บทที่ 509 ยืมเงิน
เพียงแต่เขารู้ว่าการเปิดร้านแบบนี้มีต้นทุนไม่ใช่น้อย ๆ เลย
พูดตามตรงคือ อย่างน้อยๆ ในตอนนี้พวกเขาเปิดร้านแบบนี้ไม่ไหวหรอก
พอถึงตอนเย็น โจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอก็มาหาพวกเขา
วันนี้เป็นวันตรวจสต็อกสินค้า ปกติแล้วหม่าเฉิงหมินจะเป็นคนมา แต่หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ไม่ได้มาหาโจวซานนีพักใหญ่แล้วเหมือนกัน พวกเขาจึงเป็นคนมาที่นี่แทน
หลังตรวจสต็อกสินค้าเสร็จ โจวชิงไป๋ก็ถามหลี่อ้ายกั๋ว “ตอนนี้มีเงินกี่หยวนเหรอ?”
หลินชิงเหอยิ้มออกมาและเอ่ยถามเขาเช่นกัน “ความหมายของน้าสี่เธอก็คือ พวกเธอต้องการซื้อร้านค้าไหม ถ้าต้องการซื้อละก็ งั้นปีนี้ก็ซื้อเก็บไว้สักร้านเถอะ”
ต่อไปหลี่อ้ายกั๋วกับโจวซานนีก็ต้องลงหลักปักฐานที่นี่ ดังนั้นการซื้อร้านจึงเป็นสิ่งจำเป็น
แม้ตอนนี้จะยังไม่ทำอะไร แต่ซื้อเก็บไว้สักร้านหนึ่งก็ดีเหมือนกัน
ส่วนบ้านนั้นรอซื้อแค่บ้านจัดสรรก็พอ และยังไม่ต้องรีบซื้อ รอจนถึงอนาคตแล้วค่อยซื้อก็ได้ ตอนนี้ร้านค้าเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนมากกว่า
“มีไม่เท่าไหร่เลยครับ” หลี่อ้ายกั๋วพูดอย่างลังเล
จนถึงตอนนี้เขามีทรัพย์สินอยู่กับตัวทั้งหมด 1,000 หยวน และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าจะเก็บได้เท่านี้ เขากับโจวซานนีค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไม่สูงนัก หนึ่งเดือนคิดเป็น 20 ถึง 30 หยวนต่อเดือน ส่วนที่เหลือก็เก็บเอาไว้
แม้เงินเดือนของพวกเขาจะถือว่ามาก แต่ต่อให้เก็บเล็กผสมน้อยแล้ว พวกเขาก็ยังเก็บเงินได้เพียงจำนวนเท่านี้ แถมยังต้องนำเงินที่เขาเอามาจากบ้านเกิดเข้าไปรวมด้วย
“มีร้านหนึ่งทำเลพอใช้ได้ เนื้อที่ไม่ใหญ่มากนัก ราคาเท่ากับ 5,000 หยวน นายอยากได้ไหม?” โจวชิงไป๋ถาม
“ขาดอีกเยอะเลยครับ” หลี่อ้ายกั๋วตะลึงและพูดตอบ
“นายยืมเงิน 4,000 หยวนจากพวกเราไปซื้อก่อนก็ได้ มีเงินเมื่อไหร่แล้วค่อยเอามาคืน” โจวชิงไป๋พูด
“ 4,000 หยวนนี้ก็เยอะเกินไปจริง ๆ นะคะ” โจวซานนีมองหลี่อ้ายกั๋ว หล่อนไม่อยากจะยืมเงินอาสะใภ้สี่กับอาสี่มากขนาดนี้
“อาสี่ของเธออยากจะดูแลพวกเธอ เลยให้พวกเธอยืมเงินจากพวกเราไปซื้อร้านค้าก่อนน่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยเช่นกัน
หลี่อ้ายกั๋วมองโจวซานนี เขาเห็นหล่อนขมวดคิ้ว แต่ว่าหลี่อ้ายกั๋วอยากได้จึงหันกลับไปมองโจวชิงไป๋และหลินชิงเหอ “อาสี่กับอาสะใภ้สี่จะพาผมไปดูหรือครับ?”
