ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 648

บทที่ 648 ชา

หลังจากครั้งก่อนที่เขาซื้อร้าน ตอนนี้กังจือก็ทำงานหนักอย่างขยันขันแข็งสุดชีวิตยิ่งกว่าเดิมอีก

หู่จือเริ่มเปิดร้านแล้ว แต่กังจือยังคงตั้งแผงลอยอยู่ ร้านนั้นหลังจากเขาตกแต่งซ่อมแซมมันเสร็จ ก็จะเปิดให้เช่าร้านเป็นร้านเกี๊ยวร้านหนึ่ง โดยเขาเก็บเดือนละ 10 หยวน

ตอนนี้กังจือยังคงขยันเก็บเงินอย่างขันแข็งต่อไป เขารอเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง ถึงตอนนั้นก็จะซื้อบ้านแบบอาคารพาณิชย์ได้ สำหรับเรื่องตั้งแผงลอยหรือว่ามีร้านเป็นของตัวเองนั้นเขาไม่ถืออะไรนัก โดยเฉพาะตอนนี้การตั้งแผงลอยมีรายได้ดีมาก

ล้างหน้าล้างมือเสร็จแล้วเขาจึงเข้ามากินข้าวข้างใน กังจือกินไปก็พูดไปว่า “ปีนี้กิจการดีกว่าปีที่แล้วมากเลยครับ”

เพราะเขาออกไปตั้งแผงลอยขายของทุกวัน ทั้งยังไปต่างสถานที่ตลอด ได้เห็นคนมามาก เขาก็คล้ายจะฉลาดขึ้นไม่น้อย บวกกับเดิมทีเขาไม่ได้โง่ ดังนั้นทำไมเขาจะสัมผัสมันไม่ออกกันล่ะ

“นายก็ดูสิว่าตอนนั้นเงินเดือนขั้นพื้นฐานมันเท่าไรกันแล้ว” เจ้าสามโจวกุยหลายคีบเนื้อไก่ชิ้นหนึ่งมากินแล้วพูด

ที่ปีนี้กิจการดียิ่งขึ้นกว่าเดิมนั้น ในจุดนี้โจวกุยหลายเองก็สัมผัสได้เช่นกัน อย่างเช่นกิจการของครอบครัวเขาปีนี้ โดยเฉพาะหลังจากปีใหม่ไปนั้นก็ดูมีอัตราการเติบโตที่แตกต่างไปจากเดิมมากแล้ว

ก่อนหน้านี้รายได้ในแต่ละเดือนอยู่ที่ประมาณ 150,000 หยวน แต่เมื่อวานนี้เขาได้ดูตารางยอดรวมของบัญชีในของเดือนที่แล้ว ซึ่งพ่อกับแม่ของเขาก็ไม่ได้ปิดบังเขาในเรื่องนี้เช่นกัน เขาเห็นว่าในเดือนละเดือนนั้นพวกเขาสามารทำยอดไป 180,000 หยวนเลยทีเดียว นี่มันเป็นรายได้ในระดับไหนกันแล้ว?

แม้ว่ายอดขายของร้านชาจะเยอะที่สุด แต่ว่าร้านอื่น ๆ ก็มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงเช่นกัน อย่างเช่นร้านเครื่องดื่มที่อยู่ตรงโรงหนังนั่น

ที่ตอนนี้มีของเข้ามาเติมครั้งหนึ่งต่อวัน ก็ยังถือว่าเป็นปกติของกิจการแล้ว

“ตั้งใจทำงาน ลำบากตอนนี้ต่อไปก็จะสบายแล้ว” หลินชิงเหอพูดกับเขา

“เรื่องเสวยสุขเอาไว้ก่อนครับ ผมยังไม่ได้แต่งงานมีเมียเลย” กังจือหัวเราะเหอะ ๆ

หลินชิงเหอได้ยินเขาก็เข้าใจแล้วพูดยิ้ม ๆ ว่า “หรือเธอจะให้แม่ของพี่สะใภ้เธอช่วยหาให้ก็ดีนะจ๊ะ แต่ว่าถ้าให้คุณป้าคนนี้หาล่ะก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปหน่อย”

“ผมไม่รีบครับ ตอนนี้อะไร ๆ ผมก็ยังไม่มี ขนาดที่ซุกหัวนอนยังไม่มีเลย” กังจือส่ายหน้าพูด

“ทำไมจะไม่มีที่ซุกหัวนอน ที่นี่ก็กว้างใหญ่พอแล้วนะ ต่อไปซื้อบ้านแล้วค่อยย้ายออกไปก็ยังไม่สาย” หลินชิงเหอพูด

สำหรับหลินชิงเหอแล้วเธออยากจะสนับสนุนหู่จือกับกังจือหลานชายสองคนนี้มาก ภายในบ้านช่างกว้างขวาง ห้องก็เยอะ ให้เขาอยู่ระยะสั้นก็ย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

“ฮ่า ๆ รอหาได้ก่อนแล้วกันครับ ” กังจือพูด

หลินชิงเหอจึงไม่พูดอะไรอีก แต่เธอก็จะคอยดูให้กังจือไปด้วย เนื่องจากกังจือนั้นอายุไม่ใช่น้อย ๆ โตพอที่จะมีภรรยาได้แล้ว

อีกทั้งตอนนี้เขาเป็นพลเมืองของปักกิ่งแล้ว แต่งงานกับหญิงสาวที่นี่ก็ไม่น้อยหน้าอะไร แถมหลานชายของเธอก็ไม่ได้ด้อย เขาไม่มีทางทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดใจ ดูอย่างหู่จือกับเฉินซานซานสิ ตอนนี้พวกเขาดูมีความสุขมากหรือไม่ล่ะ?

ขอเพียงมีร้านหรือบ้าน ถ้าในอนาคตหาเงินได้มากพอ ก็สามารถที่จะซื้ออาคารพาณิชย์ได้และขายห้องในอะพาร์ตเมนต์ไปได้ เรื่องแบบนี้ดูปกติทั่วไปอย่างมาก

พอพูดได้เท่านี้ วันต่อมาลูกสาวของอาอี๋แม่บ้านก็มาหา หล่อนชื่อว่าอาเตีย อายุพอ ๆ กับกังจือ

อาเตียจะมาเยี่ยมหนึ่งครั้งต่อเดือน และก็เป็นวันนี้ที่หล่อนมาก่อนจะช่วยมารดาล้างจานชามภายในบ้าน

ทุกครั้งที่มาบ้าน หล่อนก็จะช่วยงานแม่ของหล่อนตลอด เพราะทุกเดือนจะมีการทำความสะอาดครั้งใหญ่ แม่ของหล่อนก็จะยุ่งมาก ๆ และบ้านนี้ก็มีแค่แม่ของหล่อนคนเดียว

มีคนเดียวก็ออกจะน้อยเกินไปหน่อย ดังนั้นหลินชิงเหอที่เห็นอาเตียมาก็ยิ้มแล้วพูดถามว่า “อาเตียจ๊ะ ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่เหรอ?”

“คุณผู้หญิง” อาเตียขานเรียกหนึ่งเสียง หลังจากนั้นก็ผงกหัวให้

หล่อนไม่มีงานทำเพียงอยู่ช่วยงานที่บ้านเท่านั้น แม่ของหล่อนรับงานแม่บ้านหลังนี้เงินเดือนก็อู้ฟู่ งานในบ้านก็สบาย ๆ ไม่ได้หนักอะไร ดังนั้นหล่อนจึงมาช่วยงานที่นี่ฟรี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม