นครครึ่งหนึ่งถูกโอบล้อมไปด้วยกลิ่นสุรา มันเป็นกลิ่นหอมเข้มน่าหลงใหลที่กระจายตัวเป็นวงกว้างเหมือนคลื่นทะเล แพร่ขยายออกไปอย่างเงียบๆ
ทั้งหนี่หยันและยี่จือหลิงที่อยู่ใกล้ๆ ตรอกต่างพากันสูดหายใจเข้าลึก ใบหน้าแดงก่ำ ทั้งสองหันมามองหน้ากัน ต่างคนต่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
“สุราอะไรจะหอมได้ถึงเพียงนี้” หนี่หยันพึมพำแล้วเร่งฝีเท้าขึ้นเพื่อเดินตรงไปยังต้นตอของกลิ่น
…
ณ โรงเตี๊ยมหรูแห่งหนึ่งในนครหลวง บรรดาสิบสามกองโจรแห่งเมืองโม่จั่วกำลังกินดื่มกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วโรงเตี๊ยม
ภายในโรงเตี๊ยมนั้นครื้นเครงบันเทิงใจเป็นอันมาก ทั้งกลิ่นอาหารและสุราปะปนกันอยู่ในอากาศ
ทันใดนั้นคลื่นที่มองไม่เห็นพร้อมด้วยกลิ่นหอมเกินบรรยายก็พัดผ่านโรงเตี๊ยมแห่งนั้น
เพล้ง!
เสียงแก้วแตกดังขึ้น เหล่าสิบสามกองโจรต่างตกใจนิ่งอึ้งทันที จอกสุราในมือตกลงกระทบพื้นแตกร้าว สุราที่อยู่ภายในหกกระจัดกระจายไปทั่ว
ทว่าพวกเขาเหล่านั้นกลับไม่ได้สนใจสุราที่หกเลอะพื้นแต่อย่างใด ทุกคนทำจมูกฟุดฟิดเพื่อดมกลิ่นใหม่ในอากาศ ดวงตาเล็กหรี่ ใบหน้าดูเคลิบเคลิ้มจนน้ำลายไหลออกจากมุมปาก
“นี่มัน… หอมเหลือเกิน! กลิ่นสุราหรือนี่ ข้าอดใจไม่ไหวแล้ว… พี่น้องข้า เราไปหาต้นตอของกลิ่นสุรานี้กันเถิด!”
พอบรรดาสมาชิกสิบสามกองโจรตื่นจากภวังค์ ทุกคนก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที กลิ่นสุรานี้หอมเกินห้ามใจ พวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ จึงชื่นชอบการดื่มสุราเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว กลิ่นสุราที่ลอยมาเตะจมูกนี้ทำให้จิตวิญญาณความขี้เมาในตัวของพวกเขาตื่นขึ้นมา
เหล่าสิบสามกองโจรพุ่งพรวดออกจากโรงเตี๊ยมพร้อมตะโกนอื้ออึง มุ่งหน้าตามกลิ่นไปยังต้นตอ
…
เซียวเหมิงนั่งอยู่ในห้องทำงานในตำหนักตระกูลเซียว ลมเย็นพัดโชยผ่านหน้าต่างเข้ามา ทำให้เปลวเทียนสั่นไหวไปชั่วขณะ เขาวางพู่กันในมือลงแล้วขยี้ตานิ่วหน้า…
กลิ่นหอมชวนหลงใหลลอยเข้ามาในห้อง อ่อนโยนเหมือนสัมผัสของคนรัก ทำให้ร่างทั้งร่างของเซียวเหมิงสั่นสะท้านไปชั่วขณะ เขาลืมตาขึ้นพลันรู้สึกอยากดื่มสุราขึ้นมาทันที
“ช่างหอมอะไรเช่นนี้! กลิ่นนี้เหมือนไม่ได้มาจากโลกมนุษย์เลย!”
แม่ทัพใหญ่สูดลมหายใจเข้าราวกับอยากสูดกลิ่นสุราเข้าปอดไปให้หมด เขาลุกขึ้นยืนแล้วหยิบเสื้อคลุมหนาลายนกกระเรียนบนเก้าอี้มาสวม พลางเดินตามกลิ่นสุราไป
…
เซียวเยวี่ยนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้อง รอบกายมีพลังงานสีขาวของกระบี่ห้อมล้อมอยู่ เมื่อพลังแห่งกระบี่ระเบิดออกมา มันก็เข้าหมุนวนอยู่เหนือศีรษะเขา พลางเปลี่ยนรูปร่างจากกระบี่เล่มเล็กเป็นลำแสงมากมายของพลังงานกระบี่สลับไปมา
ทันใดนั้นกระแสพลังปราณกระบี่รอบกายเซียวเยวี่ยก็พลันสลายหายไปเสียงดังฟุ่บ ชายหนุ่มลืมตาขึ้น อดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากแห้งผาก
“กลิ่นสุรานี้… หอมเสียยิ่งกว่าสุราหัวใจหยกเยือกแข็งอีก! สวรรค์ช่วย!”
เสียงแหบพร่าของเซียวเยวี่ยเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
เซียวเยวี่ยสูดกลิ่นในอากาศ ตั้งสมาธิฝึกปราณไม่ได้อีกต่อไป ชายหนุ่มกระโจนไปเปิดประตู แล้วเหาะออกจากห้องไปโดยที่เท้าเหยียบอยู่บนกระบี่
“มีสุราดีขนาดนี้อยู่ แล้วข้าเซียวเยวี่ยจะพลาดได้อย่างไร! ฮ่าๆๆ!”
…
ในตำหนักโอวหยาง เสียงกรนเหมือนฟ้าคำรามดังสะท้อนอยู่ในห้องนอนของสามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยาง สามพี่น้องนอนห้องเดียวกันแต่เด็กจนเคยชิน ทุกคืนพวกเขาจะประสานเสียงแข่งกันกรนเหมือนพายุเข้า จนไม่ต้องให้มีคนมาเฝ้ายามด้วยซ้ำ เนื่องจากลำพังแค่เสียงก็ทำให้หัวขโมยไม่อยากเข้าใกล้แล้ว
ทันใดนั้นเสียงกรนที่ปกติจะดังประสานกันตลอดทั้งคืนก็พลันหยุดลง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงคนสามคนจึ๊ปากพร้อมกัน สามพี่น้องตระกูลโอวหยางตาสว่างโพลง พวกเขาสูดเอากลิ่นสุราในอากาศเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม พฤติกรรมเหมือนสุนัขที่ได้กลิ่นเนื้อของโปรดไม่มีผิด
ตึง ตึง ตึง!
สามพี่น้องลุกขึ้นจากเตียงอย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อไปสวมเสื้อผ้า น้ำลายไหลย้อยจากริมฝีปากขณะทำจมูกฟุดฟิดอีกครั้ง จากนั้นก็พากันพุ่งพรวดออกจากห้องไปเหมือนพายุพัดหอบ วิ่งตรงไปที่ต้นตอของกลิ่นทันที
คืนนั้นเป็นคืนที่หลายต่อหลายคนนอนไม่หลับ
ด้วยความที่กลิ่นสุราแพร่กระจายกินวงกว้างไปกว่าครึ่งของนครหลวง บรรดานักดื่มทั้งหลายจึงพากันเดินตามกลิ่นหอมหวนไปเพื่อให้เจอต้นตอ
…
ปู้ฟางเช็ดเหงื่อพราวออกจากหน้าผาก ริมฝีปากคลี่ยิ้ม เขามองของเหลวภายในเหยือกแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ของเหลวทั้งสี่ชนิดเต็มไปด้วยพลังปราณปริมาณมาก การผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันนั้นไม่ได้ทำเพียงแค่เอามาเทรวมกันแล้วคน เขาต้องใช้พลังปราณของตนในการประสานของเหลวทั้งสี่ชนิดให้เป็นหนึ่งเดียว
มันไม่ใช่แค่การเพิ่มคุณภาพหรือปริมาณโดยรวม แต่เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างภายในของของเหลวเลยทีเดียว
กลิ่นที่โชยออกจากเหยือกสุราหยกนั้นหอมจนเหลือเชื่อ เพียงแค่ดมปู้ฟางก็รู้สึกมึนเมาเล็กน้อยแล้ว หากได้ดื่มเข้าไปคงไม่ต้องพูดว่าจะส่งผลขนาดไหน
กลิ่นของสุราชนิดนี้เหนือชั้นกว่าสุราหัวใจหยกเยือกแข็งอย่างเทียบไม่ติด ความแตกต่างนั้นมหาศาลราวหิ่งห้อยกับดวงจันทร์เลยทีเดียว
และนี่ก็เป็นการเปรียบเทียบในแง่ของกลิ่นเท่านั้น แม้ความแตกต่างด้านรสชาติจะไม่ได้มากล้น ทว่าสุราชนิดใหม่นี้ก็มีพลังปราณมากกว่าอยู่หลายขุม
ชายหนุ่มรินสุราลงจอกหยกสีเขียวจนปริ่ม หลังจากรวมของเหลวทั้งสี่ชนิดเข้าด้วยกัน สีของสุราที่ผสมออกมานั้นเป็นสีเขียวอ่อน ควันที่ลอยอยู่บนผิวหน้าทำให้สุราจอกนี้ดูเหมือนมาจากสรวงสวรรค์ ราวกับเป็นน้ำทิพย์ที่ผู้เป็นอมตะดื่มกันในวังวิจิตร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD