สำหรับตาเฒ่าอู๋ พวกเขาแสดงความจริงใจจนถึงที่สุด
ซุนปั๋วเฉิงนำกลุ่มคนคำนับขอบคุณเขา บุตรชายซุนจื่อเชียนและเหลียนซื่อก็โค้งคำนับแสดงความขอบคุณด้วยเช่นกัน
ตาเฒ่าอู๋เพียงพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเยือกเย็น ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ข้าจะขอดูอาการก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
ซุนปั๋วเฉิงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและยินดี พยักหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมทำท่าทางเชื้อเชิญตาเฒ่าอู๋และซูเสี่ยวลู่เข้าสู่จวน
แม้แต่กับซูเสี่ยวลู่ พวกเขาก็แสดงความเคารพอย่างนอบน้อม
ขณะเดินผ่านประตูจวน ซุนจื่อเชียนยังเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “แม่นางน้อย ระวังด้วยนะ”
ซูเสี่ยวลู่ไม่ได้มีท่าทีเย็นชาเหมือนตาเฒ่าอู๋ นางยิ้มบางๆ และพูดด้วยน้ำเสียงหวานใสว่า “ขอบคุณเจ้าค่ะ”
ซุนจื่อเชียนมองซูเสี่ยวลู่ด้วยสายตาอ่อนโยน เขาอยากยื่นมือไปลูบหัวนาง แต่ก็รู้สึกว่ามันจะเสียมารยาทเกินไป จึงอดกลั้นไว้
เหลียนซื่อที่กำลังคล้องแขนซุนจื่อเชียน ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “ถ้าเฉี่ยนเอ๋อร์และซ่านเอ๋อร์แข็งแรงได้เหมือนเด็กคนนี้ก็คงดี”
ลูกของพวกเขาอายุหกขวบแล้ว แต่กลับดูเล็กกว่าซูเสี่ยวลู่เสียอีก ใบหน้าของเด็กทั้งสองก็มักจะซีดเซียว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องดูแลอย่างระมัดระวัง
ทุกครั้งที่เห็นเด็กที่ร่าเริงแข็งแรงแบบซูเสี่ยวลู่ เหลียนซื่อก็อดถอนหายใจไม่ได้
ซุนจื่อเชียนมองไปที่ซูเสี่ยวลู่ ก่อนจะตบหลังมือของเหลียนซื่อเบาๆ แล้วพูดว่า “มีหมอเทวดาสำนักหมิงกู่มาดูแล ต้องมีสักวันที่ลูกของเราจะหายดีเหมือนเด็กคนนี้แน่”
เหลียนซื่อถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า “เป็นความผิดของข้าเอง...”
หากร่างกายนางแข็งแรงกว่านี้ ลูกทั้งสองก็คงไม่อ่อนแอมาตั้งแต่ในครรภ์
ซุนจื่อเชียนขมวดคิ้วด้วยความสงสาร พลางพูดอย่างจริงจังว่า “ฮูหยิน อย่าได้พูดเช่นนี้อีกเลย ข้าไม่เคยโทษเจ้า มีแต่ความขอบคุณเท่านั้น”
เหลียนซื่อถอนหายใจ นางแต่งงานกับสามีที่ดีเยี่ยม แต่โชคชะตากลับไม่ปรานี เมื่อมองดูหมอเทวดาที่เดินนำอยู่ด้านหน้า เหลียนซื่อก็คิดในใจว่า หากหมอเทวดาสามารถรักษาลูกของนางทั้งสองให้หายได้ก็คงดี
สำหรับคำพูดกระซิบกระซาบระหว่างซุนจื่อเชียนและเหลียนซื่อ ตาเฒ่าอู๋ไม่สนใจแม้แต่น้อย
ซุนปั๋วเฉิงเพียงถอนหายใจเบาๆ โดยไม่พูดอะไร เขาเองใช้ชีวิตแต่งงานเพียงกับภรรยาคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นเมื่อบุตรชายเลือกที่จะมีภรรยาเพียงคนเดียวและไม่รับอนุภรรยา เขาก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด
ซูเสี่ยวลู่ที่ได้ยินทุกอย่างเข้าใจอย่างชัดเจน นางรับรู้ถึงความสำคัญของเด็กทั้งสองที่มีต่อจวนตระกูลซุน
เรื่องราวในโลกนี้ล้วนไม่สมบูรณ์แบบ อาจเรียกได้ว่าแต่ละคนก็มีความทุกข์ของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม นางก็โล่งใจได้บ้าง เพราะตราบใดที่สามารถรักษาคุณชายและคุณหนูแห่งตระกูลซุนได้ เรื่องที่พี่ชายทั้งสองของนางจะได้เรียนหนังสือก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ซูเสี่ยวลู่กำหมัดแน่นเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ความอ่อนแอตั้งแต่กำเนิดนั้นสามารถฟื้นฟูได้
แต่นั่นคือในชาติที่แล้ว เพราะในชาติก่อนหน้านั้น การแพทย์เจริญก้าวหน้า ทารกคลอดก่อนกำหนดสามารถอยู่ในตู้อบ มีสารอาหารหลากหลายที่คอยส่งเสริมการเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เลียนแบบมดลูก
แต่ที่นี่ แน่นอนว่าไม่มีเงื่อนไขเช่นนั้น ดังนั้นการที่เด็กทั้งสองของตระกูลซุนสามารถมีชีวิตรอดมาได้จนถึงตอนนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากแล้ว
เมื่อมาถึงโถงใหญ่ ซุนปั๋วเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงขอโทษว่า “ท่านหมอเทวดา ข้าต้องขออภัยด้วย เด็กอ่อนแอเกินไป ขอให้ท่านอาบน้ำชำระตัวก่อนแล้วค่อยไปตรวจพวกเขา ร่างกายของพวกเขาอ่อนแอมากจนไม่อาจเสี่ยงรับสิ่งใดได้เลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา