ซูเสี่ยวหลิงยิ้มบางๆ พลางพยักหน้าพูดว่า "ข้ารู้ ท่านปู่อู๋เป็นคนดีมาก ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าเสี่ยวลู่จะฉลาดขนาดนี้ ถ้านางสามารถรักษาพี่ใหญ่พี่รองให้หายได้จริงๆ ก็คงจะดีมาก"
พอนึกถึงพี่ชายทั้งสอง ซูเสี่ยวหลิงก็รู้สึกเศร้าใจอยู่บ้าง
โจวเหิงเม้มริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "ต้องรักษาให้หายได้แน่นอน"
โจวเหิงก็รู้ว่าซูฉงกับซูหวามีอาการปัญญาอ่อน แต่พวกเขาก็ทำดีต่อเขาจากใจจริง เขาก็รู้สึกได้เช่นกัน ถ้าสามารถรักษาให้หายได้จริง ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดี
ขาของเขา ตาเฒ่าอู๋บอกว่ามีโอกาสสำเร็จแค่สี่ส่วน แต่ตอนนี้ อาจจะมีโอกาสถึงหกส่วนแล้วก็ได้
โจวเหิงครุ่นคิด ซูเสี่ยวหลิงก็เช่นกัน นางยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า "ถ้าพี่ใหญ่พี่รองหายดีแล้ว ก็อยากให้พวกเขาไปสำนักศึกษาเพื่อหาความรู้"
สองปีที่ผ่านมา เด็กๆ ที่ได้เล่าเรียนกับเด็กที่ไม่ได้เล่าเรียนก็แตกต่างกันแล้ว การอ่านออกเขียนได้เป็นเรื่องสำคัญมาก
ซูเสี่ยวหลิงตระหนักถึงจุดนี้แล้ว แต่นางเป็นสตรี ชาตินี้นางไม่มีโอกาสได้ไปสำนักศึกษา
แค่พี่ชายทั้งสองคนของนางมีโอกาสได้เรียน นางก็พอใจแล้ว
โจวเหิงเห็นความใฝ่ฝันและปรารถนาที่จะหาความรู้ของซูเสี่ยวหลิง เขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางเม้มริมฝีปาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ตลอดช่วงบ่ายจนถึงค่ำ ตาเฒ่าอู๋สอนวิธีการเก็บรักษาเข็มเงินและอุปกรณ์อื่นๆ ให้ซูเสี่ยวลู่ ขณะต้มยาก็พาซูเสี่ยวลู่ไปด้วย
เมื่อฟ้ามืด ซูซานหลางก็กลับมา
จ้าวซื่อทำอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้วจึงเรียกทุกคนมากินข้าว
ซูฉงกับซูหวาเช็ดเหงื่อเล็กน้อยแล้วมาแบกโจวเหิงไปกินอาหารมื้อเย็น
อาหารมื้อเย็นมีไก่ตุ๋นหนึ่งตัวและผักต้ม
ครั้งนี้จ้าวซื่อไม่ได้ใส่พริกลงไป แต่ทำน้ำพริกใส่ถ้วยไว้ ใครอยากกินก็ตักเอาเอง
โจวเหิงกินอย่างเอร็ดอร่อย เขาแอบมองทุกคนในครอบครัวนี้ กินข้าวอย่างเงียบๆ เหมือนกับพวกเขา
หลังกินข้าวเสร็จ ซูฉงกับซูหวาก็หมายจะแบกโจวเหิงกลับไป
โจวเหิงพูดเบาๆ ว่า "รอสักครู่"
ซูฉงกับซูหวามองหน้ากัน ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นสาวน้อยนำโชคของครอบครัวชาวนา