หลินชิงเหอไม่ได้ตำหนิหลี่อ้ายกั๋วที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดล่วงหน้า ในทางตรงกันข้าม เธอกลับมองหลี่อ้ายกั๋วอย่างชื่นชม
แม้ขาจะพิการ แต่เห็นได้ไม่ยากว่าหลี่อ้ายกั๋วมีความคิดเป็นของตัวเองและรักซานนีด้วย
การได้อยู่กับคนเช่นนี้แล้ว ในอนาคตชีวิตของซานนีจะต้องไม่ย่ำแย่อย่างแน่นอน
ดังนั้นหากเขาต้องการจะทำธุรกิจด้วยตัวเองแล้ว หลินชิงเหอก็จะไม่ห้ามเขา
“ทำงานในร้านสัก 3 ปี อีก 3 ปีถัดไป ถ้าเธอยังอยากจะออกไปทำเอง อาสะใภ้สี่ของซานนีกับฉันจะสนับสนุนพวกเธอเอง” โจวชิงไป๋หันไปพูดกับหลี่อ้ายกั๋ว
หลินชิงเหอก็รู้สึกว่าเวลา 3 ปีเหมาะสมดี ไม่นานเกินไปและไม่สั้นเกินไป เป็นระยะเวลาที่ยาวกำลังดี ปีนี้เป็นปี 83 อีก 3 ปีต่อมาจะเป็นปี 86 ซึ่งยังคงอยู่ในช่วงของการพัฒนาที่รวดเร็ว
หากหลี่อ้ายกั๋วอยากจะออกไปทำธุรกิจของตัวเองในเวลานั้น ก็ยังไม่ถือว่าช้าเกินไป
หลี่ก้ายกั๋วเองก็คิดว่า 3 ปีเป็นเวลาที่พอเหมาะ ในช่วงเวลา 3 ปีนี้ เขาสามารถปรับตัวอยู่ในปักกิ่งได้แล้ว และยังมีเวลาพอที่จะดูตลาดที่นั่นได้อีกด้วย ที่สำคัญมากไปกว่านั้น คือการได้เก็บเงิน
เขาและโจวซานนีมีเงินเก็บอยู่ แต่ในตอนนี้พวกเขามีไม่มากนัก เมื่อยังไม่รวมเงินสินเดิมที่หลินชิงเหอให้โจวซานนีมา ครอบครัวเขามีเงินเก็บอยู่ประมาณ 300 หยวน หลังจากเอาส่วนของภรรยาเขาออกไปแล้ว
ยังมีพวกสัตว์เลี้ยงที่สามารถนำมาขายได้ พูดได้ว่าสำหรับในหมู่บ้านนี้ สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นทรัพย์สินที่มากแล้ว เมื่อพิจารณาจากการที่พวกเขายังมีอายุน้อยอยู่
หลี่อ้ายกั๋วแยกบ้านออกมาอยู่ด้วยตนเอง เขาสร้างบ้านและแต่งภรรยาโดยพึ่งพาตัวเองทั้งหมด ดังนั้นถือได้ว่าเขาเป็นคนหนุ่มที่มีอนาคตทีเดียว
เรื่องนี้ก็ได้รับการตัดสินใจเช่นนี้
หลี่อ้ายกั๋วไปหาเลขาธิการสาขาหมู่บ้านเพื่อหารือถึงเรื่องการขายหมูและไก่ของบ้านตน ไม่เพียงแต่หมูและไก่ที่บ้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพืชผลในทุ่งนาที่กำลังจะโตเต็มที่แล้ว
ถ้าพวกเขาไม่ได้ไปก็แค่ไม่ไป แต่ถ้าพวกเขาตัดสินใจจะไปแล้ว เช่นนั้นก็จงจัดการทุกอย่างให้รวดเร็วและเด็ดขาด
เมื่อหลี่อ้ายกั๋วไปหาเลขาธิการสาขาหมู่บ้านเพื่อหารือในเรื่องนี้ เลขาธิการสาขาหมู่บ้านรู้สึกตกใจมาก “อะไรนะ? เธออยากจะขายหมูและไก่ กับพืชผลในทุ่งนาแล้วเปลี่ยนเป็นเงินงั้นหรือ?”
ปฏิกิริยาแรกของเลขาธิการสาขาหมู่บ้านคือคิดว่าหลินชิงเหอและโจวชิงไป๋มาที่นี่เพื่อขอยืมเงิน
“ใช่ครับ ซานนีกับผมจะไปทำงานที่ปักกิ่งกับคุณอาสี่และคุณอาสะใภ้สี่น่ะครับ เราก็เลยต้องจัดการขายของพวกนี้ทิ้งไป” หลี่อ้ายกั๋วพยักหน้า
“ปักกิ่ง? คุณอาสี่กับคุณอาสะใภ้สี่ของซานนีมาจากปักกิ่งอย่างนั้นหรือ?” เลขาธิการสาขาหมู่บ้านยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก ไม่เพียงเขาเท่านั้น ภรรยาของเขาก็ประหลาดใจเหมือนกัน
สุดยอด ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาดูน่าประทับใจราวกับท่านผู้นำที่เดินทางมาในชนบท ที่แท้พวกเขามาจากปักกิ่งนี่เอง
“คุณอาสี่ทำธุรกิจอยู่ที่นั่น ส่วนคุณอาสะใภ้สี่เป็นอาจารย์สอนภาษาต่างประเทศอยู่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งน่ะครับ ครอบครัวของพวกเขามีทะเบียนบ้านอยู่ที่ปักกิ่งกัน พวกเขาเลยถือว่าเป็นคนที่มาจากปักกิ่งจริง ๆ” หลี่อ้ายกั๋วพูด
ทั้งเลขาธิการหมู่บ้านและภรรยาของเขารู้สึกตกใจมากจนกระทั่งพูดไม่ออก
การทำธุรกิจก็ดีหรอก แต่คุณอาสะใภ้สี่ของภรรยาอ้ายกั๋วเป็นถึงอาจารย์สอนภาษาต่างประเทศอยู่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง? มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นสถานที่แบบไหนกันเล่า? นั่นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ เป็นสถาบันในตำนานเชียวนะ!
แต่เธอกลับได้เป็นอาจารย์สอนภาษาต่างประเทศที่นั่น! เธอสอนนักศึกษามหาวิทยาลัยเลยนะ?!
ไม่มีใครรู้เลยว่าครอบครัวทางแม่ของภรรยาอ้ายกั๋วจะน่าประทับใจขนาดนี้!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่อ้ายกั๋วต้องใช้เงินถึง 400 หยวนในการแต่งหล่อนกลับมา!
“แต่เมื่อเธอไปอยู่ที่นั่นแล้ว งานไม่ได้หาได้ง่าย ๆ เลยนะ งานข้างนอกนั้นเป็นหัวผักกาด 1 หัวใน 1 หลุม” เลขาธิการหมู่บ้านกล่าว
“คุณอาสี่และคุณอาสะใภ้สี่จะเปิดร้านค้าเพิ่มอีกร้านหนึ่งน่ะครับ พอถึงเวลานั้น เราจะไปดูแลร้านนี้และจะได้เงินเดือน 50 หยวน” หลี่อ้ายกั๋วตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...