ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 376

มู่หรงฉีกลับจวนอ๋องด้วยร่างกายที่มีกลิ่นเหล้าเต็มตัว และแยกย้ายกับองค์ชายอันต๋าตรงทางแยกของเรือน ต่างคนต่างกลับเรือนของตัวเอง

เหลิ่งชิงฮวนเอนกายพิงอยู่ที่หัวเตียงเพื่ออ่านตำรา แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว จากนั้นก็ยกเปลือกตาขึ้นชำเลืองมองเขา “พวกท่านไปดื่มเหล้าด้วยกันแต่คาดไม่ถึงว่าจะพากันดื่มกันเกือบสองชั่วยาม ดูเหมือนว่าเหล้าจะทำให้พบคนรู้ใจจริง ๆ เสียด้วย”

มู่หรงฉีรับผ้าเช็ดหน้าอุ่นที่โตวโตวยื่นมาให้เช็ดมือเช็ดหน้า จากนั้นก็เดินไปอยู่ข้าง ๆ เหลิ่งชิงฮวน “ทำไมหรือ? หึงแล้ว?”

เหลิ่งชิงฮวนพยายามทำหน้าบึ้งตึง “ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องฉีด้วยที่สามารถปลดล็อกกระบวนท่าใหม่ได้ รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง วิเศษเกินบรรยายไปเลยใช่หรือไม่?”

มู่หรงฉีเอื้อมมือขึ้นไปบีบจมูกของนาง “ดีมากเลย”

ดูเหมือนสิ่งที่องค์ชายอันต๋าพูดกับเขาในวันนี้ทั้งหมด เขาคงต้องรักษาภาพลักษณ์ของคนอื่นเอาไว้ จึงไม่ได้พูดเรื่องนี้กับคนอื่น

เหลิ่งชิงฮวนเงยหน้าขึ้นมองเขา กะพริบตาปริบ ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่ใช่ท่านชอบหลบเลี่ยงองค์ชายอันต๋าเหมือนกับหลบตัวเสนียดก็ไม่ปานหรอกหรือ? ทำไมอยู่ ๆ ถึงเริ่มคุยกันสนิทสนมกันแล้วเล่า?”

“เพราะว่าอยู่ ๆ ข้าก็รู้สึกว่าเขากับจิ่นอวี๋เหมาะสมกันมาก หากได้เป็นน้องเขยคงจะดีไม่น้อย” มู่หรงฉีจ้องมองเหลิ่งชิงฮวนด้วยสายตาที่มีความหมายลึกซึ้ง

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะแห้ง ๆ “เป็นความคิดที่ดี มีสายตาทเฉียบแหลม วีรบุรุษมักจะมองเห็นสิ่งที่เหมือนกันออก”

รอยยิ้มที่ไม่เป็นธรรมชาติของเหลิ่งชิงฮวนที่เผยออกมา ทำให้มู่หรงฉีเห็นแล้วเหมือนจะคาดเดาอะไรบางอย่างออก เขาหรี่สายตาลงเล็กน้อย “ข้าสงสัยเล็กน้อย องค์ชายอันต๋าเชิญข้าไปกินเหล้าที่หอหงปิน ในช่วงระยะเวลาสั้นๆขนาดนี้ ทำไมเจ้าถึงได้จัดการวางแผนละครฉากนี้ได้รวดเร็วอย่างนี้? พระชายาของข้ามีความสามารถพิเศษพลิกไปพลิกมาตั้งแต่เมื่อไร?”

ผู้ชายของตัวเองช่างเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว

แน่นอนว่าเหลิ่งชิงฮวนปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้ จึงหลีกเลี่ยงที่จะตอบและพูดติดตลกออกไป “ยังไม่ถึงขั้นมีความสามารถพิเศษพลิกแพลงไปมาได้ หม่อมฉันเพียงแค่แสดงในพื้นที่ของตัวเองก็เท่านั้น”

มู่หรงฉีเข้าใจในทันที จากนั้นก็เอื้อมมือเข้าไปในผ้าห่มของนางเพื่อจั๊กจี้ กลิ่นเหล้าอุ่น ๆ พ่นอยู่ใต้ใบหูของเหลิ่งชิงฮวน

“คำพูดที่จริงจังคำหนึ่งถูกท่านล้อเล่นจนดูไม่ได้”

เหลิ่งชิงฮวนบิดตัวไปมาเพื่อหลบ “พอแล้วอย่าแกล้งสิ กำลังพูดเรื่องจริงจังอยู่นะ เพราะอะไรท่านถึงสงสัยว่าเป็นข้า? มีช่องโหว่ตรงไหนที่เผยออกมาให้จับได้หรือ?”

มู่หรงฉีหยุดแกล้งนางชั่วคราว “ไม่มีช่องโหว่อะไรหรอก ข้าแค่รู้สึกว่าข้าออกไปกินเหล้ากับองค์ชายอันต๋าเป็นเวลานานขนาดนี้ เจ้ายังสามารถสงบนิ่งได้อยู่ และยังรู้สึกเหมือนมีความมั่นอกมั่นใจเชื่อมั่นในแผนการที่ตัวเองวางไว้ ซึ่งสิ่งนี้มันผิดปกติไป ไม่แปลกใจเลยที่มีบางคนบอกว่าเจ้านั้นเป็นคนมากแผนการ มีเยอะมากจริง ๆ”

เหลิ่งชิงฮวนฮึกฮักใส่เบา ๆ “อย่างไรก็ตามพรุ่งนี้เสด็จพ่อจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับองค์ชายอันต๋าด้วยตัวเอง คนที่เสด็จพ่อเลือกให้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ด้วยคือลี่ว์อู๋”

มู่หรงฉีตกใจอย่างมาก “ลี่ว์อู๋?”

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้เรื่องสักนิด

เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้า “เสด็จพ่อรู้สึกว่าจิ่นอวี๋ตาบอดแล้ว ไม่เหมาะสมกับการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี อาจทำให้คนในมั่วเป่ยเห็นว่าพวกเราชาวฉางอันกำลังดูถูกพวกเขา ดังนั้นจึงเลือกลี่ว์อู๋ ท่านก็เลือกดูและกันระหว่างน้องสาวแท้ ๆกับญาติผู้น้องว่าใครสนิทชิดใกล้กว่า ท่านตัดสินใจเอาเองเถอะ”

นี่ไม่ใช่คำถามที่เป็นตัวเลือกสักนิด แต่เป็นคำถามที่มีคำตอบอยู่แล้ว องค์ชายมั่วเป่ยเป็นตัวเลือกที่ดีขนาดนี้ เป็นใครก็ไม่ยอมยกให้หรอก ต้องแย่งมาให้จงได้และส่งมอบให้จิ่นอวี๋

แม้ว่าจะทำให้พระสนมฮุ่ยเฟยเสียใจ แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้นางไปเสียใจในภายภาคหน้า

วันรุ่งขึ้น ฮ่องเต้ได้จัดงานเลี้ยงขึ้นในพระราชวังเยี่ยนชิ่ง

ต้อนรับคณะทูตทั่งที แน่นอนว่าสถานที่ย่อมไม่เล็กอย่างแน่นอน เหล่าองค์ชายและพระชายาทั้งหลาย อีกทั้งพวกข้าราชบริพารระดับสูงสิบกว่าคนที่นำโดยเสนาบดีเหลิ่ง เสิ่นหลินเฟิงและบุคคลที่มีความดีความชอบทั้งหลายแหล่ ล้วนพากันออกมาต้อนรับแขก

ประการแรกยิ่งคนเยอะทำสิ่งอะไรก็ย่อมง่าย ประการสองคือแสดงให้เห็นว่าฉางอันให้ความสำคัญกับองค์ชายมั่วเป่ยอย่างมาก

ลี่ว์อู๋สั่งให้นางกำนัลพาเหลิ่งชิงฮวนไปนั่งอยู่ที่ด้านข้างเงียบๆ นางร้อนอกร้อนใจจนเหงื่อไหลเต็มหน้า “อีกสักพักในงานเลี้ยง เสด็จพ่อจะมีพระราชโองการออกมา หากได้ตรัสออกมาแล้วถือเป็นประกาศสิทธิ์ ยากที่จะคืนคำได้”

เหลิ่งชิงฮวนมองไปที่ลี่ว์อู๋ที่ร้อนใจจนลุกลี้ลุกลนและเห็นได้ชัดว่าวันนี้ตั้งใจแต่งตัว ทาแป้งทาปากเขียนคิ้วเข้ม และยังสวมเครื่องประดับทองคำที่ไม่รู้ว่ามีน้ำหนักกี่กิโลบนหัวนั้นอีก อาภรณที่ใส่ก็อลังการอย่างมาก

รูปร่างอวบอั๋นและสมบูรณ์ ประกอบกับการแต่งตัวที่อลังการงานสร้างเช่นนี้ รับรองได้ว่าเป็นลูกสะใภ้ที่อวบอั๋นจากตระกูลเศรษฐีหน้าใหม่ไม่มีผิดแน่ เอวของเธอนั้นเหมือนกับเสามังกรในห้องโถงใหญ่ ทองที่ส่องแสงวาววับอยู่บนศีรษะของเธอก็เหมือนดั่งลายที่วนอยู่รอบๆเสา

“ถ้าข้าเป็นองค์ชายมั่วเป่ย วันนี้จะต้องแบกท่านกลับมั่วเป่ยอย่างแน่นอน มองแวบเดียวก็รู้ว่าเลี้ยงง่าย ยามปกติก็คอยช่วยอุ่นเตียงให้ได้ ถ้าหิวก็ให้กินอาหารแห้งกิน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา