ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 170

เหลิ่งชิงหลางเงยหน้าขึ้นมองไปที่แม่จ้าวทันที “เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่”

แม่จ้าวหยุดชั่วคราว “บ่าวแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ฮูหยินได้โปรดอย่าใส่ใจ ถือว่าบ้าวเพียงแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น”

เหลิ่งชิงหลางเริ่มรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย “มีอะไรก็พูด มัวอ้ำอึ้งอยู่นั่น”

“บ่าวแอบสงสัยว่าพระชายาเอกกำลังตั้งครรภ์หรือไม่”

“เป็นไปได้อย่างไร” เหลิ่งชิงหลางปฏิเสธทันที “เจ้าคิดว่าท่านอ๋องจะแตะต้องนางจริงๆหรือ เรื่องพระสนมฮุ่ยเฟยครั้งก่อนยังเป็นแค่เรื่องโกหกเลย”

ทันทีที่พูดจบ นางพยายามควบคุมสติและสูดลมหายใจเข้า “ตั้งครรภ์?กี่เดือนแล้ว”

“บ่าวเพียงแค่คาดเดาจะรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ หากเป็นเรื่องจริงตามที่แม่หวังพูด อย่างน้อยอาจสักประมาณสามเดือนเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงหลางลุกขึ้นนั่งทันทีจนแทบหยุดหายใจ “สามเดือน!”

แม่จ้าวพึมพำกับตัวเองอย่างสงสัย “บ่าวเองก็คิดอยู่ตลอดทาง พระชายาเข้าวังยังไม่ถึงสามเดือน บางทีบ่าวอาจคิดมาไปเอง”

เหลิ่งชิงหลางไม่ไว้ใจแม่หวังในตอนแรก ดังนั้นจึงปกปิดหลายสิ่งหลายอย่างจากนาง เมื่อได้ยินการเดาของแม่จ้าว นางจึงโพล่งออกมาทันที “เหลิ่งชิงฮวนไม่บริสุทธิ์ตั้งแต่ก่อนเข้ามาในจวน ข้าเคยใช้ประโยชน์ตอนที่นางหมดสติสำรวจดูแล้วว่าแต้มพรหมจรรย์ของนางหายไป”

“ท่านจะบอกว่าพระชายาเอกตั้งครรภ์กับชายอื่นหรือเจ้าคะ” แม่จ้าวตกตะลึง

“ไม่อย่างนั้นเล่า”

แม่จ้าวส่งเสียงด้วยความดีใจ “บ่าวไม่เคยคิดเลยว่าพระชายาเอกจะเป็นหญิงชั่วร้ายขนาดนี้ นี่คือโอกาสที่ฮูหยินจะได้กลับมามีตัวตนอีกครั้งนะเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงหลางยิ้มอย่างชั่วร้าย “พระเจ้าช่างเข้าข้างข้าเสียงจริง ข้าสงสัยมาตลอด ว่าท่านอ๋องรู้เรื่องการนอกใจของนางในวันแต่งงานได้อย่างไรหรือว่าเขาจะรู้เรื่องแต้มพรหมจรรย์ของลูกสาวสกุลเหลิ่งด้วยอย่างนั้นหรือ”

เมื่อคิดย้อนกลับไปอย่างละเอียด นางฆ่าตัวตายบนเสลี่ยงเจ้าสาวในวันนั้น ท่านอ๋องจึงส่งแพทย์ประจำจวนไปตรวจอาการและพบว่าเธอมีชีพจรคู่ นั่นเป็นเหตุผลทำให้ท่านอ๋องโกรธต่อหน้าแขกเหรื่อและพูดว่าจะปลดภรรยา ทำให้ความวุ่นวายเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง”

แม่จ้าวผงะไปชั่วขณะ “ท่านกำลังจะบอกว่าท่านอ๋องรู้ว่านางตั้งครรภ์ใช่หรือไม่ จะมีผู้ชายคนไหนทนได้”

เหลิ่งชิงหลางรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที อาการของนางได้หายเป็นปกติแล้ว “จะใช่หรือไม่แค่เรียกหมอมาตรวจก็รู้แล้ว”

“หมอในจวนใกล้ชิดสนิทสนมกับพระชายาเอกมากและยังเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ หากถามเขาตรงๆ อาจเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น”

“แล้วเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร”

“สี่เดือนกว่าแล้ว นั่นหมายความว่าท้องใหญ่จะใหญ่อย่างเห็นได้ชัด บ่าวคิดว่าเราควรหาหญิงที่มีประสบการณ์มาสวมบทบาทเป็นช่างตัดเสื้อ แล้วจะรู้ได้จากการสัมผัสร่างกาย”

“เหลิ่งชิงฮวนเจ้าเล่ห์เพทุบายนัก อีกอย่างข้ารอไม่ไหวแล้ว”

แม่จ้าวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง “นางจะไม่ปล่อยให้คนอื่นตรวจชีพจรของตนเองอย่างแน่นอน วิธีเดียวคือตรวจสอบคำพูดของหมอ”

“หมออาจจไม่ไว้ใจเจ้า ให้แม่หวังเป็นคนไปลงมือทำเรื่องนี้”

แม่จ้าวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “แม่หวังอาจไม่เป็นหนึ่งเดียวกับเราในตอนนี้ นางจะยอมช่วยเราหรือเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงหลางเย้ยหยัน “ข้ายังกุมความลับของมันไว้ นางไม่กล้าขัดคำสั่งข้าหรอก เจ้าไปหานางและถามว่ายังจำไม้จันทน์สามท่อนที่นางหยิบสลับไปได้หรือไม่ มันมียาปลุกกำหนัดปะปนอยู่ นางจะต้องจำนนและยอมทำตามคำสั่งของเราแน่นอน”

แม่จ้าวไม่เข้าใจความหมายของประโยคนี้มากนัก ทว่านางไม่ถามอะไรต่ออย่างชาญฉลาดและเดินออกไปทันที

หมอเจียงกำลังตำยากับลิงของเขาตามลำพัง ลิงตัวนั้นกำลังเล่นอย่างความสุขในขณะที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของมือซึ่งดูน่าตลกมาก

แม่หวังเดินเข้าไปพร้อมกับรอยยิ้ม “กำลังยุ่งอยู่หรือ”

หมอจำนางได้จึงรีบวางยาในมือและยืดตัวขึ้น “แม่หวัง มีธุระอะไรงั้นหรือ”

แม่หวังมองไปรอบๆ “ไม่เป็นไร ข้าแค่มาที่นี่เพื่อขอดอกคำฝอยจากท่าน เพื่อไปทำโจ๊กหรือของว่างให้พระชายาเอกเท่านั้น”

หมอผู้นั้นกะพริบตารัวๆ “เป็นคำสั่งจากพระชายางั้นหรือ”

แม่หวังส่ายหัว “เป็นการตัดสินใจของข้าเอง ร่างกายพระชายาเอก มีไอเย็นและอาการป่วยเมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย หมอในจวนขอให้ทานดอกคำฝอยและยาบำรุงเลือดอื่นๆ ช่วงก่อนหน้าข้ายุ่งมากจึงละเลยไปบ้าง พอนึกขึ้นได้จึงรีบรวบรวมใบสั่งยาเป็นอย่างแรก”

หมอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ใบสั่งยานี้ไม่ตายตัว ต้องปรับยาและปริมาณตามสภาพของชีพจร ท่านไม่สามารถใช้ใบสั่งยาเดียวได้ตลอด ท่านน่าจะลองถามพระชายาเอกดู นางเก่งเรื่องยาก็น่าจะรู้ข้อดีข้อเสีย”

แม่หวังพูดอย่างเฉยเมย “พระชายาเอกรู้จักยาสูตรนี้และทานมาเป็นเวลานานแล้ว มันมีประสิทธิภาพในการส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตและขจัดภาวะโลหิตจาง สิ่งเดียวที่ขาดหายไปคือดอกคำฝอยของท่านนี่แหละ”

หมอยังคงปฏิเสธเช่นเคย “ท่านฟังที่ข้าบอกเถิด ลองไปถามพระชายาเอกดูก่อน ข้าไม่สามารถจ่ายยาให้ท่านตามอำเภอใจได้ ยานั่นท่านเองก็ไม่สามารถนำให้นางกินส่งเดชได้เช่นกัน”

แม่หวังไม่พูดอะไร ก่อนจะหันหลังจากไป

แม่จ้าวเดินเข้าไปในห้องของเหลิ่งชิงหลางพลางระงับความตื่นเต้นในใจ

“เป็นอย่างไรบ้าง แม่หวังคงจะทำตามแต่โดยดีสินะ”

“เป็นอย่างที่ฮูหยินพูดเจ้าค่ะ เมื่อนางได้ยิน สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างมากและทำตามคำสั่งของท่านอย่างเชื่อฟัง”

“ผลการทดสอบเป็นอย่างไร”

“น่าจะเป็นความจริงเจ้าค่ะ ไม่ว่าอย่างไรหมอก็ไม่ยอมให้ดอกคำฝอยแก่แม่หวัง”

เหลิ่งชิงหลางหรี่ตาลงเล็กน้อย “ดี ข้าจะทำให้เหลิงชิงฮวนแพ้อย่างราบคาบ”

แม่จ้าวเป็นกังวล “ท่านควรคิดให้ดี เพราะอย่างไรเสียพระชายาเอกก็เป็นลูกสาวของจวนมหาเสนาบดี ท่านจะถูกผู้อื่นชี้หน้าด่าและเสื่อมเสียชื่อเสียง”

“ข้าสนใจเรื่องพวกนี้ตอนไหนกัน ก่อนหน้านี้ข้ากังวลมากเกินไปจึงทำให้นางมีโอกาสยั่วยวนท่านอ๋อง หากขึ้นฟังอี๋เหนียงและเปิดโปงเรื่องนี้ตั้งแต่แรก นางคงถึงวาระไปแล้ว

ท่านอ๋องดูไม่ต้องการพบหน้าข้า ข้าไม่มีทางอื่นที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจได้ นอกจากกำจัดเหลิ่งชิงฮวน ต่อให้ข้าจะนำความโปรดปรานจากท่านอ๋องกลับมาไม่ได้ ก็ขอตายไปพร้อมนางยังดีกว่าต้องทนทุกข์กับเรื่องไร้ประโยชน์แบบนี้ไปวันๆ”

เมื่อเห็นว่านางตัดสินใจดีแล้ว แม่จ้าวจึงหยุดพูด

เจ้านายของนางเล่นเกมหมากรุกที่ดีในตอนต้น แต่นางเดินหมากผิด และถูกโต้กลับโดยหญิงสาวคนนั้น ตอนนี้นางไม่เหลือวิธีอื่นใดแล้ว

ขณะที่แม่จ้าวออกไป นางได้พบกับอีกคนหนึ่งซึ่งนำโดยคนเฝ้าประตูของจวนเดินตรงมาที่เรือนจื่อเถิง แม้ว่าจะอยู่ไกล ทว่าแม่จ้าวยังสามารถจดจำรูปร่างได้ นางเป็นสาวใช้ของตระกูลจินที่มายังจวนนี้เพื่อหาเหลิ่งชิงหลาง

ดวงตาของนางดูดุร้าย เพิ่งออกมาจากจวนสกุลจิน แม่จ้าวไม่รู้ได้อย่างไรว่าตัวตนนี้เป็นเพียงสิ่งปกปิด อันที่จริงแล้วบุคคลนี้เป็นผู้ชาย

การปรากฏตัวเข้าออกเรือนจื่อเถิงบ่อยครั้ง หากมีคนจำได้คงไม่ดีแน่ ดังนั้นแม่จ้าวจึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดชายคนนั้น

“ฮูหยินของข้าไม่ค่อยสบาย กำลังพักผ่อนอยู่ หากมีอะไรฝากข้าไปบอกท่านได้”

ฟังผิ่นจือถือผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือ เดินด้วยท่าทางพลิ้วไหวราวกับหญิงสาวบอบบาง แม้แต่คนเฝ้าหน้าห้องยังตกตะลึงจึงพาเขาเข้ามาอย่างตั้งใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา