ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 7

พระสนมฮุ่ยเฟยก็ผงะเช่นกัน ก่อนจะเหลือบมองเหลิ่งชิงฮวน "หลินเฟิงไม่ค่อยเข้าวัง เขาได้บอกหรือไม่ว่ามีเรื่องอันใด? "

“รัชทายาทเสิ่นกล่าวว่าเหล่าไท่จวินไม่สบายเล็กน้อยแต่หมอประจำจวนรักษาไม่ได้ จึงไปที่จวนอ๋องฉีหวังจะให้พระชายาไปช่วยดูอาการให้เสียหน่อย แต่กลับไม่พบผู้ใดจึงรีบร้อนมาที่นี่เพคะ”

พระสนมฮุ่ยเฟยได้ยินว่าเสด็จแม่ของตนมีอาการประชวรก็ร้อนรนขึ้นมาทันที “ทำไมถึงได้อาการกำเริบอีกแล้ว”

“รัชทายาทเสิ่นทูลว่าพระนางไม่ต้องทรงกังวล ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรแค่ทรงแน่นหน้าอกก็เท่านั้น”

พระสนมฮุ่ยเฟยผ่อนลมหายใจก่อนจะรีบเร่งทั้งสองคน “ยังยักแย่ยักยันทำอะไรอยู่ ฉีเอ๋อร์ รีบไปเยี่ยมเสด็จยายแทนแม่หน่อย ไม่ว่าอย่างไรอย่าลืมให้คนมาส่งข่าวด้วย”

มู่หรงฉีเองก็รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา เขาไม่สนใจจะยืดเยื้อเรื่องหย่าต่อก่อนจะมองไปหาเหลิ่งชิงฮวน “ขอรับ”

เหลิ่งชิงฮวนเองก็ไม่ได้รู้สึกรักชอบหรือเกลียดบุรุษตรงหน้า ก้นเบื้องหัวใจเธอได้แต่หวังว่าวันนี้เธอและเขาจะสามารถตัดขาดจากกัน แต่เธอก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยว่าต่อไปจะเกิดพายุอะไรให้เผชิญ หากไม่ระมัดระวังก็อาจจะทำให้ชื่อเสียงเสียหายจนไม่สามารถกอบกู้กลับมาได้

ตอนนี้เหลิ่งชิงฮวนได้ยินว่าจวนกั๋วกงเชิญตัว เธอก็แอบผ่อนลมหายใจในใจ

มู่หรงฉีหันหลังกลับออกไปทันที เธอเองก็ตามหลังไปอย่างเงียบๆ เมื่อเดินไปถึงประตูเธอก็หันกลับมาเอ่ยกับพระสนมฮุ่ยเฟย “หม่อมฉันลืมกราบทูลเสด็จแม่ ที่ชิงฮวนสาดน้ำชามิใช่เพราะเหตุผลใด แต่เพราะในนั้นถูกคนวางยาไว้ เมื่อครู่แม่นมฉียังอยู่หม่อมฉันจึงไม่รู้จะกล่าวเตือนอย่างไร จึงได้แต่ลงมือ”

เอ่ยจบก็ไม่ทันให้พระสนมฮุ่ยเฟยได้เอ่ยอะไร เธอก็เดินตามมู่หรงฉีออกจากวังไป

สาวใช้ในวังที่อยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก “วอนพระนางตรวจสอบให้ชัดเจน บ่าวถูกใส่ความเพคะ”

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะเยาะอยู่ในใจ เธอเชื่อว่าหากพระสนมฮุ่ยเฟยตรวจสอบว่าคำพูดของเธอเป็นจริงหรือเท็จก็จะต้องเชิญหมอหลวงมาพิสูจน์ และพวกเขาย่อมพบว่าในเศษถ้วยที่แตกกระจายอยู่ที่พื้นมียาระบายผสมอยู่ แน่นอนว่าจะต้องทำการซักไซ้ไล่เลียงสาวใช้ในวังให้ถึงที่สุด ในวังมีหูมีตามากมายที่คอยสอดส่อง ไม่มีทางที่นางจะทำอะไรแล้วไม่เหลือร่องรอยไว้

แม้ว่าหงส์ตกจากฟ้ายังไม่สู้ไก่หนึ่งตัว แต่เธอก็ยังเป็นบุตรีจวนมหาเสนาบดี มีบรรดาศักดิ์เป็นชายาอ๋องฉี สาวใช้ในวังกล้าดีอย่างไรถึงเล่นอุบายลับหลังเธอ ให้เธอถูกเอารัดเอาเปรียบเหรอ? ในเมื่อเธอกล้าเล่นกับฉัน ฉันก็จะเล่นกับเธอให้ดู ให้รู้ว่าฉันเหลิ่งชิงฮวนไม่ใช่หญ้าหางหมาที่ใครๆ ก็พากันเหยียบย่ำได้ แต่เป็นตะปูเหล็กที่เปล่งประกาย!

ทันทีที่ออกมาจากตำหนักมู่หรงฉีก็หยุดและรอเธอ ดวงตาของเขาเฉียบคมราวกับนกอินทรี ริมฝีปากฉีกยิ้มเย้ยหยัน "วิธีการแสนชั่วร้ายของคุณหนูใหญ่จวนมหาเสนาบดีน่าประทับใจจริงๆ แค่คำพูดตลกๆ ก็สามารถหมายชีวิตคนได้”

เหลิ่งชิงฮวนผงะไปครู่หนึ่ง ชายคนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อเธอ เขาไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาตั้งแต่แรก? หรือเพราะว่าชาถ้วยนั้นลวกเขา เขาจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“เมื่อมีคนต่อยหม่อมฉัน หม่อมฉันก็จะเตะพวกเขากลับไป ไม่เห็นจะมีอะไรผิด หม่อมฉันไม่ได้วางยาในถ้วยชา หากท่านอ๋องรักหยกถนอมบุปผา เช่นนั้นก็กลับไปอธิบายกับพระสนมฮุ่ยเฟยเถิด”

ดวงตาที่เย็นชาของมู่หรงฉีหยุดอยู่บนใบหน้าของเธอ "ช่างฉอเลาะนัก ข้าไม่คิดบัญชีกับเจ้าเรื่องนี้ แต่ข้าขอเตือนเจ้าไว้ อีกประเดี๋ยวเมื่อไปถึงจวนกั๋วกงก็ให้รักษาอาการป่วยอย่างตรงไปตรงมา อย่าทำตุกติกต่อหน้าเสด็จยาย ข้าไม่มีทางสนใจเจ้าหรอก"

เหลิ่งชิงฮวนที่รู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อยที่เขาแสดงความเมตตาต่อสาวใช้ในครัว แต่เมื่อได้ยินคำพูดหยิ่งผยองของเขาก็หัวเราะและพูดว่า "ท่านอ๋องฉีอย่าหลงตัวเองเกินไปเลย ชิงฮวนก็ไม่สนใจท่านเช่นกัน”

“เจ้าอย่าลืมสิ ว่าในตอนแรกใครเป็นคนที่รนหาที่ตาย รบเร้าจะแต่งเข้าจวนอ๋องฉีให้ได้”

เหลิ่งชิงฮวนถึงได้นึกถึงปัญหาเก่าๆ นี้ได้ ในตอนนั้นไทเฮาเป็นคนริเริ่มพระราชทานการอภิเษกนี้ให้ เมื่อมู่หรงฉีกลับมาจากการรบก็เคยกราบทูลว่าไม่อยากแต่ง

ในเวลานั้นเหลิ่งชิงฮวนยังไม่สามารถยั่วยวนเขาได้ อีกทั้งท่านพ่อของเธอยังไม่อยากจะเสียลูกเขยในอุดมคติไปจึงรีบไปเข้าเฝ้าไทเฮา กราบทูลว่าบุตรีของตนได้ข่าวว่างานอภิเษกจะถูกยกเลิกจึงพยายามคิดหาวิธีจบชีวิตตนเอง หากมิใช่มู่หรงฉีนางก็จะไม่มีทางตบแต่งด้วย ตอนนั้นการแสดงของนางสมจริงจนเกินไปมาก แต่มู่หรงฉีก็ไม่สามารถสลัดออกไปได้ และการหย่าร้างครั้งแรกจึงล้มเหลว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา