“อยากไปโรงเรียนภาคค่ำเหรอ?” โจวชิงไป๋ถามหลังฟังสิ่งที่พวกเขาเล่าแล้ว
“คุณน้า ผมอยากไปจริง ๆ นะครับ” ในตอนแรกสวี่เชิ่งเฉียงไม่อยากพูดแบบนี้นัก แต่หลังจากโดนพี่สาวหยิกแล้ว เขาก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนลูกปืนลงไป
“เธอรู้ศัพท์มากน้อยแค่ไหน?” โจวชิงไป๋ถาม
สวี่เชิ่งเฉียงอึกอัก โจวชิงไป๋จึงหยิบใบรายการอาหารมาให้เขาอ่าน “ลองอ่านดูรอบนึงซิ”
สวี่เชิ่งเฉียงอ่านสะกดคำอย่างตะกุกตะกัก โจวชิงไป๋ย่นคิ้วและเอ่ยออกมา “น้าจะบอกเรื่องนี้กับน้าสะใภ้แล้วกัน ขึ้นไปชั้นสองสิ เอ้อร์นีมีพจนานุกรมเก่าที่ไม่ได้ใช้อยู่ ให้น้องชายเธอหยิบกลับไปอ่านนะ”
คำพูดครึ่งหลังนั้นเขาพูดกับสวี่เชิ่งเหม่ย
สวี่เชิ่งเหม่ยดีใจจนเนื้อเต้นและเดินขึ้นไปหยิบพจนานุกรมมาจากชั้นสอง หลังหยิบพจนานุกรมลงมาแล้วหล่อนก็ถอนหายใจโล่งอกก่อนเอ่ยขึ้น “ขอบคุณคุณน้านะคะ หนูจะให้เฉียงจือขยันเรียนหนัก ๆ เลยค่ะ!”
โจวชิงไป๋ไม่เอ่ยอะไร เขาปล่อยให้พวกเขากลับไปก่อน
เมื่อหลินชิงเหอเลิกงานแล้ว โจวชิงไป๋ก็บอกเรื่องนี้กับเธอ หญิงสาวจ้องมองเขาโดยไม่พูดอะไร
โจวชิงไป๋กระแอมไอแห้ง “ให้เขาเรียนเถอะครับ”
“ได้ค่ะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นคุณก็รับผิดชอบเองนะคะ อย่ามาหาฉัน” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างขุ่นเคือง
แม้เธอจะรู้ว่าเขาเป็นน้าของพวกเขาและอยากจะดึงพวกเขาขึ้น แต่เธอก็อยู่คนละสายตระกูลกับหล่อน ยิ่งกว่านั้นมันมีสวี่เชิ่งเหม่ยเป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว ดังนั้นอย่าหวังให้เธอมายุ่งกับเรื่องนี้เลย
โจวชิงไป๋รู้สึกจนใจ แต่ก็ยังเอ่ยขึ้น “งั้นผมจะพาเขาไปสมัครเรียนนะ”
หลินชิงเหอกลอกตาและไม่เสวนากับเขาต่อ เธอเดินตรงไปที่ร้านเสื้อผ้า
โจวเอ้อร์นีกำลังทำรายการสินค้าของวันนี้อยู่ เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา หล่อนก็เอ่ยขึ้น “คุณอาสะใภ้สี่ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ”
“แค่แวะมาตรวจดูจ้ะ” หลินชิงเหอตอบ “คราวหน้าสวี่เชิ่งเฉียงจะไปเรียนโรงเรียนภาคค่ำกับหนูด้วยนะ”
โจวเอ้อร์นีไม่เอ่ยอะไร
หลินชิงเหอหยิบรายการสินค้าวันนี้ไปจากมือของหล่อนและเอ่ยขึ้น “กิจการวันนี้ดีไม่น้อยเลยนะ”
“ค่ะ” โจวเอ้อร์นีพยักหน้าและเอ่ยปลอบ “ถ้าเชิ่งเฉียงอยากไปเรียนก็ให้เขาไปเรียนเถอะค่ะ อาสะใภ้อย่าเครียดไปเลยนะคะ”
“ไม่ได้เครียดอะไรหรอกจ้ะ อาแค่รู้สึกว่าทันทีที่เขาเข้าโรงเรียนภาคค่ำ เขาจะก่อเรื่องขึ้นน่ะสิ หนูคงยังไม่รู้ว่าอาจารย์หยางที่เป็นเพื่อนร่วมแผนกกับอามีบ้านอยู่ใกล้กับบ้านตระกูลจ้าว แล้วได้ยินมาว่าสวี่เชิ่งเฉียงซ้อมคนถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลน่ะ” หลินชิงเหอก้มมองบัญชีพลางเอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน้า
อาจารย์หยางไม่รู้ว่าสวี่เชิ่งเฉียงเป็นหลานชายตระกูลโจวจึงเล่าข่าวซุบซิบในตระกูลจ้าวให้ฟัง ตอนแรกหลินชิงเหอไม่ใส่ใจมากนัก แต่หลังจากได้ยินจนจบแล้วเธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อถามไปคร่าวๆ ก็พบว่าเป็นสวี่เชิ่งเฉียงที่ซ้อมคนจนต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนแรกหลินชิงเหอก็ไม่ใส่ใจมากนัก แต่หลังจากได้ยินแล้วเธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หลังลองถามดูคร่าว ๆ เธอก็รู้ว่าเป็นสวี่เชิ่งเฉียงที่ซ้อมคนจนเข้าโรงพยาบาล
โจวเอ้อร์นีนิ่งไปพร้อมกับมีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที “เขาซ้อมคนจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลยเหรอคะ?”
“ใช่แล้ว เก่งมากเลยใช่ไหมล่ะ?” หลินชิงเหอตอบ เธอรู้ว่าชิงไป๋ของเธอเป็นคนใจอ่อน แม้หลานสาวจะทำให้เขาผิดหวัง แต่เขาก็ยังอยากช่วยหลานชายอยู่ เธอจึงไม่อยากหยุดเขา แต่ปล่อยให้เขาได้เห็นกับตาตัวเองว่าหลานชายคนนี้มีจิตใจเป็นอย่างไร
ชิงไป๋ของเธอเป็นคนแบบนั้นแหละ เขาไม่ผิดหวังกับอะไรง่าย ๆ แต่เมื่อใดที่เขาผิดหวังขึ้นมาก็กู่ไม่กลับ
เธอรู้สึกว่าสวี่เชิ่งเฉียงไม่ได้เต็มใจจะไปโรงเรียนภาคค่ำหรอก เก้าในสิบส่วนเป็นเพราะเขาเชื่อฟังพี่สาวของเขามากกว่า ถ้าว่าตามความคิดของตนเองแล้วเขาไม่คิดที่จะไปโรงเรียนภาคค่ำเลย
หากเขาตั้งใจเรียนอย่างว่าง่ายก็ดีไป แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีกครั้ง หลินชิงเหอก็ยังคงให้โจวชิงไป๋เป็นคนรับผิดชอบด้วยตัวเอง
เธอไม่ไปยุ่งด้วยหรอก
“เดี๋ยวคืนนี้อาจะมานอนที่ร้านเกี๊ยวกับหนูนะจ๊ะ” หลินชิงเหอพูด
โจวเอ้อร์นีอึ้งไป “คุณอาสี่ยอมให้สวี่เชิ่งเฉียงไปโรงเรียนภาคค่ำแล้วเหรอคะ?”
“อาไม่โทษอะไรคุณอาสี่หรอก เขาเป็นหลานชายของเขา เป็นธรรมดาที่เขาอยากจะสนับสนุน อาแค่รำคาญเขาเท่านั้นแหละ” หลินชิงเหอตอบ
แม้เธอจะไม่อยากกลับไปนอนที่บ้าน แต่โจวชิงไป๋ก็มารับเธอกลับ หลินชิงเหอไม่อยากให้เด็ก ๆ เห็นการกระทำโง่งมของพวกเขาจึงส่งสายตามองค้อนเขาสองสามครั้งก่อนจะกลับไปกับเขา
“ถ้าคุณนึกโกรธอยู่ในใจก็ตีผมดุด่าผมได้เลยนะครับ” โจวชิงไป๋เอ่ยอย่างจนใจ
หลินชิงเหอไม่สนใจที่จะคุยกับเขาและเข้านอนโดยไม่รอช้า
โจวชิงไป๋กอดเธอนอน แต่หลินชิงเหอก็เมินใส่เขา…ผู้ชายตัวเหม็นเอ๊ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...