ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 265

สมาชิกตระกูลเซียวจ้องมองอาหารที่หน้าตาคล้ายคลึงปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูด้วยความตื่นตกใจ ต่างพากันก้มหน้าก้มตากระซิบกระซาบกันไปมา

แม้ว่าอาหารจานนี้จะส่งกลิ่นหอมหวานที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่พวกเขาเคยดมมา แถมเนื้อปลายังอุดมไปด้วยพลังปราณสูงส่ง… แต่ก็ยังเป็นเพียงปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูอยู่ดี อาหารธรรมดาๆ ชนิดนี้พบเห็นได้ทั่วไปบนโต๊ะอาหารของทุกบ้าน

ทุกคนในเมืองนครใต้ต่างคุ้นเคยกับปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูเป็นอย่างดี แต่ไม่เคยมีใครรู้ว่าอาหารจานนี้มีสรรพคุณในการรักษาพิษมาก่อน… นี่เป็นสิ่งที่เกินความเข้าใจของพวกเขาไปมาก จนพวกเขาต้องมองปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูเสียใหม่

ปู้ฟางเมินเฉยต่อความกังขาที่ผู้คนมีต่อมัจฉาปีศาจพิษมงกุฎเลือดของเขา จากมุมมองของพ่อครัวหนุ่ม… คนพวกนี้ไม่มีความรู้พอจะมาท้าทายเขาด้วยซ้ำ พวกเขาไม่รู้สักนิดว่าอาหารจานนี้ราคาแพงลิบเพียงใด แถมยังไม่เคยลองชิมอีกต่างหาก แล้วมีสิทธิ์อะไรจึงมายืนพูดจาเพ้อเจ้ออยู่เช่นนี้

เพราะเหตุนี้ปู้ฟางจึงมีทีท่าเช่นเดิมและตอบรับปฏิกิริยาของทุกคนอย่างนิ่งเฉย เขาเอื้อมมือไปดึงเก้าอี้มานั่งพิงหลังอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

หลินฉินเอ๋อร์เป็นคนเดียวที่มีความรู้เรื่องการทำอาหารมากกว่าสมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูล นางแตกต่างจากพวกเขาเพราะต้องช่วยบิดามารดาทำอาหารตั้งแต่ยังเด็ก อาหารจานเด็ดของนางคือซาลาเปาทอดไส้หมู ซึ่งเป็นอาหารต้นตำรับขึ้นชื่อของเมืองนครใต้

นางเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเหตุใดซาลาเปาทอดไส้หมูของนางจึงจัดว่าเป็นของดีขึ้นชื่อกว่าบรรดาซาลาเปาทอดทั้งหลายที่แข่งขันกันอยู่ในตลาด

นางมีร่างกายอ่อนแอแถมยังไร้ซึ่งพรสวรรค์ด้านการฝึกปราณ อันที่จริงแล้วแม้จะกินโอสถทิพย์ของตระกูลเซียวไปมาก นางก็บรรลุได้เพียงระดับสองขั้นเจ้ายุทธการเท่านั้น ถึงอย่างนั้นประสิทธิภาพร่างกายของนางก็ไม่เปลี่ยน มีเพียงระดับปราณเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น

เมื่อได้เห็นอาหารที่ดูคล้ายปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชู ใบหน้าของหลินฉินเอ๋อร์ก็ดูเคร่งขรึมจริงจังขึ้น เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นอาหารซึ่งอุดมไปด้วยพลังปราณขนาดนี้ นางแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเลยทีเดียว

ถึงแม้ภายนอกอาหารจานนี้จะดูคล้ายปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชู แต่หลินฉินเอ๋อร์ก็รู้ดีว่าอาหารทั้งสองจานนั้นแตกต่างกันอย่างยิ่ง เอาเข้าจริงปลาธารมังกรหมักน้ำส้มสายชูธรรมดาทั่วไปเทียบอาหารจานนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

หลินฉินเอ๋อร์มีหน้าตาเคร่งเครียด ก่อนรับตะเกียบเงินคู่หนึ่งที่หญิงรับใช้ส่งให้ จากนั้นนางก็ยื่นตะเกียบไปยังเนื้อปลาที่กำลังร้อนระอุ

เพียงออกแรงดึงเบาๆ เนื้อปลาก็เปิดออก ส่งกลิ่นหอมหวนระลอกใหม่ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในออกมา กลิ่นนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำนม

คนตระกูลเซียวต่างพากันเคลิบเคลิ้มไปกับกลิ่นที่ทั้งบริสุทธิ์และสดชื่น ซึ่งเข้ามาเติมเต็มความหอมหวานในจิตใจ

หลินฉินเอ๋อร์ค่อยๆ คีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งขึ้นมา เนื้อปลาสีขาวเคลือบด้วยน้ำซอสสีน้ำตาลแดงที่ข้นเสียจนยืดเป็นสายถูกยกขึ้นมาตามแรงดึง

เนื้อปลาสั่นไหวเบาๆ มันทั้งขาวทั้งแวววาว แถมยังมีไอร้อนกรุ่นลอยขึ้นมาอีกด้วย น้ำซอสเข้มข้นส่งกลิ่นน่าหลงใหลเจือรสเปรี้ยว ไม่ว่าใครที่ได้กลิ่นต่างก็ล้วนน้ำลายสอทั้งสิ้น

เซียวเคออวิ่นเบิกตากว้าง ความกระตือรือร้นแทรกตัวขึ้นมาบนใบหน้าที่อ่อนล้า เขาเม้มปากขณะจ้องไปยังเนื้อปลาที่หลินฉินเอ๋อร์ยกมาป้อน

“ระวังนะ มันร้อน”

หลินฉินเอ๋อร์เตือนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา นางใช้มือข้างหนึ่งรองไว้ใต้เนื้อปลาเพื่อป้องกันไม่ให้มันร่วงลงพื้น

เพียงคำเดียว ต่อมรับรสของเซียวเคออวิ่นก็ถูกรสเปรี้ยวกระตุ้นอย่างรุนแรง ลิ้นของเขาราวกับถูกห่อหุ้มด้วยน้ำซอส ตัวของชายวัยกลางคนสั่นเทาขณะที่ความสุขสมอันยากจะอธิบายไหลบ่าไปทั่วร่าง

หลังจากรสเปรี้ยวจางหายไป กลิ่นนมเข้มข้นของเนื้อปลาก็เข้าผลิบานอยู่ในจิตใจ มันทำให้จิตใจของเขาผ่องใส เซียวเค่ออวิ๋นรู้สึกเหมือนมีสายน้ำอบอุ่นละลายอยู่ในปาก ก่อนจะไหลลงสู่ท้องเพื่อชำระล้างร่างกาย

“ปะ.. ปลานี่…” หัวใจของชายวัยกลางคนเต้นแรงเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพลังปราณแข็งแกร่งรุนแรง รวมถึงระลอกพลังปราณเที่ยงแท้ที่ระเบิดออกมาภายในกาย

“นี่คือเนื้อปลาส่วนที่ดีที่สุดของอสูรเวทระดับเจ็ดที่ก่อนหน้านี้อาละวาดอยู่ในเมืองนครใต้… เถ้าแก่ปู้ใจดียอมใช้มันปรุงอาหารจานนี้ขึ้นมา เพราะเนื้อปลาส่วนนี้ไม่ถูกพิษปนเปื้อน จึงเป็นไปได้ว่ามันอาจจะช่วยรักษาอาการของท่านอาสองได้” เซียวเยียนอวี่อธิบายพลางยิ้มมุมปาก

อสูรเวทระดับเจ็ดที่อาละวาดอยู่ในเมืองนครใต้… ข้อมูลนี้ราวกับระเบิดที่ถูกโยนเข้าไปในใจของสมาชิกตระกูลเซียวทุกคน พวกเขาถึงกับตกตะลึง

“เนื้อของอสูรเวทระดับเจ็ด! หนำซ้ำยังเป็นส่วนที่ดีที่สุด… ราคาคงแพงเกินจินตนาการแน่!”