“ตอนนี้ลองไปดูกับฉันก่อนสิ” โจวชิงไป๋ก็พูดขึ้นเช่นกัน เขาขับรถบรรทุกมาแล้ว ที่นั่นห่างจากที่นี่แค่ 10 นาทีเท่านั้น ไม่ค่อยไกลนัก
“อาสะใภ้สี่ เรายืมเงินของอากับอาสี่เยอะขนาดนี้ จะไม่เป็นอะไรแน่เหรอคะ?” โจวซานนีพูดขึ้นอย่างร้อนรน
“ต่อไปอ้ายกั๋วก็จะลงหลักปักฐานที่นี่ ซื้อร้านค้าสักร้านก็ไม่เลวเหมือนกันนะ” หลินชิงเหอเอ่ย
ปีหน้าจะมีการปฏิรูปเงินเดือน ปีนี้ถ้าสามารถซื้อได้ก็ซื้อเสียเถอะ เธอยังให้โจวเสี่ยวเหมยยืมหลายพันหยวน ให้โจวเสี่ยวเหมยกับซูต้าหลินไปซื้อบ้าน และก็ซื้อให้ท่านพ่อท่านแม่โจวด้วย 1 หลัง ซึ่งต้องใช้เงินไป 10,000 หยวน และสภาพยังแย่กว่าบ้านของหวังหยวนกับโจวเอ้อร์นีไม่น้อย
ไม่เพียงมันจะเล็กเท่านั้น มันยังเก่ามากอีกด้วย แต่ซื้อมาได้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว หลังซ่อมแซมต่อเติมเสร็จก็สามารถเข้าไปอยู่ได้
ถ้ารอให้ถึงปีหน้า มันจะต้องมีราคาสูงกว่านี้แน่
ปีหน้าเธอให้หู่จือทำงานอย่างนี้ต่อไป หลินชิงเหอยังวางแผนแนะนำให้เขาซื้อที่เอาไว้สัก 1 แปลง ถึงตอนนั้นหากขาดเหลือทางนี้ก็สามารถช่วยเติมเต็มได้
เธอมีเงินเก็บอยู่ในมือไม่น้อย ในปีนี้โจวชิงไป๋ก็ซื้อที่ดินไว้แล้วไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ใช้เงินอะไรมากมาย เงินเหล่านั้นเก็บไว้ซื้อบ้านสี่ประสานหลังที่สอง แต่แม้ว่านายหน้าขายบ้านที่นั่นส่งข้อเสนอมาให้ไม่น้อย แต่ตลอดมาเธอก็ไม่ได้ตอบกลับไป
เธอมีหน้าร้านอื่น ๆ อีก 2 ร้าน ซึ่งนายหน้าได้มาพูดกับหลินชิงเหอจนเธอซื้อเอาไว้ทั้งหมด เพราะจริง ๆ แล้วการมีหน้าร้านหลายร้านก็เป็นเรื่องที่ไม่เลว
จากสภาวะตลาดในปีนี้ หากได้ซื้อเก็บไว้มากหน่อยก็ซื้อเก็บไว้เถอะ ไม่งั้นจะมาเสียใจทีหลังเอาได้
“เงินเยอะเกินไปแล้วค่ะ หนูไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่จะหามาคืนได้” โจวซานนีพูดอย่างเกรงใจ
“ปีหน้าก็ขึ้นเงินเดือนพวกเธอแล้ว ถึงตอนนั้นก็คงไม่ต้องรอเงินคืนนานเกินไปจ้ะ” หลินชิงเหอเอ่ย
หลี่อ้ายกั๋วกับโจวชิงไป๋กลับมาอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาของหลี่อ้ายกั๋วมีทั้งความตื้นตันและความเกรงใจ
“ร้านนี้เขียนเป็นชื่อของซานนีนะ” หลินชิงเหอพูดออกมาตรง ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...