“เจ้าคิดว่ากับอีแค่รางวัลขี้ปะติ๋วจะทำให้ข้ายอมใจอ่อนเข้าร่วมงานรึ” ปู้ฟางยืนหลังตรงแหน็ว มองโอวหยางซงเหิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
โอวหยางซงเหิงประหลาดใจไปชั่วขณะ “สมแล้วที่เป็นพ่อครัวที่แม้แต่ท่านจักรพรรดิยังทรงให้การยอมรับ ชายผู้นี้เป็นคนแน่วแน่ยึดมั่นในอุดมการณ์กว่าพ่อครัวธรรมดาทั่วไปยิ่งนัก ดูเหมือนว่าการเชิญให้เถ้าแก่ปู้มาร่วมงานต้องเป็นงานหินแน่ๆ” เขาคิด
“เถ้าแก่ปู้ ท่านจะไม่ลองคิดดูอีกครั้งจริงๆ หรือ นี่เป็นโอกาสที่จะทำให้ทุกคนได้ประจักษ์กับความสามารถในการทำอาหารของท่านนะ!” โอวหยางซงเหิงถามด้วยน้ำเสียงลังเลใจ
ปู้ฟางมองหน้าอีกฝ่ายแล้วกะพริบตาปริบๆ อยู่สักพัก จากนั้นเขาก็ถอนหายใจยาวออกมาพลางเอ่ยถาม “บอกข้ามาก่อนว่าหากชนะที่หนึ่งจะได้รางวัลอะไร”
“หือ อะไรนะ” โอวหยางซงเหิงฉีกยิ้มกว้างขณะมองปู้ฟาง “ยอมแพ้แล้วรึ ไอ้ความหัวแข็งก่อนหน้านี้หายไปไหนหมด ไหนบอกว่าเป็นคนยึดมั่นในอุดมการณ์ไม่สนใจทรัพย์สินเงินทองของมีค่าอย่างไรเล่า”
“แค่กๆ… เถ้าแก่ปู้ คืออย่างนี้นะ รางวัลของงานสมโภชร้อยครอบครัวในครั้งนี้ท่านจักรพรรดิจะทรงเลือกด้วยพระองค์เองจากคลังสมบัติหลวง เราจะรู้ก็ต่อเมื่อได้ผู้ที่ชนะแล้วเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ข้าจึงตอบท่านไม่ได้เช่นกัน… แต่ข้ายืนยันได้ว่าท่านจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน!” โอวหยางซงเหิงพูดด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ พร้อมตบหน้าอกตนเองเพื่อให้คำมั่น
ปู้ฟางหลุบตาลงต่ำแสร้งทำเป็นคิดทบทวนอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขาก็เหลือบตาขึ้นมองโอวหยางซงเหิง “ก็ได้ ข้าจะเข้าร่วมด้วย”
เมื่อโอวหยางซงเหิงได้ยินว่าปู้ฟางตกลงเข้าร่วมงานสมโภชร้อยครอบครัวในที่สุด ใบหน้าของแม่ทัพใหญ่ก็เบิกบานเหมือนดอกบ๊วยที่กำลังคลี่แย้ม
“สวรรค์โปรด หากเถ้าแก่ปู้เข้าร่วมงานจะต้องได้ที่หนึ่งแน่นอน! จึ๊ๆๆ อาหารของท่านนั้นอร่อยที่สุดเท่าที่ข้าเคยกินมาเลย อร่อยเสียยิ่งกว่าพ่อครัวหลวงด้วยซ้ำไป! คำเดียวเลยนะ สุดยอด!” โอวหยางซงเหิงยกนิ้วโป้งให้ปู้ฟางพร้อมเอ่ยชมไม่ขาดปาก
หากคนอื่นมาเห็นภาพนี้เข้า ย่อมต้องคิดว่าแม่ทัพผู้เกรียงไกรที่มีชื่อเสียงระบือไปทั่วอาณาจักรคนนี้ เป็นพ่อค้าเร่วัยกลางคนหิวทรัพย์อย่างแน่นอน
โอวหยางซงเหิงถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อเถ้าแก่ปู้ตอบตกลงเช่นนี้ ก็แปลว่าภารกิจที่จักรพรรดิมอบหมายให้เขาทำสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
แม้กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เขาต้องเจ็บปวดจนแทบจะขาดอากาศหายใจ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็ทำให้เขาพึงพอใจเป็นอันมาก ถึงเงินถุงลับที่แอบเก็บหอมรอมริบมาหลายเดือนจะถูกบุตรสาวถลุงไปจนหมดก็เถอะ…
ปู้ฟางมองส่งสมาชิกตระกูลโอวหยาง ก่อนจะเดินกลับเข้าครัวไป
เขาเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวายทุกชนิด แต่ก็เป็นคนจริงจัง แน่นอนว่าปู้ฟางจริงจังกับการทำอาหารมากด้วยเช่นกัน ในเมื่อเลือกที่จะเข้าร่วมแล้ว เขาก็จะทำผลงานให้ดีที่สุด
ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงต้องตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อม เพื่อจะได้ชนะรางวัลที่หนึ่งในงานสมโภชร้อยครอบครัวครั้งนี้
…
เมื่อเทศกาลฤดูใบไม้ผลิใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ถนนหนทางในนครหลวงก็เริ่มครึกครื้นขึ้นเป็นเงาตามตัว ทุกคนออกมาทำความสะอาดบ้านรับฤดูใหม่ นำกระดาษสีแดงเขียนคำกลอนวันปีใหม่มาประดับตกแต่ง ทำอาหารอร่อยๆ กินกันในครอบครัว เพื่อต้อนรับฟ้าใหม่ที่กำลังจะมาถึง
บรรดาพ่อค้าแม่ค้าในถนนสายหลักปิดร้านกันเร็วกว่าปกติ และรีบมุ่งหน้ากลับบ้านไปฉลองวันปีใหม่ที่ใกล้เข้ามากับครอบครัว
ควันหนาลอยล่องขึ้นบนฟากฟ้า ก่อนถูกลมปัดเป่าให้จางหายไปในอากาศ
เมื่อถึงยามค่ำ ดวงจันทร์สองดวงก็ลอยเด่นขึ้นบนฟ้า ดูเหมือนจานสีเงินสองใบที่ทอแสงสีเงินยวงอบอุ่นสะท้อนลงบนพื้นถนน
เด็กน้อยในชุดกันหนาวตัวหนาหลายคนวิ่งเล่นกันอยู่บนถนน แก้มเป็นสีแดงปลั่ง หายใจเป็นไอขาว ในมือถือโคมไฟส่องทาง พวกเขาวิ่งเล่นกันพล่าน เสียงหัวเราะทำให้บรรยากาศเงียบเหงาของตอนกลางคืนดูสนุกสนานขึ้นมาทันตา
บ้านหลังใหญ่ในนครหลวงต่างแขวนโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่เอาไว้ที่หน้าประตู บรรดาพ่อบ้านแม่บ้านและบริวารทั้งหลายต่างยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมเฉลิมฉลองเทศกาลวันปีใหม่
ในห้องครัวล้วนสาละวนกับการทำกับข้าวไฟลุกท่วม พร้อมด้วยเสียงผัดที่ดังเป็นจังหวะ และกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยตลบอบอวลอยู่ในอากาศนานสองนาน
อาหารหน้าตาน่ากินจานแล้วจานเล่าถูกลำเลียงมาวางบนโต๊ะ สมาชิกของแต่ละตระกูลมารวมตัวกันเพื่อพบหน้าค่าตาบนโต๊ะอาหารเย็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD