บทที่ 459 กลับปักกิ่ง
เมื่อเลขาธิการสาขาของหมู่บ้านหลี่เจี่ยได้ยินเช่นนั้น ในใจเขาก็อยากจะกล่าวอะไรบางอย่างออกมา
ไม่ใช่แค่ครอบครัวคุณอาและคุณอาสะใภ้สี่ของภรรยาอ้ายกั๋วเท่านั้นที่อยู่ที่ปักกิ่งอย่างนั้นหรือ? ยังมีผู้อื่นอีกหลายคน คุณปู่คุณย่า คุณอาเล็ก คุณอาเขยและคนอื่น ๆ ด้วย?
ครอบครัวภรรยาอ้ายกั๋วเป็นครอบครัวใหญ่แบบไหนกันนี่?
“อาสะใภ้สี่คะ นับเวลาดูแล้ว พี่ใหญ่คงจะเรียนจบแล้วใช่ไหมคะ?” โจวซานนีถาม
“เรียนจบมาเกือบจะ 2 ปีแล้วล่ะจ้ะ ปีนี้เจ้าสามก็เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งแล้วนะ” หลินชิงเหอตอบอย่างอารมณ์ดี
“เจ้าสามก็เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งด้วยหรือคะ?” โจวซานนีพูดด้วยความประหลาดใจ “งั้นก็หมายความว่าทั้ง 3 คนพี่น้องเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งกันทุกคนเลยน่ะสิคะ?”
ในเวลานี้ไม่เพียงแต่เลขาธิการสาขาหมู่บ้านเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่หลี่อ้ายกั๋วก็ตกใจมากเช่นกัน
เขารู้ว่าคุณอาสี่และคุณอาสะใภ้สี่เป็นคนเก่งมาก แต่ไม่รู้เลยว่าทั้งครอบครัวเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งกันหมด?
ในยุคทองของการได้ชื่อว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ครอบครัวแห่งนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่ง! นี่คือครอบครัวประเภทไหนกัน? ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นในชนบทแล้วละก็ มันจะต้องได้ลงหนังสือพิมพ์เลยทีเดียว
นี่เป็นสิ่งที่นำเกียรติยศมาสู่บรรพบุรุษ ควันสีน้ำเงินจากบรรพบุรุษ(1) ยังไม่ยอดเยี่ยมเท่านี้เลย
หลินชิงเหอยิ้มพลางเอ่ยว่า “เจ้าเด็กเหลือขอ 3 คนนี้มีดีก็แค่เรื่องเรียนเก่งเท่านั้นล่ะจ้ะ”
สายตาของโจวชิงไป๋ที่มองไปทางภรรยาของตนนั้นอ่อนโยนมาก การที่ลูกชาย 3 คนสามารถกลายมาเป็นมังกรเป็นหงส์(2)ได้นั้น ไม่ได้อาศัยมรดกจากบรรพบุรุษตระกูลโจวที่เป็นชาวนายากจนมา 18 ชั่วอายุคนของพวกเขาเลย
ทว่าเป็นภรรยาของเขาที่นำความเจริญรุ่งเรืองมาให้สามีและลูกชาย
ตอนนี้สามารถพูดได้ว่าพวกเขาเป็นครอบครัวบัณฑิต เป็นครอบครัวบัณฑิตอย่างแท้จริง
เวลานี้หลี่อ้ายกั๋วได้พาเลขาธิการหมู่บ้านไปตรวจนับทรัพย์สินในบ้าน คืนนี้เขาจะเชือดไก่กิน 2 ตัว และที่เหลือก็จะถูกเปลี่ยนมือไป รวมทั้งพืชผลและของอื่น ๆ ที่อยู่ในที่ดินด้วย
เมื่อทำบัญชีทรัพย์สินเสร็จแล้ว จำนวนเงินทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 150 กว่าหยวน ซึ่งหลี่อ้ายกั๋วได้ตัดเศษออก ดังนั้นจึงเป็นเงิน 150 หยวนถ้วน
เลขาธิการสาขาหมู่บ้านกลับไปเอาเงินมาให้อย่างยินดี หลินชิงเหอนำเหล้าเหมาไถมาให้โจวชิงไป๋ ซึ่งที่จริงแล้วเธอเอาเหล้าออกมาจากมิติ
ไก่ 2 ตัวถูกเชือดเป็นอาหารมื้อเย็นในคืนนั้น พวกเขาเชิญเลขาธิการหมู่บ้านให้อยู่ร่วมดื่มด้วยกัน
ที่โต๊ะอาหารค่ำ หลินชิงเหอบอกเล่าเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในปักกิ่งและยังได้เปิดเผยสถานการณ์บางเรื่องแก่เลขาธิการสาขาหมู่บ้าน รวมทั้งความเจริญก้าวหน้าในที่อื่น ๆ เช่น จากทางตอนใต้
เลขาธิการสาขาหมู่บ้านถึงกับอึ้งตะลึง เมื่อได้ฟังเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าความรู้ของเขาเทียบกับคุณอาสี่และคุณอาสะใภ้สี่ของภรรยาอ้ายกั๋วไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกดีใจมากที่ได้มากินอาหารเย็นที่นี่ เหมาไถนับเป็นสุราชั้นยอดที่ทั้งแรงและกลมกล่อมมาก
เลขาธิการสาขาหมู่บ้านรู้สึกพอใจมากกับอาหารมื้อนี้ เขายังเมาอยู่ในตอนที่จะกลับบ้าน หลี่อ้ายกั๋วจึงต้องเป็นคนพาเขากลับ
“พอเธอไปอยู่ที่ปักกิ่งแล้ว อย่าลืมบ้านเกิดของตัวเองเสียล่ะ ถ้ามีเวลาก็กลับมาเยี่ยมดูบ้าง” เลขาธิการสาขาหมู่บ้านตบไหล่เขาเบา ๆ แล้วพูดขึ้น
เขารู้สึกว่าหลี่อ้ายกั๋วหลานชายคนนี้จะต้องมีอนาคตที่สดใสเมื่อได้ออกไปอยู่โลกภายนอกนั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีญาติผู้ใหญ่ที่ยินดีจะสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง
“ที่นี่เป็นรากเหง้าของผม ผมจะต้องกลับมาอีกแน่นอนครับ” หลี่อ้ายกั๋วตอบ
เลขาธิการสาขาหมู่บ้านยิ้มพร้อมกับตบบ่าเขา ก่อนที่จะปล่อยให้เขากลับไป
หลี่อ้ายกั๋วมุ่งหน้ากลับบ้าน
“ตรวจดูว่าพวกเธอต้องการเอาของอะไรไปบ้าง เลือกเอาของที่ขนไปได้ง่าย ๆ แต่พวกของที่เอาไปไม่ได้ พอไปถึงที่นั่นแล้วค่อยซื้อใหม่อีกที ที่นั่นไม่มีความจำเป็นต้องใช้พวกคูปองหรืออะไรอย่างนั้นหรอกจ้ะ” หลินชิงเหอบอก
ที่จริงแล้วพวกเขาก็อยากจะปฏิบัติตามคำแนะนำของเธอในการเอาไปเพียงแค่ของบางอย่าง เช่นพวกเสื้อผ้า แต่ด้วยความที่พวกเขากำลังจะจากบ้านไป ดังนั้นทั้งคู่จึงต้องการจะประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...