ตึง ตึง ตึง!
พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับมีสัตว์ใหญ่กำลังยกโขยงกันวิ่งผ่าน สามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางมาปรากฏตัวเบื้องหน้าปู้ฟางพร้อมร่างกายใหญ่โตเทอะทะ
“เหลือที่ไว้ให้บิดาเจ้าด้วยสิ! พวกเจ้าจะยืนชิดกันไปไหน!”
เสียงตะโกนด้วยความโกรธเคืองดังมาจากด้านหลัง โอวหยางเจินกับโอวหยางอู๋เกาศีรษะหน้าตาดูอายๆ ก่อนหลบไปข้างๆ ปล่อยให้ร่างหนึ่งแทรกตัวเข้ามาระหว่างพวกเขา
“ไอ้ลูกบ้านี่ วันๆ เอาแต่กินจนอาหารไม่ย่อยหรืออย่างไร ทำไมจึงอ้วนเป็นหมูตอนเช่นนี้! กลับไปเมื่อไหร่ข้าจะให้พวกเจ้าฝึกหนักขึ้นสามเท่า!” โอวหยางซงเหิงตะโกนพร้อมชี้นิ้วไปที่สามพี่น้องด้วยสีหน้าเหม็นบูด น้ำลายกระเซ็นเป็นฝอยจนแทบจะอาบใบหน้าของพวกเขา
สามยักษ์ร้ายตระกูลโอวหยางเช็ดใบหน้าตนเองแล้วหัวเราะฝืด แต่เมื่อได้ยินคำว่าฝึกหนักขึ้นสามเท่า สีหน้าของพวกเขาก็บูดเบี้ยวเหยเกทันที ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไรดี จะบอกว่าพวกเขาอ้วนได้อย่างไรกัน… ในเมื่อพวกเขาฝึกหนักจนร่างกายเหลือเพียงกล้ามเนื้ออย่างเดียวแล้ว!
“ท่านพ่อ! ทำอะไรน่ะ! เถ้าแก่ปู้มองอยู่นะ!” เสียงไม่สบอารมณ์ของโอวหยางเสี่ยวอี้ดังขึ้น ใบหน้าของโอวหยางซงเหิงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที เขาขยับเข้าไปหาบุตรสาวสุดที่รักด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ลูกสาวตัวน้อยน่ารักที่เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ของพ่อ พ่อเพียงแต่สอนระเบียบวินัยให้พี่ชายเจ้าเท่านั้นเอง สิ่งที่เจ้าบอกพ่อก่อนหน้านี้ พ่อจำได้หมดแล้วจ้ะ!”
เมื่อเห็นโอวหยางซงเหิงพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย โอวหยางเสี่ยวอี้จึงพ่นลมเยาะออกมาหนึ่งที แล้วหันไปมองปู้ฟางพร้อมพูดอย่างร่าเริง “เถ้าแก่ปู้ ข้าขอแนะนำครอบครัวข้า นี่ท่านพ่อข้า เป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรนี้! ท่านพ่อของข้าเก่งกาจเยี่ยมยุทธ์ไม่แพ้ท่านลุงเซียวเลยทีเดียว!”
พอโอวหยางเสี่ยวอี้เริ่มแนะนำโอวหยางซงเหิง สีหน้าของผู้เป็นบิดาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเอาการเอางานขึ้นมาทันที เขายืดอกขึ้นแล้วพยักหน้าให้ปู้ฟางอย่างเชื่อมั่นในเกียรติยศของตน
ปู้ฟางมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นก็ยกถ้วยน้ำร้อนในมือขึ้นจิบเล็กน้อย แล้วตอบเบาๆ ว่า “อ้อ”
สีหน้าของโอวหยางซงเหิงแข็งทื่อทันทีที่ได้ยิน “ไอ้เด็กเวรนี่… มันจองหองเหมือนที่ข่าวลือว่าไว้ไม่มีผิด!” เขาคิด
“นี่ท่านแม่หนึ่ง ท่านแม่สอง ท่านแม่สาม… ท่านแม่หก!” โอวหยางเสี่ยวอี้เริ่มแนะนำทีละคน พร้อมลากสตรีท่าทางสง่างามออกมาตามการเรียก เมื่อปู้ฟางเห็นสีหน้ามีความสุขของเด็กหญิง เขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้แล้วพยักหน้าทักทายแต่ละคนตามลำดับ!
“นี่พี่ชายสมองทึบสามคนของข้า ไม่จำเป็นต้องแนะนำเพราะรู้จักกันอยู่แล้ว”
สำหรับสามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางนั้น… โอวหยางเสี่ยวอี้ข้ามไปทันที เนื่องจากปู้ฟางคุ้นชินกับทั้งสามอยู่แล้ว
“เถ้าแก่ปู้” สามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง พร้อมประสานฝ่ามือกับกำปั้นคารวะปู้ฟาง
ปู้ฟางลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเชื้อเชิญให้ทุกคนเข้ามาในร้าน อากาศหนาวเย็นภายนอกนั้นไม่เหมาะกับการไปยืนแกร่วทำพิธีรีตองกันแม้แต่น้อย
“เสี่ยวอี้ เหตุใดจึงพาคนมามากมายเช่นนี้” ปู้ฟางถามด้วยความงุนงง
“ท่านพ่ออยากปรึกษาอะไรกับนายท่านนิดหน่อย ส่วนพวกท่านแม่มาเพื่อกินอาหารอร่อย ท่านพ่อบอกว่าจะเลี้ยงน่ะ!” โอวหยางเสี่ยวอี้พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แก้มของนางเป็นสีชมพูกลีบกุหลาบ ดวงตาเป็นประกายเหมือนอัญมณีมีค่า ดูน่ารักยิ่งนัก
“จะเลี้ยงรึ” ปู้ฟางงงไปพักหนึ่ง จากนั้นก็เหลือบตามองโอวหยางซงเหิง “หมอนี่… มีเงินพอรึ”
“ถ้าเช่นนั้นก็เข้ามาในร้านก่อนก็แล้วกัน จะสั่งอะไรก็ดูรายการอาหารที่ด้านหลัง เสี่ยวอี้ วันนี้เจ้าก็อยู่กับบิดามารดาเถิด ไม่ต้องทำงาน” ปู้ฟางพูดแล้วเริ่มเดินไปทางห้องครัว
โอวหยางซงเหิงอยากพูดอะไรบางอย่างขณะมองแผ่นหลังของปู้ฟาง แต่ก็รู้สึกลังเลใจขึ้นมา “ช่างมันก่อนก็แล้วกัน เอาไว้รอหลังกินเสร็จ มาดูกันก่อนว่าอาหารของหมอนี่จะอร่อยเหมือนที่เขาร่ำลือกันไหม และหมอนี่ควรค่าพอให้ข้าเอ่ยปากเชิญด้วยตนเองหรือเปล่า” แม่ทัพคิด
พอโอวหยางซงเหิงหันหลังกลับไปมองรายการอาหาร เขาก็แทบกระอักเลือดออกมาเต็มปาก!
เขาจำได้ขึ้นมาทันทีว่าอาหารของร้านใจไม้ไส้ระกำนั้นราคาแพงหูฉี่จนแทบอยากตาย “ข้าสติฟั่นเฟือนไปแล้วรึ เหตุใดจึงอุตริไปสัญญากับลูกสาวคนเล็กว่าจะเลี้ยงอาหารทุกคนเช่นนั้น!”
เขามองไปที่ราคาซึ่งเขียนเรียงลงมาเป็นแถว แทบทุกรายการมีหน่วยเป็นผลึก พลางรู้สึกเหมือนหัวใจถูกกรีดจนเลือดไหล มือทั้งสองข้างสั่นสะท้าน “พวกนางเหล่านี้ควรจะเห็นใจข้าหน่อย ข้ามีเงินถุงลับเหลืออยู่ไม่มากแล้ว”
“เสี่ยวอี้ จานไหนอร่อยที่สุดจ๊ะ” แม่หนึ่งของเสี่ยวอี้เขยิบเข้ามาใกล้แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวอี้ชี้ไปที่รายการอาหารแล้วประกาศเสียงดัง “ซี่โครงเปรี้ยวหวาน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD