ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 450

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 450 ลำเอียงไปทางบ้านสายหลัก
บทที่ 450 ลำเอียงไปทางบ้านสายหลัก

อันที่จริง เพื่อที่จะได้เริ่มต้นทำธุรกิจ พี่ชายรองได้พูดคุยเรื่องนี้กับสะใภ้รองมาหลายครั้งแล้ว

ตอนแรก พี่ชายรองอยากจะเลี้ยงสัตว์ในแบบที่เพิ่มจำนวนการเลี้ยงให้มากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงไก่หรือเป็ดก็ได้ เขายังคิดจะเลี้ยงหมูด้วย แต่สะใภ้รองปฏิเสธไม่เห็นด้วยกับทุกเรื่อง

ต่อมาเมื่อพี่ชายรองเห็นว่าชีวิตน้องชายของเขากำลังไปได้ดีในเมือง เขาก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ถามเรื่องนี้กับน้องชายของตน ซึ่งอีกฝ่ายก็สนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ รวมทั้งน้องชายก็เห็นใจที่พี่ชายของตนไม่มีเงินทุน จึงสัญญาว่าจะให้เขายืมเงิน

การทำอะไรให้แก่กันได้ขนาดนี้ นับว่าเขาเป็นมากกว่าพี่น้องที่ดี ถูกต้องไหม?

ทว่าสะใภ้รองก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดี บอกว่าเขากำลังทำเรื่องวุ่นวายแทนที่จะทำงานในทุ่งนาให้ดี จิตใจของเขาจะฟุ้งซ่านไปถึงไหนกัน?

คำพูดของสะใภ้รองก็ฟังดูมีเหตุผลที่ดี เพราะหล่อนยกครอบครัวสายหลักเป็นตัวอย่างว่า หากการทำธุรกิจดีจริง แล้วทำไมครอบครัวสายหลักถึงไม่ทำล่ะ?

ต้องทราบว่าความสัมพันธ์ระหว่างสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สามนั้นดีกว่าความสัมพันธ์ที่พวกหล่อนมีต่อสะใภ้รองมาก

ทำไมพวกเขาถึงไม่ชวนครอบครัวสายหลัก แต่กลับมาชวนครอบครัวสายรองทำเล่า? อีกทั้งการทำธุรกิจก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง ตอนนี้มันอาจจะดูไม่เป็นไร แต่ก็ไม่สามารถจะรับรองได้ว่า สถานการณ์เช่นในอดีตจะไม่ย้อนกลับมาเกิดขึ้นอีกในอนาคต

ถ้าเกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกล่ะ? ตอนนั้นจะทำยังไง? ฉะนั้น การทำนาจึงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว

อย่างไรก็ตาม พี่ชายรองก็ยังรู้สึกกระวนกระวายใจกับเรื่องนี้เป็นอันมาก

เขาคิดไม่ออกเลยว่าการทำนานั้นดีอย่างไร? เหมือนดังเช่นการเก็บเกี่ยวพืชผลฤดูร้อนของปีนี้ หลังจากที่ต้องทำงานหนักมาตลอดทั้งปีกลับเก็บเกี่ยวอะไรไม่ได้เลย เช่นนั้นแล้วการทำนาดีกว่าตรงไหนกันล่ะ?

ยังไม่ต้องพูดถึงครอบครัวสายสี่ ซึ่งได้ย้ายไปอยู่ที่ปักกิ่งและได้กลายเป็นคนเมืองใหญ่ไปแล้ว

แค่พูดถึงเรื่องครอบครัวสายสามซึ่งตอนนี้ย้ายไปอยู่ในเมือง พวกเขาได้มีชีวิตที่ดี แล้วยังครอบครัวของพี่ชายใหญ่อีกเล่า

เอ้อร์นีส่งเงินเดือนของหล่อนกลับมาให้ที่บ้าน ในขณะที่ซื่อนีขยันขันแข็งคอยเลี้ยงไก่ เป็ดและหมูอยู่ที่บ้าน และยังมีหยางหยางลูกชายคนโตของพวกเขาซึ่งกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ในอนาคตก็จะได้หน้าที่การงานที่เป็นชามข้าวเหล็ก

พี่ชายใหญ่และสะใภ้ใหญ่สร้างบ้านอิฐหลังใหม่เอี่ยมขึ้นมา

ในครอบครัวตระกูลโจวมีทั้งหมด 4 บ้าน หลังจากผ่านไปหลายปี มีแค่บ้านสายรองเท่านั้นที่ยังอยู่จุดเดิม เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว พี่ชายรองจึงรู้สึกวิตกกังวล

เป็นความวิตกกังวลที่เขาไม่สามารถพูดออกไปให้ผู้อื่นฟังได้ ทำได้เพียงต้องกล้ำกลืนความทุกข์ทนนี้ไว้กับตนเอง

และน่าจะเป็นเพราะความทุกข์ใจของเขา หลินชิงเหอและสะใภ้ใหญ่จึงได้ยินเสียงกลั้นสะอื้นของพี่ชายรองดังขึ้นจากด้านนอก หลังจากที่หลินชิงเหอและสะใภ้ใหญ่กินอาหารเสร็จก่อน และ 3 คนพี่น้องยังนั่งดื่มกันต่อ

“โอ้” สะใภ้ใหญ่อดทอดถอนใจออกมาไม่ได้

หลินชิงเหอเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน

ที่จริงแล้วผู้ชายของครอบครัวตระกูลโจวต่างก็มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนกันทุกคน นั่นคือการเชื่อฟังภรรยาของตน

ทั้ง ๆ ที่ชิงไป๋เป็นคนแบบนี้ แต่เขาก็มีนิสัยที่เชื่อฟังภรรยาด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น ชีวิตของเขาคงจะไม่เป็นอย่างในนิยายต้นฉบับหรอก

เพียงแต่ว่า หลังจากที่เธอมาอยู่ที่นี่แล้ว เขาได้ถูกเธอชักนำให้ออกนอกเส้นทางนั้นมาเป็นเวลานานแล้ว

ทุกวันนี้โจวชิงไป๋ต่างไปจากเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว ทว่าแม้จะเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่เคยต่อว่าอะไรเธอเลย ในยามที่เธอทำเรื่องผิดพลาดขึ้นหรือจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยความเด็ดขาดเกินไป เขาก็จะเข้าไปช่วยแก้ไขให้อย่างเงียบ ๆ

มิฉะนั้นหลินชิงเหอซึ่งมองว่าตนเองเป็นคนร้ายกาจ จะกลายมาเป็นหญิงสาวตัวน้อยที่ไร้พิษสงเมื่อได้พบกับผู้ชายคนนี้ได้อย่างไรล่ะ?

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เป็นเพราะเธอรักผู้ชายคนนี้ของเธอจริง ๆ

แน่นอน เธอรู้ดีว่าชิงไป๋ของเธอก็อยู่โดยไม่มีเธอไม่ได้เช่นกัน

เป็นคำพูดที่กล่าวไว้ว่าอะไรนะ? ‘เมื่อคุณได้พบคนที่ใช่ คุณจะไม่ยอมปล่อยเขาไป’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม