวไว้ในถุงกระดาษไขสองใบ
“ได้ค่ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยตอบ จากนั้นก็รับถุงเกี๊ยวไว้และเดินออกจากร้านเกี๊ยว
ระหว่างทางที่เดินไปบ้านของท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจว สวี่เชิ่งเหม่ยก็เอ่ยขึ้น “นายเป็นใบ้หรือไง? เห็นคุณน้าแล้วยังไม่รู้จักสวัสดีอีก?”
“คราวที่แล้วที่พี่แต่งงาน ผมอยากอยู่ที่นี่เลยไปขอคุณน้ามาอยู่ด้วย แต่เขาก็ไม่ยอม!” สวี่เชิ่งเฉียงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วก็แสดงท่าทางโกรธเคือง
คราวที่แล้วเขามาเมืองหลวงแล้วรู้สึกติดใจกับความเจริญรุ่งเรืองของที่นี่ จึงอยากจะอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย เขาอยากอยู่ที่นี่จริง ๆ และสาบานว่าจะทำตัวว่านอนสอนง่าย แต่คุณน้าของเขาก็ปฏิเสธไม่ให้เขาอยู่!
“ไม่เอาน่า นายยังฝังใจกับเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ? นายรู้ไหมว่าตอนนี้คุณน้ามีร้านค้าทั้งหมดกี่ร้านแล้ว? นายไม่อยากสนิทชิดเชื้อกับเขาไว้เหรอ? ไม่ใช่ว่านายอยากให้เขาใกล้ชิดกับนายที่เป็นหลานชายงั้นเหรอ? นายมีความสามารถยิ่งใหญ่อะไรให้เขาชื่นชมนายบ้าง?” สวี่เชิ่งเหม่ยขบฟันกรอด
สวี่เชิ่งเฉียงตะลึงงันไปและถามกลับ “เขามีร้านทั้งหมดกี่ร้านกัน?”
“คราวที่แล้วที่ฉันไปหาคุณยาย ได้ยินว่าปีนี้มีร้านใหม่เปิดอีกหนึ่งร้าน รวมเป็นห้าร้านแล้ว!” สวี่เชิ่งเหม่ยตอบ
“มีร้านเยอะขนาดนั้นเชียว?” สวี่เชิ่งเฉียงเม้มปาก
สวี่เชิ่งเหม่ยยังกัดเขาไม่ปล่อยและเอ่ยต่อ “ถ้าเราไปที่นั่นแล้วนายไม่รู้จักวางท่าทางหยิ่งยะโสลงเมื่ออยู่ต่อหน้าทางบ้านคุณตาคุณยาย ต่อไปก็อย่าหวังให้ฉันปกป้องนายอีกเลย หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นนายก็จัดการเอาเองแล้วกัน!”
สวี่เชิ่งเฉียงไม่เอ่ยคำ เขาไปที่บ้านของท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวก่อนจะทำตัวสุภาพอย่างว่าง่าย
เขายังเป็นหลานชายของพวกเขาอยู่ แม้ท่านพ่อโจวไม่เอ่ยอะไรมากนัก เขาก็ยังถามไถ่หลานชายว่าอยู่บ้านตระกูลจ้าวแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
ท่านแม่โจวรับเกี๊ยวมาและต้มเกี๊ยวสองชามให้พวกเขากิน หลังสวี่เชิ่งเหม่ยบอกว่าคนจำนวนมากพูดกันว่าน้องชายของหล่อนได้เข้าโรงงานเพราะเส้นสายครอบครัว นางก็เอ่ยขึ้น “ช่างตาบอดไม่ลืมหูลืมตาจริง ๆ มาตั้งไกลเพื่อไม่เห็นหัวคนอื่นแบบนี้เนี่ยนะ!”
“ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากเข้าที่นั่นหรอกครับ คุณน้าผมอยู่ที่นี่แล้ว ผมจะไปที่นั่นเพื่ออะไร” ในที่สุดสวี่เชิ่งเฉียงก็รู้สึกมีหวังขึ้นมาและเอ่ยดังนี้
แต่นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในใจของเขาเช่นกัน
ตระกูลจ้าวดูถูกเขาอยู่ตลอด ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สักหน่อย แต่คุณน้าก็ไม่ให้เขามา เขาจะทำอะไรได้นอกจากต้องอยู่ที่นั่น?
“ใครขอให้เธอมาที่นี่กันล่ะ? เธอมีความสามารถขนาดไหนก็ดูจากสิ่งที่เธอทำ ถ้าเธอขยันทำงานในหมู่บ้านเธอจะทำได้แย่ไหม?” ท่านแม่โจวตอบ
นางรู้สึกปวดใจกับหลานชายนัก แต่บรรดาผู้ใหญ่ก็ไม่ให้เขามา เขายืนกรานจะมาเองแบบนี้แล้วเขาจะโทษใครได้?
“คุณยาย คุณยายไม่รู้หรอกว่าที่เมืองหลวงนี่ดีแค่ไหน ผมยังเด็กอยู่ก็ย่อมต้องหาโอกาสจากข้างนอก ดูหู่จือกับกังจือสิครับ ไม่ใช่ว่าพวกเขามาที่นี่กันทั้งคู่เหรอครับ?” สวี่เชิ่งเฉียงเอ่ย
“เอาล่ะ รีบ ๆ กินเกี๊ยวได้แล้ว” ท่านแม่โจวตัดบท
“หนูได้ยินมาจากคุณแม่ว่าคุณน้าของหนูเคยมาคุยด้วยและถามหล่อนว่ามีความสุขไหมหากได้มาที่นี่ด้วยน่ะค่ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยฝืนยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...