บทที่ 618 หนูก็อยากไปเหมือนกัน
สองปีมานี้บ้านหลักตระกูลโจวไม่ได้แค่ก้าวหน้าเรื่องธุรกิจ ยังมีเรื่องเส้นสายอีกด้วย
อันดับแรกคือพี่ชายใหญ่ของเขาเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เมื่อ 2 ปีที่แล้วเขาได้รับการเลื่อนขั้น ปีนี้ก็ยังได้เลื่อนขั้นขึ้นอีก
คาดว่าน่าจะได้เลื่อนขั้นเป็นพันตรีแล้ว
ตอนนี้พี่ชายใหญ่ของเขาเพิ่งจะอายุเท่าไหร่? นับเต็ม ๆ แล้วก็เพิ่งจะ 24 ปีเท่านั้น ศักยภาพแบบนี้ใครจะกล้าดูถูกพวกเขาได้บ้าง?
อันดับสองก็คือพี่รองของเขา เมื่อปีที่แล้วพี่รองของเขาคบกับแฟนสาวคนหนึ่ง รอให้พี่ชายใหญ่แต่งงาน เขาก็น่าจะได้แต่งในอีกไม่นานแล้ว แม่สาวคนนั้นทั้งชื่นชมและเข้าใจพี่รองของเขาสุด ๆ
พ่อของหล่อนเป็นคณะกรรมาธิการ ส่วนหล่อนนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นคุณหนูจอมเอาแต่ใจ แต่พออยู่ต่อหน้าพี่รองของเขากลับไม่มีเหวี่ยงวีนอะไรเลย ตอนปีใหม่ก็มีมาหาด้วย กิริยามารยาทอ่อนโยนทีเดียว
แน่นอนว่าพี่รองของเขาก็ไปเป็นแขกบ้านนั้นเช่นกัน อีกฝ่ายพอใจพี่รองของเขามาก พวกเขาแทบจะไม่ให้พี่รองเขาเรียนต่อแล้วก็ว่าได้ จากความสัมพันธ์ของครอบครัวพ่อฝ่ายหญิง เขาไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมทางการเมืองเลย
มีพี่ชายอนาคตไกลของเขาสองคนนี้อยู่ ใครจะกล้าดูถูกบ้านหลักตระกูลโจวในตอนนี้ได้อีก? แม้ว่าตระกูลหวังจะสูงศักดิ์ แต่ถ้าคิดจะทำอะไรตุกติก พวกเขาก็ต้องคิดหน่อยแล้วล่ะ
แน่นอนว่าถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ที่จริงแล้วหวังหยวนไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเพราะความมั่งคั่งใน 2 ปีมานี้หรอก
แม้เขาจะมีฐานะดีมากกว่าเมื่อก่อน แต่ในสายตาบ้านหลักตระกูลโจวนั้น หวังหยวนก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
โจวกุยหลายมองสมุดบัญชีในมือแล้วพูด “พรุ่งนี้ผมจะไปหาพี่เขยและจัดการบัญชีนี้ให้เรียบร้อยเอง”
“ซื่อนีเป็นยังไงบ้างจ๊ะ?” หลินชิงเหอพูดกับโจวเอ้อร์นี
โจวซื่อนีแต่งงานกับเวิงกั๋วต้งไปเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 86 เพิ่งจะท้องเมื่อปลายปีที่แล้วนี้เอง
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะหล่อนตั้งท้องไม่ได้ แต่เป็นเพราะโจวซื่อนียังอยากเรียนหนังสือต่อ ดังนั้นจึงตกลงกับเวิงกั๋วต้งให้ผลัดวันไปก่อน
หล่อนเพิ่งเรียบจบในปีที่แล้วก็เลยเพิ่งตั้งครรภ์อย่างที่เห็น
อาการแพ้ท้องของหล่อนนั้นเทียบเท่ากับของหลินชิงเหอเมื่อก่อนได้เลย มันทรมานมากจริง ๆ กับการอาเจียนจนไม่สามารถกินข้าวได้
โจวเอ้อร์นียิ้มแล้วพูด “ยกเว้นแค่อาการแพ้ท้อง อย่างอื่นก็สบายดีค่ะ”
“ดูแล้วเกรงว่าปีนี้หล่อนคงจะไม่ได้ทำงานแล้วล่ะนะ ให้หล่อนพักผ่อนสบาย ๆ เถอะ อย่าคิดเรื่องทำงานเลย” หลินชิงเหอพูด
“ซื่อนีบอกว่ารอสามเดือนไปแล้วก็จะดีขึ้นค่ะ สามารถมาทำงานต่อได้” โจวเอ้อร์นียิ้ม
ก่อนหน้านี้ก็เป็นแบบนี้ ตอนที่หล่อนท้องก็ไม่ได้ไปโรงงานเสื้อผ้าของหวังหยวนเช่นกัน แต่วันเวลาระหว่างตั้งครรภ์มันช่างน่าเบื่อ เธอยังคิดว่าทำงานไปด้วยนับวันรอครรภ์ไปด้วยจะดีที่สุด
หล่อนรู้จักนิสัยของซื่อนีดี น้องสาวของหล่อนนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้น่ะสิ ที่จริงหลังจากแต่งงานไปโจวซื่อนีก็ไม่มีเวลาได้พักเลย หล่อนทำงานมาโดยตลอด แน่นอนว่าเรื่องอาหารสามมื้อต่อวันแต่ไหนแต่ไรมาหล่อนดูแลด้วยดีมาตลอดเช่นกัน
คุณพ่อเวิงและคุณแม่เวิงไม่ต้องทำกับข้าวด้วยตัวเองเลย พอโจวซื่อนีทำอาหารเสร็จก็ให้เวิงกั๋วต้งห่อกับข้าวใส่กล่องอาหารแล้วนำมาส่งให้ที่ร้านเสื้อผ้า ซึ่งไม่ไกลจากบ้านพวกเขามากนัก
เรียกได้ว่าหลังจากซื่อนีแต่งเข้าบ้าน คุณแม่เวิงก็ไม่ต้องเข้าครัวอีกเลย โจวซื่อนีเป็นคนทำเองทั้งหมด
คุณแม่เวิงชมโจวซื่อนีต่อหน้าหลินชิงเหอไม่น้อย บางทียังส่งเสื้อผ้ากลับไปบ้านที่ชนบทให้สะใภ้ใหญ่โจวแม่แท้ ๆ ของซื่อนีกับพี่ชายใหญ่โจว ขนาดเสื้อผ้าของโจววั่งน้องชายของเอ้อร์นีกับซื่อนีก็ยังมีให้ด้วยเช่นเดียวกัน
สะใภ้ใหญ่โจวย่อมรู้สึกดีใจเป็นธรรมดา รู้ว่าลูกสาวมีชีวิตอยู่ดีมีสุขที่บ้านของแม่สามีหล่อนก็พอใจแล้ว
และหล่อนยังพูดด้วยว่าโจวซื่อนีไม่คิดจะมีลูกเร็วขนาดนั้น ซึ่งเรื่องนี้เคยพูดไป 2-3 รอบแล้วตั้งแต่ตอนที่คุณแม่เวิงย้ายออกมาทำงานที่ร้าน ซึ่งคุณแม่เวิงก็รับฟัง เรื่องนี้จึงถือว่าเป็นอันจบ
หลินชิงเหอฟังเอ้อร์นีพูดแบบนั้นเธอก็ไม่พูดอะไรอีก เธอเข้าใจความคิดของเอ้อร์นี การมีงานทำอยู่จะทำให้หล่อนยังรู้สึกปลอดภัย โดยเฉพาะตอนนี้ที่ระดับเงินเดือนสูงขึ้นมาก ซึ่งก่อนหน้านี้หลินชิงเหอขึ้นเงินเดือนให้พนักงานบางส่วนเป็น 170 หยวนแล้ว นี่ถือว่าเป็นฐานเงินเดือนที่สูงมากแล้วงานหนึ่ง
เงินเดือนของเวิงกั๋วต้งก็ไม่น้อยเช่นเดียวกัน เขาได้ 200 กว่าหยวนเห็นจะได้ ถ้าสองสามีภรรยาทำงานด้วยกัน เดือนหนึ่งมีรายได้เกือบ 400 หยวน ก็ถือว่าเป็นครอบครัวที่มีเงินเดือนสูงครอบครัวหนึ่งแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...