มู่หรงฉีขึ้นยืนอยู่บนแท่นทหารเพียงผู้เดียวและใช้สายตาอันเย็นชาค่อย ๆ กวาดตามองทหารทั้งสามเหล่าทัพ และเผยอริมฝีปากเอ่ยอย่างเยือกเย็นขึ้น
“เลี้ยงดูทหารเป็นพัน ๆ นายถึงเวลาต้องใช้งาน ข้าก็เตรียมพร้อมมาหลายปีเพื่อรับมือกับภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นในยามบ้านเมืองสงบสุขเช่นนี้ ไม่กล้าผ่อนคลายเลยสักวัน ข้าฝึกทหารและกำลังม้าโดยไม่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัดนี้เพื่ออะไร?”
“เพื่อขับไล่ศัตรูและปกป้องฉางอันของเรา!”
“ใช่แล้ว ปกป้องดินแดนของฉางอันไม่ให้ถูกรุกราน ปกป้องภรรยา ลูกของเราและพ่อแม่ของพวกเราให้อยู่เย็นเป็นสุข นี่เป็นหน้าที่ของข้าที่ไม่อาจปฏิเสธได้และก็เป็นหน้าที่ที่พวกเราควรทำ
วันนี้มั่วเป่ยได้เข้ามารุกรานพวกเราแล้ว พี่น้องทั้งหลายที่จะไปร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าที่สนามรบ ขอให้พวกท่านตามข้าไปต่อสู้อย่างนองเลือดด้วยกัน และสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ด้วยกันเถอะ ส่วนพี่น้องที่เหลืออยู่ในเมืองหลวงก็มีความรับผิดชอบของพวกเจ้าที่สำคัญไม่แพ้กัน!
คำพูดของเขาหยุดชะงักเล็กน้อย นายพลทั้งสามกองทัพพร้อมใจฟังกันอย่างตั้งใจ
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ความปลอดภัยของครอบครัวของทหารทุกคนที่ออกไปทำสงครามต้องขอฝากไว้กับพี่น้องทุกคนที่อยู่ในเมืองหลวงแล้ว พวกเราจะได้สละชีวิตและลืมความตายได้อย่างไม่ต้องพะว้าพะวัง ทุกคนโปรดเฝ้ารอให้พวกเรากลับมาอย่างมีชัยครอบครัวของพวกเราจะต้องยืนอยู่ที่ศาลาเพื่อเลี้ยงฉลองเหล้ามงคลให้กับทหารที่ออกรบอาบไปเลือดมา!”
เอ๋อ...
เหล่าทหารทั้งหลายต่างพากันมองหน้ากันไปมา ข้ามองเจ้า เจ้ามองข้า ใช้ชีวิตมาตั้งนาน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยิน นายพลที่ออกรบไม่ได้พูดแสดงแสนยานุภาพความสำคัญของประเทศเพื่อสร้างความขวัญกำลังใจ แต่กลับพูดถึงภรรยาและลูกออกมาเสียได้
ในความหมายของคำพูดที่พูดมาพวกนี้เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์และคะนึงหา แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องจริงนั่นแหละ ความภักดีและความชอบธรรมไม่อาจอยู่รวมกันได้ พวกทหารยอมสละครอบครัวเล็ก ๆ เพื่อส่วนรวม ใครบ้างที่จะไม่กังวลพ่อแม่และภรรยากับลูกในครอบครัวกันเล่า? คำปราศรัยที่ฮึกเหิมเหล่านั้นสามารถกระตุ้นขวัญกำลังใจได้ แต่ไม่สามารถทำให้ทุกคนตอบสนองตามได้
เสิ่นหลินเฟิงกระแอมไอเบา ๆ ญาติผู้พี่ของตัวเองคนนี้เหลือเกินจริง ๆ ถ้าคำพูดเหล่านี้ถูกแพร่กระจายออกไปละก็ จะไม่เป็นการรบกวนขวัญและกำลังใจของกองทัพหรอกหรือ? เป็นการทำลายจิตวิญญาณของการต่อสู้ของสามกองทัพโดยแท้ เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดพวกวีรบุรุษมักหมดความฮึกเหิมและพ่ายแพ้ให้กับหญิงงาม ความกล้าหาญของวีรบุรุษอันสูงส่งของท่านอ๋องฉีผู้นี้ยึดติดกับความรักและความผูกพันฉันท์ครอบครัวเช่นนี้ไปแล้วหรอกหรือ
และมู่หรงฉีเหมือนจะไม่มีสติสัมปชัญญะแม้แต่น้อยยังคงคำรามเสียงดัง “ทำได้หรือไม่?”
ทหารทั้งสามกองทัพส่งเสียงคำรามอย่างอึกทึก “ได้!”
“ดี ทุกคนตามข้าไปเหยียบมั่วเป่ยกันเถอะ ไปแสดงแสนยานุภาพของประเทศของเราออกมา ออกเดินทางได้!”
มู่หรงฉีโบกมือนำกองทัพกองใหญ่ออกเดินทางไปอย่างยิ่งใหญ่ทันที
เหลิ่งชิงฮวนยืนอยู่ที่สูง ๆ และมองจากที่ไกล ๆ มองเห็นมู่หรงฉีสวมชุดเกราะทั้งตัวและมีเสื้อคลุมสีดำคลุมอยู่แผ่นหลังของเขาค่อย ๆ หายไปจากสายตาของตัวเอง มือที่จับมือของอวิ๋นเช่อบีบแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ความรู้สึกใจหายเกิดขึ้นมาอย่างเต็มประดาและความอ่อนแรงหลั่งไหลเข้ามาในใจ
ขอเพียงมู่หรงฉีอยู่เคียงข้าง เรื่องทุกเรื่องไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามของตัวเอง ก็จะมีเขาอยู่เป็นคนสำคัญ พอเขาจากไปแล้วทันใดนั้นชิงฮวนก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะหลงทางเข้าแล้ว
ขอให้ปลอดภัยจงมีแต่ชัยชนะกลับมา นับแต่นี้เป็นต้นไปใต้หล้าจะไร้ซึ่งสงคราม
หลังจากที่กองทัพส่งทหารออกไปแล้ว ชิงฮวนก็อยู่แต่ที่จวนอ๋องฉีสงบจิตสงบใจบำรุงครรภ์ และเก็บตัวไม่ออกไปไหน นอกจากจะไปจวนมหาเสนาบดี ไปจวนกั๋วกงเพื่อเดินเล่น แม้แต่วังหลวงเธอก็ไปน้อยลง
เธอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้าตรง ๆ กับคนผู้นั้น เพราะว่าตอนนี้มู่หรงฉีก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงด้วย ช่วงเวลานี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะจัดการเธอและอวิ๋นเช่อ และเดิมทีร่างกายของตัวเองก็ไม่ค่อยจะแข็งแรง จึงต้องระวังตัวให้ดี
แต่ลับ ๆ แล้วเธอก็ไม่ได้จะละเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอไม่เพียงระดมกำลังองครักษ์อินทรีผู้เกรียงไกรทั้งหมดเข้าสู่สถานะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทำสงครามทุกเมื่อเพียงอย่างเดียว แต่ยังนำหยกออกมาสั่งการหอซ่อนดาบเพื่อยืมกองกำลังของโฉวซือเส่าในเมืองหลวง
อีกฝ่ายได้วางแผนไว้นานแล้ว เช่นนั้นก็คงอ่านเกมขององครักษ์ที่ซื่อสัตย์ของมู่หรงฉีออกอย่างทะลุปรุโปร่งตอนนี้ถ้าหากตนเองอยากจะเอาชนะ ก็จะต้องหงายไพ่ใบใหม่ที่คาดไม่ถึง ต้องขอบคุณที่ตัวเองซ่อนไพ่ไม้ตายอย่างองครักษ์อินทรีเอาไว้
คนที่น่าสงสัยควรเฝ้าระวังก็ต้องค่อยเฝ้าระวังไว้ ควรตรวจสอบก็ควรไปตรวจสอบไว้ คอยเป็นหูเป็นตาสอดส่องทุกซอกทุกมุม และก็ควรที่จะเริ่มลงมือเคลื่อนไหวได้แล้ว หากรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งไม่มีวันพ่ายแพ้แน่
ในขณะเดียวกันเธอก็เริ่มอ่านข้อมูลที่องครักษ์อินทรีรวบรวมมาเกี่ยวกับขุนนางในราชสำนักและนำข้อมูลเหล่านั้นเก็บไว้ในแหวนนาโนของตัวเองเพื่อทำความเข้าใจอย่างรายละเอียดถึงเบื้องลึกและจุดอ่อนของขุนนางแต่ละคน
สิ่งที่เสนาบดีเหลิ่งกล่าวไว้เป็นความจริงอย่างมาก ตัวเองกับมู่หรงฉียังมีรากฐานไม่มั่นคง และอำนาจในราชสำนักยังจำเป็นต้องออกแรงอีกมาก แม้จะไม่สามารถควบคุมอะไรได้ แต่ก็ไม่ควรเป็นฝ่ายถูกกระทำเฉย ๆ ได้ ตัวเองจะต้องมีอะไรตอบโต้กลับเอาไว้บ้าง
เธอโชคดีมากที่ได้รับช่วงต่อสำนักองครักษ์อินทรีในตอนนั้น และข้อมูลลับ ๆ เหล่านี้ก็คือไพ่ตายของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...