เห็นชัดว่าโจวชิงไป๋ยังไม่เหนื่อยถึงขนาดนั้น
งานทำไร่ทำนาถือเป็นงานหนัก แต่เขาก็ยังทำได้และมีกำลังวังชาฟื้นฟูอย่างมากหลังได้กลับมาทานอาหารที่บ้าน
แต่หลินชิงเหอยังเป็นคนปรุงอาหารหมูอยู่ โจวชิงไป๋เป็นคนแบกไปเลี้ยงพวกมันและทำความสะอาดเล้าหมูกับเล้าไก่ นี่คือสิ่งที่เขาทำทุกวัน
เห็นชายหนุ่มไม่หือไม่อืออะไรแล้ว หลินชิงเหอก็รู้สึกว่าเธอช่างเป็นหญิงขี้เกียจ จากการแค่เป็นคนทำอาหารสามมื้อต่อวันและไม่ทำอะไรอย่างอื่น
แต่เธอจะทำอะไรได้ล่ะ? ชีวิตของเธอนับว่าโชคดีแล้ว
หญิงขี้เกียจโดยทั่วไปมักมีชีวิตที่ดี ซึ่งเธอก็เกือบเป็นแบบนั้น
แน่นอนว่าหญิงสาวที่ขยันและมีความสามารถต่างก็มีชีวิตที่ดีได้ แต่พวกเธอต้องทำงานหนักกว่ามีวันนั้น ผู้คนล้วนแตกต่าง ซึ่งตัวตนของแต่ละคนก็ล้วนมีเหตุปัจจัยให้เป็นเช่นนั้น
และมันก็นับว่าสมเหตุสมผลแล้วที่มีผู้หญิงอย่างเธออยู่
สามีภรรยาง่วนอยู่กับการทำงานจนกระทั่งถึงหนึ่งทุ่ม นับว่าเร็วมาก
ช่วงฤดูนี้จะมืดช้าลง ในตอนนี้ผู้คนเพิ่งจะเปิดไฟ ส่วนโจวชิงไป๋ก็เพิ่งออกจากบ้าน
เด็กชายสามคนกำลังเรียนหนังสือ ส่วนหลินชิงเหอนั่งเย็บรองเท้าต่อพร้อมกับตรวจการบ้านพวกเขาไปด้วย เมื่อถึงเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง โจวชิงไป๋ก็กลับมาที่บ้านหลังจากได้คุยเรื่องบางอย่างกับเลขาธิการสาขาไปแล้ว
หลินชิงเหอส่งสัญญาณให้เขาเข้านอนก่อน แต่โจวชิงไป๋ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง เห็นชัดว่ากำลังรอให้เธอเข้านอนด้วย
เจ้าใหญ่กับเจ้ารองเริ่มยักคิ้วหลิ่วตาจนหลินชิงเหอจ้องเขม็ง “ลูกสองคนเล่นหูเล่นตากับแม่เหรอ? รีบทำการบ้านเร็วเข้า ถ้าทำเสร็จแล้วก็ดับไฟก่อนเข้านอนด้วยนะ มาทำการบ้านตอนดึกดื่นแบบนี้ ไม่รู้เหรอว่าน้ำมันตะเกียงมันแพงขนาดไหน?”
“นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป ลูกรีบทำการบ้านทันทีที่เลิกเรียนนะ ถ้าทำไม่เสร็จห้ามกินข้าว” โจวชิงไป๋เอ่ยเสียงขรึม ด้วยรู้สึกว่าลูกชายคนโตชักจะรบกวนเวลาส่วนตัวของพ่อกับแม่มากเกินไปแล้ว
เจ้าใหญ่มีสีหน้าเปลี่ยนเป็นขมขื่น เด็กชายอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่สามารถเถียงพ่อกับแม่ได้ เลยทำได้เพียงบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะทำการบ้านตอนที่ยังไม่มืด
หลังคัดลายมือเสร็จ เขาก็ท่องจำกลอนอีกท่อนหนึ่ง จากนั้นหลินชิงเหอก็ปล่อยให้เขาได้พัก
เธอให้เขากับเจ้ารองเตรียมตัวเข้านอน
หญิงสาวกลับมาพร้อมกับเจ้าสามและพูดคุยกับเจ้าสามครู่หนึ่ง ตอนนี้เด็กน้อยพูดคล่องกว่าเดิมแล้ว และพูดเป็นต่อยหอยเลยทีเดียว
โจวชิงไป๋ไม่เห็นว่าลูกชายคนเล็กเป็นตัวกวน เพราะหลังจากเล่นกับเขาได้เกือบครึ่งชั่วโมง เจ้าสามก็เริ่มหาว พอเขาหาวเสร็จเขาก็หลับไปในทันที
โจวชิงไป๋ดึงตัวหลินชิงเหอเข้ามาหาเขา
“อย่าทำอะไรรุ่มร่ามนะคะ วันนี้คุณยุ่งมาทั้งวันแล้ว รีบเข้านอนเถอะค่ะ” หลินชิงเหอกระซิบ
“ผมยังไม่เหนื่อยเลย” โจวชิงไป๋พลิกตัวคร่อมทับ
หลินชิงเหอจึงได้แต่หาข้ออ้างผัดผ่อน “ฉันยังไม่หายดีเลยนะคะ”
“แค่ครั้งเดียวนะครับ ผมจะทำอย่างอ่อนโยน” โจวชิงไป๋ยังคงยืนยันคำเดิม
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นพิสูจน์แล้วว่าเมื่อผู้ชายพูดแบบนี้ มันเชื่อถือไม่ได้พอ ๆ กับคำพูดที่ว่า ‘จะเล้าโลมแค่ภายนอกแต่ไม่สอดใส่’ นั่นแหละ
ในที่สุดมันก็จบลงด้วยการที่หลินชิงเหอสลบไปด้วยความอ่อนเพลีย
โจวชิงไป๋ผู้อยู่ในห้วงความสุขสมก็ได้ทำความสะอาดร่างกายให้ภรรยา มันเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว นับจากตอนสองทุ่มหลังจากที่พวกเขาขึ้นมาอยู่บนเตียงเตาจนกระทั่งถึงตอนนี้
โจวชิงไป๋เดินเข้าครัวไปตักอาหารหมูมาเลี้ยงหมูในเล้า
มันเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของวันนี้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้เขาต้องตื่นขึ้นมาหุงอาหารให้พวกมันตอนตีห้า
แม้ที่บ้านจะเลี้ยงหมูไว้แค่สองตัว แต่ก็ปล่อยให้พวกมันหิวไม่ได้
ส่วนหลินชิงเหอที่สลบไปเพราะความอ่อนแรงก็ยังไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเม่ยเจี่ย เธอจึงตื่นขึ้นเมื่อมันเกือบจะเป็นเวลาตีสาม
“ยังเช้ามืดอยู่เลย” โจวชิงไป๋ตื่นในทันทีและกอดเธอไว้
“ฉันต้องไปรับเนื้อหมูแล้วค่ะ” หลินชิงเหออธิบาย
“ตอนนี้น่ะเหรอ?” โจวชิงไป๋ย่นคิ้ว
“แล้วให้ไปตอนไหนล่ะคะ? ต้องเป็นตอนนี้แหละค่ะ” หลินชิงเหอบอก
แม้ว่าตอนนี้ยังเช้าเกินไปสักเล็กน้อย แต่มันก็เป็นเวลามืดสนิท เหมาะสมแก่การไปรับเนื้อที่โรงเชือดมากที่สุด
“งั้นผมจะไปด้วย” โจวชิงไป๋บอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...