“ชิงไป๋คะ คุณไปหาพี่ใหญ่ก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวฉันค่อยตามไปพร้อมกับพี่สะใภ้ใหญ่” หลินชิงเหอหันไปบอกกับโจวชิงไป๋
“ตกลงครับ” โจวชิงไป๋ถือเหล้าออกไปหาพี่ชายใหญ่ของตน
“พี่สะใภ้ใหญ่ ทางซานนีเป็นยังไงบ้างคะ? หล่อนได้กลับมาบ้างหรือเปล่า?” หลินชิงเหอถาม
“กลับมาครั้งหนึ่งจ้ะ ปีนี้เกิดภัยพิบัติ ทางนั้นก็คงได้รับผลกระทบมากเหมือนกัน” สะใภ้ใหญ่ตอบ
“ฉันได้ยินจากพี่สะใภ้สามว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้ซานนีก็ยังไม่ตั้งท้องเสียที และประจำเดือนหล่อนมาทุก 10 วันเลยละค่ะ” หลินชิงเหอซึ่งรู้ว่าสะใภ้ใหญ่ยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับโจวซานนีเอ่ยขึ้น
สะใภ้ใหญ่อึ้งงันไป “มาทุก ๆ 10 วันงั้นหรือ? นี่ไม่ปกติแล้วนะ!”
“และยังไม่ตั้งท้องด้วยค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
สะใภ้ใหญ่ตกตะลึง “ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะจ๊ะ?”
หลินชิงเหอสั่นศีรษะ สะใภ้ใหญ่เริ่มวิตก “จะทำยังไงดี? ถ้าหล่อนไม่ได้รับการรักษา จะส่งผลเสียต่อร่างกายนะ!”
“ฉันกับชิงไป๋จะหาเวลาไปหาหล่อนที่นั่นค่ะ และถ้าหล่อนกับหลี่อ้ายกั๋วเต็มใจ ฉันก็จะพาพวกเขาไปปักกิ่งด้วย จะให้ไปดูแลร้านให้ฉัน” หลินชิงเหอบอก
“พาพวกเขาไปด้วยเหมือนกันเหรอ มีร้านให้ดูแลหลายร้านเลยหรือจ๊ะ?” สะใภ้ใหญ่ตกใจ
“ฉันวางแผนไว้ว่าจะเปิดร้านขายอาหารทะเลแห้งอีกร้านหนึ่งค่ะ เลยจะให้พวกเขาไปดูแลร้านนี้ แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะตกลงหรือเปล่านะคะ” หลินชิงเหอพูด
“แน่นอนสิจ๊ะ พวกเขาจะต้องตกลงไปด้วยแน่ ได้ไปที่ปักกิ่ง โรงพยาบาลที่นั่นดีกว่าที่นี่ มีเธอกับน้องสี่อยู่ที่นั่นด้วย ทำไมพวกเขาถึงจะไม่ยอมไปล่ะ?” สะใภ้ใหญ่ตอบ
หลินชิงเหอพยักหน้า
สะใภ้ใหญ่มองออกไปด้านนอก ก่อนจะลดเสียงพูดลง “ยัยเด็กลิ่วนีนั่น เธออย่ายอมให้หล่อนไปด้วยนะจ๊ะ ถึงหล่อนมาโวยวายก็ไม่ต้องไปสนใจ”
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?” ไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่า หลินชิงเหอไม่เคยให้ความสำคัญกับโจวลิ่วนีเลย ตั้งแต่แรกแล้วที่เธอคิดว่าหลานสาวคนนี้เกินจะเยียวยา แต่เธอก็ยังถามถึงหล่อน
“เธอไม่รู้อะไร เด็กคนนี้กลายเป็นพวกเด็กใจแตกไปแล้วล่ะ” สะใภ้ใหญ่ถอนใจ
เมื่อพูดถึงเรื่องของโจวลิ่วนี แม้ว่าในตระกูล โจวลิ่วนีจะอยู่ในลำดับต่อจากโจวอู่นี แต่หล่อนก็อายุน้อยกว่าญาติผู้พี่ผู้นี้เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น
ปีนี้หล่อนอายุได้ 17 ปี กลายเป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว แต่หล่อนกลับไม่สำรวมตัวเลย
หล่อนจะไปมั่วสุมอยู่กับพวกอันธพาลเหล่านั้นที่อยู่ทั้งข้างในและข้างนอกหมู่บ้าน สะใภ้ใหญ่ไม่สามารถพูดกับสะใภ้รองได้ หล่อนจึงไปบอกกับพี่ชายใหญ่แทน เหมือนดังเช่นที่ผ่านมาเป็นส่วนใหญ่คือ ให้เขาไปบอกกับพี่ชายรองให้ทราบเรื่องเพื่อจะได้ตักเตือนสั่งสอนหล่อน
ซึ่งพี่ชายรองก็ทำอย่างนั้น แต่โจวลิ่วนีก็ยังคงประพฤติตัวเช่นเดิมไม่เปลี่ยน
“พี่ได้ยินว่าหล่อนไปแอบซ่อนตัวอยู่ในทุ่งนาอยู่กับใครบางคนด้วยจ้ะ” สะใภ้ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ
สีหน้าของหลินชิงเหอไม่เปลี่ยนเมื่อกล่าวว่า “เด็กคนนี้ถูกพี่สะใภ้รองเลี้ยงให้เสียคนไปแล้วล่ะค่ะ”
ในอดีตที่เธอยืนหยัดในเรื่องที่ไม่ยอมให้โจวลิ่วนีไปปักกิ่ง ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าหลานสาวคนนี้แย่หรอกหรือ? หล่อนนิสัยเสียจนไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว
มีแค่สวี่เชิ่งเหม่ยคนเดียวเท่านั้นที่เธอพลาดไป นั่นเป็นเพราะในเวลานั้นเธอไม่รู้จักหล่อนดีพอ
ทว่าในชีวิตนี้มีใครไม่เคยทำผิดพลาดบ้าง?
อย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถไปยับยั้งผู้อื่นไม่ให้ไปปักกิ่งด้วยเพียงเพราะเธอทำพลาดไปในเรื่องของสวี่เชิ่งเหม่ย คนอื่น ๆ ที่ดีก็ยังมีอยู่ แล้วทำไมเธอไม่พาพวกเขาไปด้วยเล่า?
ครอบครัวของเธอไปอยู่ที่ปักกิ่ง แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะไฟแรงและก้าวหน้าขึ้น แต่รากฐานของครอบครัวเธอยังอ่อนแออยู่มาก
ไม่ได้มั่นคงเหมือนกับคนปักกิ่งซึ่งอยู่ที่นั่นกันมาหลายชั่วอายุคนและมีญาติพี่น้องมากมายอยู่ที่นั่น ญาติของครอบครัวเธอที่อยู่ที่นั่นเป็นแบบไหนกันเล่า?
แม้ว่ามันจะไม่ได้ก่อปัญหาอะไร แต่เธอต้องทำให้ผู้อื่นเข้าใจให้ชัดเจนว่า ครอบครัวของเธอมีร้านค้าทั้งหมดอยู่กี่ร้าน? การพาคนไปอยู่ที่นั่นมากขึ้น ก็เพื่อทำให้เหล่าเพื่อนบ้านได้จดจำถึงเรื่องนี้เอาไว้ในใจ
ก่อนจะมาทำธุรกิจ หลินชิงเหอไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่เธอมาเข้าใจมันได้ในภายหลังว่าหากจะต้องระแวดระวังกับเด็กรุ่นหลังที่จะพาไปเรียนรู้ในปักกิ่งเพราะเรื่องของสวี่เชิ่งเหม่ยแล้ว ก็เท่ากับเป็นการให้ความสำคัญกับอิทธิพลของสวี่เชิงเหม่ยมากเกินไป
ตราบใดที่เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี หลินชินเหอก็เต็มใจที่จะฝึกสอนพวกเขาเหล่านั้น ส่วนเรื่องที่พวกเขาจะไปได้ไกลขนาดไหน นั่นขึ้นอยู่กับตัวของพวกเขาเอง
หลินชิงเหอรู้สึกว่า นี่เป็นสิ่งที่เธอสามารถทำได้
สำหรับโจวลิ่วนี หล่อนไม่สามารถขัดเกลาได้แล้ว หลานสาวคนนี้เป็นคนไร้ประโยชน์ เธอจะไม่มีวันดูแลหล่อนเป็นอันขาด
“พี่แค่กังวลว่าตอนที่เธอพาซานนีไปที่นั่น หล่อนจะตามไปด้วยน่ะจ้ะ” สะใภ้ใหญ่พูดออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...