โจวซานนีไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหล่อนถึงได้ร้องไห้ออกมา
กล่าวโดยสรุปคือ เมื่อได้เห็นคุณอาสี่และคุณอาสะใภ้สี่แล้ว หล่อนก็ไม่สามารถกลั้นความเจ็บปวดและความคับข้องใจในหัวใจเอาไว้ได้อีกต่อไป น้ำตาจึงไหลออกมาโดยไม่ตั้งใจ
“อย่าร้องไห้เลยนะจ๊ะ ตัวตรงแล้วไม่ต้องกลัวเงาเอียงไปนะ(1) ไม่มีอะไรให้ต้องร้องไห้อีก ไม่ว่าจะคับข้องใจเรื่องอะไรก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา เพียงก้าวเดียวก็จะผ่านมันไปได้!” หลินชิงเหอเดินเข้าไปหาแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาให้กับโจวซานนี พร้อมกับพูดน้ำเสียงจริงจัง
เธอรู้ดีว่าโจวซานนีรู้สึกกดดันมาก ผู้หญิงที่ไม่สามารถมีลูกได้เพราะประจำเดือนผิดปกติไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ห่างไกลและล้าหลังเช่นนี้
หากผู้อื่นไม่รู้เรื่องก็ยังไม่เป็นไร แต่เมื่อพวกเขารู้ คำติฉินนินทาลับหลังก็สามารถทำให้คนจมน้ำลายตายได้ หลินชิงเหอพอจะจินตนาการออกว่าความกดดันที่ได้รับนั้นมหาศาลแค่ไหน
โจวชิงไป๋ชำเลืองมองไปที่หลี่อ้ายกั๋วซึ่งได้แต่เกาศีรษะของตน เขาไม่รู้จะพูดอะไร แต่เขาไม่ได้รังแกภรรยาตัวน้อยของตนเองเลย
“หนูไม่เป็นไรค่ะ อาสี่ อาสะใภ้สี่ ไม่ต้องกังวลนะคะ หนูแค่ดีใจที่ได้เจอพวกคุณอาจนห้ามน้ำตาไม่ได้น่ะค่ะ อ้ายกั๋วดีต่อหนูมาก และไม่เคยปฏิบัติแย่ ๆ กับหนูเลยค่ะ” โจวซานนีน้ำตาคลอยิ้มออกมาอย่างจริงใจ
นานมากแล้วตั้งแต่ที่เธอได้เห็นหล่อนพูดยาวขนาดนี้ในคราวเดียว
หลินชิงเหอยิ้มพลางกล่าวว่า “เมื่อกี้หนูทำให้อาตกใจแทบแย่ อาคิดว่าอ้ายกั๋วรังแกหนูเสียอีก ถ้าเป็นอย่างนั้น อาจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่จ้ะ”
โจวซานนีเม้มปากและรีบไปล้างมือ “อาสี่กับอาสะใภ้สี่ นั่งก่อนค่ะ หนูจะไปรินน้ำมาให้”
“ไม่ต้องไปรินน้ำมาให้หรอกจ้ะ อาเพิ่งกินไอศกรีมแท่งก่อนจะมาที่นี่เอง อ้ายกั๋วซื้อให้เราน่ะจ้ะ” หลินชิงเหอตอบ
“คุณอามาที่นี่กันในวันที่อากาศร้อนมาก ต้องดื่มน้ำนะคะ” โจวซานนียืนกราน จากนั้นก็ไปล้างแก้วแล้วรินน้ำมาให้
หลินชิงเหอจิบน้ำแล้วส่งให้โจวชิงไป๋ผู้ที่ดื่มทุกอย่าง
จากนั้นก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี
นี่คือข้อเสียของการถูกตัดขาดจากโลกภายนอกของหมู่บ้านหลี่เจี่ย เช้านี้หลี่อ้ายกั๋วเพิ่งทำธุระเสร็จไปเพียงเรื่องเดียว นั่นคือลากเกวียนนำสินค้าที่เก็บเอาไว้ออกไปขายและกลับมา เท่านี้ก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว
หลี่อ้ายกั๋วไปเชือดไก่และถอนขน ที่นี่ก็เป็นเช่นนี้ เมื่อแขกคนสำคัญมาที่บ้าน ก็ต้องเชือดไก่มาเลี้ยงต้อนรับ
ในบ้านยังมีเห็ดเหลืออยู่อีก หลินชิงเหอเห็นแล้วจึงเอ่ยอย่างรื่นเริง “การได้อาศัยอยู่ในภูเขาอย่างนี้ทำให้พวกเธอกินของพวกนี้ได้สะดวกจริง ๆ นะจ๊ะ พอไปอยู่ที่ปักกิ่งแล้ว อาคิดถึงของพวกนี้มากเลยละจ้ะ”
ที่หมู่บ้านโจวเจี่ยก็มีเนินเขาอยู่เช่นกัน แต่พื้นที่ไม่เหมาะสมนัก โดยทั่วไปแล้วจะมีการออกหาอาหารป่าและล่าสัตว์กันน้อยกว่าที่นี่ สัตว์ป่าเหล่านี้ก็ไม่ได้มีมากมายนัก อย่างมาก พวกเขาก็แค่ขุดผักป่าและเก็บเห็ดบางอย่างหลังฝนตกเท่านั้น
“ครั้งนี้อ้ายกั๋วขายมันไปเกือบหมดแล้วละค่ะ ครั้งหน้าที่อาสะใภ้กลับมา หนูจะเก็บไว้ให้นะคะ ของอย่างอื่นก็มีไม่มากนัก มีแต่ของพวกนี้ที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือเลยละค่ะ” โจวซานนีบอก
หลินชิงเหอชอบหล่อนที่เป็นแบบนี้มาก เธอรู้สึกว่าหลังจากแต่งงานแล้วซานนีเปลี่ยนไปมาก จากจุดนี้เห็นได้เลยว่าหลี่อ้ายกั๋วดีต่อหล่อน
“ครั้งหน้าค่อยว่ากัน กินข้าวกันก่อนเถอะจ้ะ” หลินชิงเหอยิ้ม
แม้ว่าจะไม่ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าเป็นพิเศษ แต่ไก่ผัดกับเห็ดก็อร่อยมาก อาหารที่เหลือเช่น กะหล่ำปลี ไข่คนและอื่น ๆ เมื่อมารวมกัน ก็นับว่าเป็นอาหารที่ยอดเยี่ยม ล้วนเป็นของที่มีตามธรรมชาติทั้งหมดและมีรสชาติดีมาก
หลังจากที่กินเสร็จแล้ว โจวชิงไป๋ก็พูดกับหลี่อ้ายกั๋ว “อ้ายกั๋ว พาฉันไปเดินดูรอบ ๆ หน่อย”
“ได้ครับ” หลี่อ้ายกั๋วพยักหน้าและพาโจวชิงไป๋ออกไป
หมู่บ้านหลี่เจี่ยนั้นยากจนมากจริง ๆ ชาวบ้านส่วนใหญ่อยู่ในบ้านดิน มีบ้านที่เป็นอิฐครึ่งหลังกระจายกันอยู่เพียงแค่ไม่กี่หลังเท่านั้น สภาพความเป็นอยู่ก็ย่ำแย่เช่นกัน
“ปกติแล้วเธอไปที่ภูเขาลูกไหน?” โจวชิงไป๋ถาม
“ไปแค่ภูเขาลูกนั้นครับ มันเป็นพื้นที่สาธารณะ ในนั้นมีของป่าอยู่เยอะแยะเลยครับ” หลี่อ้ายกั๋วบอกพร้อมกับชี้ไปที่ภูเขาลูกหนึ่ง
คนที่นี่ยากจนกว่าก็จริง แต่ตราบใดที่มีความสามารถ พวกเขาจะไม่ขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มเลย
เพราะพวกเขาพึ่งพาภูเขาสำหรับอาหารและน้ำ เมื่อมีภูเขาอยู่ล้อมรอบ พวกเขาสามารถหาของมีค่าในป่ามากินได้
ในอดีต ระหว่างช่วงที่เกิดการขาดแคลนอาหารครั้งใหญ่ พวกเขาก็พึ่งพาของป่าที่อยู่ในภูเขาเพื่อเอาชีวิตรอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...