นอกจากนี้โจวซานนียังได้ไปหาคุณอาสะใภ้สาม ซึ่งอีกฝ่ายพาหล่อนไปโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้
สำหรับบ้านแม่ของตนนั้น โจวซานนีไม่ได้กลับไป
หลังจากที่โจวซานนีตามหลี่อ้ายกั๋วกลับมาที่หมู่บ้านแล้ว หล่อนเลยอยากให้หลี่อ้ายกั๋วมีใครอีกคน จากนั้นทั้งคู่ก็ทะเลาะกันในเรื่องนี้
หลังจากการทะเลาะและร้องไห้ในครั้งนี้แล้ว โจวซานนีก็สงบสติอารมณ์ลงได้ กระนั้นหญิงสาวคนนี้ก็ยังเป็นคนจิตใจดีเสมอมา
ครั้งนั้นหล่อนยังไม่รู้ว่าแม่สามีไม่สามารถทนตนเองได้ หล่อนยังคงตั้งความหวังไว้ โดยคิดว่าหลี่อ้ายกั๋วเป็นลูกชายของหล่อน โจวซานนีไม่รู้ว่าคนรุ่นนั้นให้ความสำคัญกับลูกเหนือสิ่งใด
ดังนั้นหล่อนจึงไปหาแม่ของอ้ายกั๋วเพื่อพูดถึงเรื่องนี้
แล้วจะไปรู้อะไรได้ล่ะ เรื่องนี้ได้ถูกป่าวประกาศไปทั่วหมู่บ้านหลี่เจี่ย โจวซานนีถูกแม่ของหลี่อ้ายกั๋วด่าว่าอย่างรุนแรง
นางพูดว่าครอบครัวของแม่หล่อนเป็นพวกคดโกง พวกเขาเอาเด็กสาวขี้โรคเช่นนี้แต่งออกมาและยังกล้าเรียกเงินสินสอดถึง 400 หยวน นี่เป็นเหมือนสิงโตที่อ้าปากกว้าง(1)ชัด ๆ
ข่าวถูกแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านหลี่เจี่ย
โจวซานนีรู้สึกโมโหมาก หลี่อ้ายกั๋วจึงได้ไปคุยกับแม่ของตนเองหลังจากที่รู้เรื่องนี้
แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำอะไรได้ คนทั้งหมู่บ้านหลี่เจี่ยต่างก็รู้เรื่องนี้กันหมด ผู้คนพาพูดถึงเรื่องนี้ลับหลังอยู่บ่อย ๆ
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าที่หลี่อ้ายกั๋วจะแต่งงาน ชื่อเสียงของเขาได้ถูกทำลายมาตลอดอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวกับการที่จะต้องเกิดปัญหา ใครก็ตามที่กล้าพูดลับหลังพวกเขา เขาจะไปเผชิญหน้าตอบโต้ในทันทีโดยไม่มียั้ง
แม้จะเป็นผู้หญิง เขาก็สามารถโต้กลับไปจนกระทั่งพวกหล่อนต้องเสียหน้า เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้ผู้คนพากันพูดว่า เขาเป็นคนพิการที่เหมาะกันแล้วกับแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้ เกือบจะเหมือนกับอีกาที่เกาะอยู่บนหลังหมู ที่แต่ละฝ่ายไม่มีทางที่จะไม่ชอบซึ่งกันและกัน
แต่หมู่บ้านหลี่เจี่ยก็ยังมีครอบครัวที่จิตใจดี และให้คำแนะนำดี ๆ มากมายแก่โจวซานนี
นอกจากนี้หลี่อ้ายกั๋วก็นับว่าเป็นคนที่มีฐานะค่อนข้างดีในหมู่บ้านหลี่เจี่ย ดังนั้นนอกเหนือจากการถูกนินทาจากคนที่ไม่ประสงค์ดีบางคนแล้ว ชีวิตของโจวซานนีก็ยังถือว่าดีอยู่
ติดเพียงเรื่องที่ว่าพวกเขาแต่งงานกันมาเกือบ 1 ปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีข่าวดีเสียที โจวซานนีซึ่งได้รับการปลอบประโลมจากหลี่อ้ายกั๋วไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมาให้เห็นก็จริง ทว่าเหตุการณ์นี้ได้ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของเธอไปแล้ว
การไม่สามารถมีลูกได้เป็นความเจ็บปวดของผู้หญิงทุกคน
เมื่อหลินชิงเหอได้ยินว่าแม่ของหลี่อ้ายกั๋วไม่ได้ช่วยเหลือลูกสะใภ้ แต่กลับออกไปโพนทะนาเรื่องนี้ สีหน้าของเธอก็บูดบึ้งอย่างไม่พอใจ
เดิมทีเธอกำลังคิดว่าจะไปเยี่ยมเยียนนางเนื่องจากไม่ค่อยมีโอกาสได้มาที่นี่ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์จะเป็นไปแบบธรรมดา แต่ถึงอย่างไรเธอต้องไปในฐานะที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
แต่ตอนนี้หลินชิงเหอไม่คิดจะรักษามารยาทอีกแล้ว เธอขี้เกียจเกินกว่าจะทำตามหน้าที่นี้ได้
“อาได้ยินว่าอ้ายกั๋วอยากจะไปเปิดร้านเหมือนทางอาสามของหนูหรือจ๊ะ?” หลินชิงเหอถาม
“เขาจะทำเพื่อหนูน่ะค่ะ เขาอยากให้หนูได้อยู่ใกล้กับโรงพยาบาล ขาของเขาไม่ดี แล้วเขาจะไปทำธุรกิจในเมืองได้ยังไงกันคะ? หนูเองก็ไม่ได้ความเลย การทำอย่างนั้นไม่ได้ผลหรอกค่ะ” โจวซานนีสั่นหน้า
“ถ้าอย่างนั้น หนูคิดจะตัดใจหรือจ๊ะ?” หลินชิงเหอพูด
“เปล่าค่ะ ตอนนี้หนูกำลังพยายามทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น หนูเชือดไก่และเอามาตุ๋นทุก ๆ ครึ่งเดือน ไม่มีใครในหมู่บ้านฟุ่มเฟือยเท่าหนูอีกแล้วละค่ะ” โจวซานนียิ้ม
แม้ว่าจะเป็นการฝืนยิ้ม แต่ก็ยังดูสดใส
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...