“สวรรค์! นายท่านรองได้กินเนื้อของปลาอสูรเวทระดับเจ็ดหรือนี่!”

ทุกคนในตระกูลเซียวเกิดรู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันทีเมื่อหันไปมองมัจฉาปีศาจพิษมงกุฎเลือดในชาม ความเคลือบแคลงสงสัยมลายหายไปสิ้น ตอนนี้ในใจพวกเขากลับอัดแน่นไปด้วยความอิจฉา ความปรารถนา ความทะยานอยาก และความรู้สึกอีกมากมาย

ครั้งนี้ทุกคนรู้สึกอิจฉาขึ้นมาจริงๆ ใครจะไปมีโอกาสได้กินเนื้ออสูรเวทระดับเจ็ดได้ง่ายๆ กัน อย่าว่าแต่ได้กินเนื้อเลย อสูรเวทเช่นนี้อยู่ห่างไกลชีวิตของพวกเขาจนแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะได้พบพาน

หัวใจของหลินฉินเอ๋อร์สั่นไหว แม้จะสงสัยอยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อได้รู้มูลค่าที่แท้จริงของปลาชิ้นนี้ นางก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้

เซียวเคออวิ่นเองก็ตกใจมากเช่นกัน เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเนื้อปลานี้จะมาจากอสูรเวทระดับเจ็ด ไม่แปลกใจเลยที่รสชาติจะยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซียวเคออวิ่นก็อดแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากไม่ได้

ปู้ฟางนั่งเอนหลังมองดูคนตระกูลเซียวด้วยอาการสงบ เขาคลี่ยิ้ม อาหารจานนี้ไม่เพียงมีเนื้อของอสูรเวทปลาระดับเจ็ดเท่านั้น แต่ยังมีสมุนไพรพลังปราณอื่นๆ รวมถึงมงกุฎเลือดของอสูรเวทระดับเจ็ดอีกตัวหนึ่งซึ่งก็คืองูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬอยู่ด้วย… วัตถุดิบทั้งหมดล้วนล้ำค่าหายากทั้งสิ้น

ถึงกระนั้นปู้ฟางก็เลือกที่จะไม่อธิบายอะไรเพิ่ม เขาไม่อยากเสียเวลากับคนกลุ่มนี้ไปมากกว่านี้

ด้วยความช่วยเหลือของหลินฉินเอ๋อร์ ในที่สุดเซียวเคออวิ่นก็กินปลาจนหมดจาน สมาชิกตระกูลเซียวคนอื่นๆ ต่างยืนรายล้อมอยู่ด้วยความอิจฉา

โดยเฉพาะเซียวเคอเฉิง นัยน์ตาของเขาร้อนฉ่าไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความริษยา อาหารจานนี้เป็นอาหารอันโอชะที่หากินยาก… ทำไมถึงไม่เป็นข้าที่ได้กิน!

เซียวเคออวิ่นเริ่มรู้สึกวิงเวียนเนื่องจากกินปลาเข้าไปทั้งหมด ทั้งพลังปราณและบรรดาสมุนไพรต่างก็ออกฤทธิ์ขึ้นมาพร้อมกัน เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายชุ่มโชกไปด้วยของเหลวอุ่นๆ ซึ่งภายในเต็มไปด้วยสัตว์ขนาดเล็กจิ๋วที่กำลังเคลื่อนที่เข้าไปในร่างผ่านรูขุมขน

“อ๊าก!!”

ใบหน้าของเซียวเคออวิ่นพลันแดงเรื่อขึ้นมา มีสีเลือดปรากฏในดวงตา หลังส่งเสียงร้องออกมาดังลั่น เขาก็เริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดนับพันจุดในร่างกายขึ้นมาพร้อมๆ กัน ราวกับว่าถูกเข็มแหลมทิ่มแทงไม่หยุดหย่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD