ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 144

สรุปบท บทที่ 144 จันทร์สองดวงซ้อนกันเป็นหนึ่ง เทศกาลฤดูใบไม้ผลิมาถึง: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD

ตอน บทที่ 144 จันทร์สองดวงซ้อนกันเป็นหนึ่ง เทศกาลฤดูใบไม้ผลิมาถึง จาก ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 144 จันทร์สองดวงซ้อนกันเป็นหนึ่ง เทศกาลฤดูใบไม้ผลิมาถึง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายSlice of Life ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ทันทีที่ขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้นเข้าปาก เซียวเยียนอวี่ก็รู้สึกราวกับว่านางกำลังกัดลงไปบนฟองน้ำ ทุกชั้นของฟองน้ำนั้นอ่อนนุ่มจนแทบไม่อยากเชื่อ รสสัมผัสเหมือนผ้าไหมกำลังแตะฟันสีขาวเหมือนไข่มุกและริมฝีบางสีแดงเรื่อของนาง ทำให้นางรู้สึกราวกับว่าลมอ่อนโยนกำลังพัดเข้าปลอบประโลมจนร่างสั่นสะท้าน

รสชาติหวานหอมกระจายไปทั่วปากของเซียวเยียนอวี่ ขนมไหว้พระจันทร์คลี่ออกเหมือนกลุ่มด้าย กระเด้งกระดอนอยู่ในปาก ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายมีความสุขเหมือนได้รับการปรนนิบัติอย่างดี

รสหวานเข้าห้อมล้อมต่อมรับรสของนาง และค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในปากทีละคืบ แม้จะไม่เร็วมาก แต่ก็ทำให้เซียวเยียนอวี่รู้สึกราวกับโลกทั้งใบกลายเป็นขนมหวาน

ตอนนั้นเองใบหน้าของเซียวเยียนอวี่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ หญิงสาวมีท่าทางกระสับกระส่ายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวอยู่สักพัก นางดูไม่เป็นตัวของตัวเองแม้แต่น้อย หลังจากที่ขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้นเข้าปาก นางก็รู้สึกราวกับว่าเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนได้หลุดออกจากร่างเหมือนก้อนขนมไหว้พระจันทร์ที่คลายตัวในปากนาง…

ช่างน่าอายอะไรเช่นนี้!

เซียวเสี่ยวหลงเองก็ได้ประสบการณ์เดียวกันกับเซียวเยียนอวี่ ปู้ฟางเหลือบมองหน้าชายหนุ่มแล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายหน้าแดงเช่นกัน… จนเขางงงวยว่าอายอะไรกัน

“อร่อยมาก!”

โอวหยางเสี่ยวอี้เป็นคนแรกที่เอ่ยปากชมด้วยสีหน้ามีความสุขล้น “การได้กินอาหารจานใหม่ๆ ของนายท่านตัวเหม็นนี่ถือเป็นความสุขที่แท้จริง แถมขนมจานนี้ยังอร่อยมากอีกด้วย…”

“อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปไป ลองชิมต่อ พวกเจ้ายังไม่ได้รับรู้ถึงรสชาติที่แท้จริงของมัน” ปู้ฟางพูดพลางกัดขนมเข้าไปคำหนึ่ง

ทั้งสามพลันประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน หรือว่าความจริงแล้วขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้นมีความลับอื่นซ่อนอยู่อีก

พวกเขากัดขนมอีกครั้งด้วยความสงสัยใคร่รู้ จากนั้นก็ต้องรู้สึกตกใจกับความหวานที่นุ่มนวล

ปู้ฟางค่อยๆ ละเลียดเคี้ยวขนมในปาก สีหน้าดูว่างเปล่าขณะทอดสายตาออกไปไกล…

เส้นด้ายสีขาวในขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้นนั้นไม่ได้เหมือนแค่เส้นไหม แต่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของเขาเช่นกัน นั่นคือความหมายที่แฝงอยู่ในอาหารจานนี้ของปู้ฟาง ขนมวันปีใหม่นี้ทำมาจากหมัดของปู้ฟางที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของเขา

มันคือขนมที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอย่างแท้จริง

โอวหยางเสี่ยวอี้ยังคงตั้งหน้าตั้งตากินต่อไป ดวงตาของนางเริ่มรื้นน้ำตา นางไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองถึงเริ่มร้องไห้ออกมา ความเศร้าที่หาที่มาที่ไปไม่ได้แน่นอยู่ในอกของเด็กหญิง

ความรู้สึกนี้ประหลาดยิ่ง มันคือความรู้สึกโหยหาปะปนกับความเหงา…

เซียวเยียนอวี่และเซียวเสี่ยวหลงต่างกินขนมของตนโดยไม่พูดอะไร สีหน้าแสดงออกว่าได้รับผลกระทบจากความรู้สึกในขนมไหว้พระจันทร์เช่นกัน

พวกเขาทั้งสี่ต่างนั่งกินกันเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ไม่นานนักขนมก็หมดจาน

รสชาติอร่อยยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของพวกเขาทั้งสี่ กระแสความรู้สึกจากขนมทำให้ดวงตาของพวกเขารื้นไปด้วยน้ำ

“พี่หญิง… พอกินขนมนี้เข้าไปแล้ว เหตุใดข้าจึงนึกไปถึงสามปีที่ท่านแม่นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่บนเตียงกันนะ ข้ารู้สึกเศร้าเหลือเกิน” เซียวเสี่ยวหลงเอ่ย

เซียวเยียนอวี่หลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นนางก็ลืมตาขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า “น้องชายสุดบ้องตื้นของข้า ท่านแม่ก็ตื่นขึ้นมาแล้วอย่างไรเล่า”

เซียวเยียนอวี่เองก็ได้ลิ้มรสอารมณ์ในขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้นเข้าไปเช่นกัน แต่นางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่ปู้ฟางอยากจะสื่อ อาจจะมีแค่ชายหนุ่มคนเดียวที่ได้สัมผัสรสชาติที่แท้จริงของขนมนี้ก็เป็นได้

“กลับไปบ้านแล้วฝากขอบคุณมารดาของเจ้าด้วย ขนมชิ้นนั้นอร่อยจริงๆ” ปู้ฟางพูดขณะยืนคาอยู่ที่ปากประตู หลังจากกินขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้นหมดก็ถึงเวลาที่ทั้งสามต้องกลับบ้าน

เซียวเยียนอวี่ประหลาดใจพอตัว นางตอบกลับด้วยรอยยิ้มสวย “เถ้าแก่ปู้นี่รู้จักขอบคุณคนอื่นเป็นเหมือนกันหรือ ประหลาดนัก”

“อืม แน่นอน ข้าจะบอกท่านแม่ให้ การที่เถ้าแก่ปู้ชมความสามารถในการทำอาหารของคนอื่นนั้นเป็นเรื่องหายากยิ่งนัก” เซียวเยียนอวี่เอ่ย

ปู้ฟางยิ้มกว้าง จากนั้นเขาก็มองทั้งสามเดินจากไปแล้วพึมพำเบาๆ คนเดียว “ใช่แล้ว แต่ถ้านางนวดแป้งได้ชำนาญกว่านี้และควบคุมความร้อนได้ดีกว่านี้ รสชาติย่อมดีขึ้นอีกแน่นอน”

ปู้ฟางไม่ได้พูดดัง แต่กลับฟังชัดในตรอกที่เงียบกริบเป็นป่าช้า

เซียวเยียนอวี่ที่กำลังเดินอยู่ในความมืดชะงักไปชั่วครู่… “เข้าใจแล้ว เถ้าแก่ปู้เป็นคนที่รู้จักรักษาน้ำใจคนอื่นสินะ” นางคิด

ตรอกกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ปู้ฟางเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์กลมสีเงินสองดวงบนท้องฟ้าที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทองแสงสีเงินเย็น จากนั้นมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ชายหนุ่มเดินกลับเข้าร้านพร้อมวางไม้กระดานปิดประตูกลับเข้าที่

ปู้ฟางรู้ดีว่าเกี๊ยวน้ำนั้นเป็นเกี๊ยวที่มีวิธีการทำไม่เหมือนเกี๊ยวทั่วไป เกี๊ยวทั่วไปจะใช้วิธีนึ่ง ส่วนเกี๊ยวน้ำต้องนำไปต้ม แต่เกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปนั้น… ปู้ฟางพลันรู้สึกสงสัยขึ้นมา

แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ประหลาดใจกับรายการอาหารจานนี้นัก เนื่องจากเขาเชื่อมั่นว่าอะไรที่ระบบมอบให้ย่อมไม่ทำให้ผิดหวัง เกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปน่าจะมีความพิเศษในตัวของมันเองแน่นอน

ปู้ฟางรู้สึกอยากจะเดินเข้าครัวไปทำเกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปเพื่อชิมเสียเดี๋ยวนี้ แต่หลังจากที่คิดอีกรอบ เขาก็ตัดสินใจว่าเอาไว้ก่อนดีกว่า เนื่องจากใช้พลังปราณไปพอสมควรแล้วในการทำขนมไหว้พระจันทร์ผ้าไหมพันชั้น และรู้สึกอ่อนเพลียพอตัว การที่ร่างกายของเขาไม่สมบูรณ์เต็มที่ในตอนนี้ อาจทำให้ระดับของอาหารได้รับผลกระทบไปด้วย ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินกลับห้องไปนอน

การนอนให้พอเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับปู้ฟาง แม้เขาจะมีปราณขั้นราชันยุทธการแล้วก็ตามที

ภายนอกร้าน ดอกไม้ไฟยังคงสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้าเหนือตรอก ส่องแสงเจิดจ้าหลากสีสวยงาม

บนถนนสายหลักของนครหลวง เด็กๆ พากันตะโกนเจื้อยแจ้วสนุกสนาน บรรยากาศรื่นเริงของงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิทวีความเข้มข้นขึ้นอีก

คืนนี้นครหลวงครึกครื้นเป็นพิเศษ เนื่องจากทุกคนกำลังรอเวลาปีใหม่อย่างใจจดใจจ่อ

บนท้องฟ้าสีดำสนิท ดวงจันทร์สองดวงเคลื่อนที่เข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ เมื่อดวงจันทร์ทั้งสองซ้อนกันสนิท ก็ถือเป็นสัญญาณการเริ่มต้นปีใหม่และการเริ่มต้นเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ

ปู้ฟางนอนอยู่บนเตียง สายตามองไปที่ดวงจันทร์ซึ่งส่องสว่างอยู่นอกหน้าต่าง พลางรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

ท่ามกลางเสียงเจื้อยแจ้วของบรรดาประชาชนทั่วทั้งจักรวรรดิวายุแผ่ว ดวงจันทร์ทั้งสองก็เคลื่อนมาทับกันในที่สุด

ดวงจันทร์เดี่ยวบนฟากฟ้าส่องแสงสว่างเจิดจ้า

เทศกาลฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว พร้อมพลุหลากสีสันข้างดวงจันทร์อร่าม

ปู้ฟางนอนบนเตียงมองภาพดวงจันทร์ทั้งสองที่ซ้อนทับกัน จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วหลับตาลงช้าๆ

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD