“ไอ้นั่นไง ผลไม้ที่อยู่ในมือเจ้าน่ะ ข้าขอยืมหน่อย” ปู้ฟางพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังสุดขีด
ประตูมายาสวรรค์ในตอนนั้นเงียบมากเสียจนได้ยินเสียงลมพัดหวีดหวิวเป็นฉากหลัง ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงได้ยินคำพูดของปู้ฟางเต็มสองรูหู แม้เขาจะไม่ได้พูดเสียงดังแต่อย่างใด
เซียวเยียนอวี่และเซียวเสี่ยวหลงแยกเขี้ยวอายแทนปู้ฟาง ไม่รู้ว่าจะต้องหัวเราะหรือว่าร้องไห้ดี “สถานการณ์ตึงเครียดขนาดนี้ เขายังกล้าบุกมาขอยืมผลไม้เนี่ยนะ… แถมยังจะยืมผลไม้พลังปราณระดับเจ็ดอีก คิดว่าอีกฝ่ายโง่เง่าไม่รู้ประสาหรืออย่างไรกัน”
เซียวเสี่ยวหลงคันปากอยากเหน็บแนม แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าจริงจังของปู้ฟาง ก็อับจนด้วยคำพูดไปเสียอย่างนั้น… “เถ้าแก่ปู้อาจจะมาเพื่อขอยืมผลไม้จริงๆ ก็เป็นได้” เขาคิด
พลังปราณที่กระจายออกจากร่างเซียวเหมิงเริ่มแผ่วลง เขามองปู้ฟางด้วยสายตาเคร่งขรึม “เถ้าแก่ปู้มาทำอะไรที่นี่กัน แล้วมาคนเดียวเสียด้วย อสูรเวทในตำนานกับหุ่นเชิดเล่า มิได้พามาด้วยหรือ”
เมื่อไม่มีอสูรเวทและหุ่นเชิด ปู้ฟางก็เป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นจิตยุทธการที่อ่อนแอไร้ทางสู้ แทบทุกคนในที่แห่งนี้สามารถเป่าเขาให้ปลิวไปได้ทั้งสิ้น แล้วเขาไปเอาความกล้าเผชิญหน้าขอยืมผลไม้จากเจ้ามู่เฉิงมาจากที่ใดกัน
เจ้ามู่เฉิงมองปู้ฟางด้วยสายตาไม่ใยดี เขาไม่เคยเจอชายหนุ่มมาก่อน แต่เคยได้ยินเรื่องราวของคนผู้นี้มาบ้าง “เจ้าของร้านใจไม้ไส้ระกำที่มีอสูรเวทในตำนานเฝ้าร้านอยู่เช่นนั้นรึ”
แน่นอนว่าเจ้ามู่เฉิงไม่เชื่อข่าวลือนั้น อสูรเวทในตำนานที่แสนยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานจะมาเฝ้าร้านอาหารไปเพื่อกิจอะไรกัน คนที่ปล่อยข่าวลือนี้ตีไข่ใส่สีเข้าไปเสียจนเกินงามแล้ว
“อ้อ เจ้าอยากขอยืมผลไม้ในมือข้ารึ เหตุใดข้าต้องให้เจ้าด้วยเล่า” เจ้ามู่เฉิงถามพร้อมรอยยิ้มบางบนใบหน้า เขายกมือขึ้น ผลตื่นรู้สามสายลอยอยู่บนฝ่ามือ
พลังปราณเข้มข้นไหลออกมาจากผลตื่นรู้สามสาย เมื่อปู้ฟางเห็นปรากฏการณ์นี้ เขาก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที ผลตื่นรู้สามสายนั้นเยี่ยมยอดน่าอัศจรรย์ใจจริงเสียด้วย เหมาะที่จะเป็นวัตถุดิบหลักในการหมักสุราจริงๆ
เขาบังคับให้ตนเองใจเย็นลง ใบหน้าของปู้ฟางนิ่งเฉยขณะมองเจ้ามู่เฉิง แล้วตอบเสียงเรียบ “ทำไมเล่า พูดอย่างกับข้าขอยืมจากเจ้าเช่นนั้นแหละ คิดว่าตนเองเป็นเจ้าของหรืออย่างไร ถึงมาถามข้าว่าทำไมต้องให้”
ใบหน้าของเจ้ามู่เฉิงพลันแข็งทื่อ ความรู้สึกอิ่มสุขถูกแทนที่ด้วยโทสะจากความอับอาย
สิ่งที่ปู้ฟางพูดนั้นถูกต้อง ผลตื่นรู้สามสายเป็นของจักพรรดิฉางเฟิ่งต่างหาก หากปู้ฟางจะขอยืม เขาย่อมต้องขอยืมจากจักพรรดิฉางเฟิ่ง เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วตามตรรกะ…
“แต่ตอนนี้ผลไม้นี้อยู่ในมือข้า บอกข้ามาเสีย เหตุใดข้าต้องให้เจ้าด้วย” เจ้ามู่เฉิงเย้ยพร้อมปรายตามองปู้ฟางด้วยสายตาชิงชัง เขาสัมผัสได้ว่าปู้ฟางมีพลังปราณเพียงขั้นจิตยุทธการเท่านั้น จึงเอ่ยต่อ “ด้วยพลังปราณขั้นจิตยุทธการของเจ้า เจ้าจะทำให้ข้ามอบผลไม้นี้ให้ได้อย่างไรกัน”
เซียวเหมิงที่อยู่ใกล้ๆ เริ่มรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา ปู้ฟางนั้นถือเป็นผู้มีพระคุณของเขา เนื่องจากอาหารโอสถทิพย์ที่อีกฝ่ายปรุงขึ้นทำให้จีรู่เอ๋อร์ตื่นขึ้นมาจากสภาวะนิทราได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่อยากให้ปู้ฟางถูกเจ้ามู่เฉิงซ้อมจนตายคามือ
ในเมื่อสุนัขและหุ่นเชิดไม่ได้มาด้วย เซียวเหมิงก็ไม่รู้เลยว่าปู้ฟางรวบรวมความกล้ามาท้าทายเจ้ามู่เฉิงได้อย่างไร
ปู้ฟางขมวดคิ้ว เขามองเจ้ามู่เฉิงด้วยสายตาจริงจังไม่ได้ล้อเล่น “ข้าไม่ชอบวิวาท
“แต่หากจำเป็นข้าก็ยินดีใช้กำลังตัดสิน”
พอพูดจบเขาก็ยกมือขึ้น รูปสลักบนข้อมือสว่างวาบ ก่อนที่กลุ่มควันสีเขียวจะลอยวนรอบมือ ตามมาด้วยมีดทำครัวสีดำสนิท
ทั้งเจ้ามู่เฉิงและเซียวเหมิงต่างนิ่งอึ้งจนด้วยคำพูด แม้แต่จีเฉิงเสวี่ยที่เพิ่งหายจากอาการประหลาดใจยังต้องกลับไปมีสีหน้าเหมือนต้องมนต์ดังเดิม
ภาพผู้ฝึกตนระดับสี่ขั้นจิตยุทธการที่ยืนถือมีดทำครัว พร้อมประกาศกร้าวว่าตนเองพร้อมจะใช้ความรุนแรงแก้ปัญหากับผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการ มันน่าขำให้ฟันร่วงหมดปากไหมเล่า
หนี่หยันที่ยืนอยู่กลางอากาศนอกประตูมายาสวรรค์อดไม่ได้ที่จะระเบิดหัวเราะออกมาขณะมองภาพเบื้องล่าง “เถ้าแก่ปู้นี่เหตุใดจึงน่ารักได้ถึงเพียงนี้กันนะ”
หนี่หยันหัวเราะคิกคักอยู่กับตนเองสักพัก เมื่อเห็นปู้ฟางยืนถือมีดทำครัวยั่วโทสะเจ้ามู่เฉิงด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนหน้านี้นางสงสัยว่าเหตุใดปู้ฟางจึงยื่นมือเข้ามามีเอี่ยวในเหตุการณ์แย่งอำนาจนี้ด้วย แต่สุดท้ายความจริงก็เฉลยออกมาว่าเขามาเพราะผลตื่นรู้สามสายนั่นเอง
“สมแล้วที่เป็นพ่อครัว ยอมเสี่ยงชีวิตของตนเองเพื่อเสาะหาวัตถุดิบที่ดีที่สุดมาทำอาหาร” นางคิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD