ทั้งร้านตกอยู่ท่ามกลางความเงียบประหลาด
จีเฉิงเสวี่ยมองเจ้าขาวที่หน้าตาพอจะน่ารักอยู่บ้างด้วยความตกใจ ความสามารถในการต่อสู้ของหุ่นเชิดโลหะตัวนี้เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง ผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการนั้นแม้แต่ตัวเขาเองยังยากจะต่อกรด้วย แต่เจ้าขาวกลับจับผู้ฝึกตนระดับนี้แก้ผ้าแล้วโยนทิ้งออกนอกร้านได้สบายๆ
องค์ชายสามไม่คิดว่าปู้ฟางจะสงบนิ่งถึงเพียงนี้เช่นกัน ก่อนหน้านี้กระบี่เกือบพุ่งถึงตัวชายหนุ่มแล้ว แต่เขากลับรักษาความนิ่งเอาไว้ได้ อีกฝ่ายเชื่อมั่นในตัวหุ่นเชิดมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ
นักฆ่าที่เหลืออีกสามคนตื่นจากความตกใจในที่สุด ดวงตามองไปที่เจ้าขาวราวกับกำลังมองศัตรูตัวฉกาจที่สุดในชีวิต พวกเขาไม่กล้าประเมินปู้ฟางต่ำอีกต่อไปแล้ว แล้วเหตุผลก็ไม่ใช่อื่นใด นอกจากหุ่นเชิดที่ซ้อมสหายของพวกเขาจนปางตายภายในสองหมัด
“ข้อมูลต้องผิดพลาดแน่ๆ! ร้านนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล!” นักฆ่าทั้งสามมองหน้ากัน ดวงตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมวกไม้ไผ่ฉายแววจริงจังเป็นอย่างมาก
ภารกิจสังหารองค์ชายของพวกเขาพังไม่เป็นท่าไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยอาชีพนักฆ่า หากความพยายามสังหารครั้งแรกไม่สำเร็จผล สิ่งที่ควรทำต่อจากนั้นคือล่าถอยทันที แล้วค่อยย้อนกลับมาหาโอกาสใหม่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงล้มเลิกภารกิจสังหารจีเฉิงเสวี่ย แล้วรีบพุ่งไปที่ทางเข้าร้าน
แต่จะหนีพ้นเงื้อมมือของเจ้าขาวไปได้อย่างไรกันเล่า ร่างของทั้งสามที่กำลังพยายามหลบหนีถูกพลังมหาศาลดึงเอาไว้แล้วลากให้มาอยู่เบื้องหน้าหุ่นเชิดโลหะ
ดวงตาจักรกลของเจ้าขาวกะพริบปริบ มันส่งฝ่ามือออกกระแทกเหยื่อสามครั้งรวด นักฆ่าทั้งสามกระอักเลือดออกมายกใหญ่ ร่างทรุดลงไปที่พื้น หมวกไม้ไผ่บนศีรษะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ส่วนเจ้าของร่างก็นอนนิ่งไม่ไหวติง
เสียงฉีกดังแขวกสะท้อนไปทั่วร้าน นักฆ่าถูกโยนออกจากร้านในสภาพเปลือยเปล่าเหมือนคนแรก ตกลงกระแทกพื้นตรอก มีเพียงผ้าเตี่ยวผืนเล็กปิดกันอุจาดเท่านั้น
ฝนยังคงตกหนัก หยดน้ำเทลงมาจากฟากฟ้า สร้างม่านสายน้ำที่ห่อหุ้มโลกทั้งใบเอาไว้
หลังจากทำภารกิจเสร็จครบทุกอย่าง เจ้าขาวก็เอาหมัดสองข้างของตนมาชนกัน ดวงตาของมันเป็นประกาย ดูท่าทางมีความสุขขณะกลับเข้าครัวไป
ความเย็นเยียบในดวงตาของจีเฉิงเสวี่ยค่อยๆ หายไป กลับไปสู่ความสุขุมดังเดิม มุมปากของเขายิ้มน้อยๆ ขณะมองไปที่ปู้ฟางเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่
องค์ชายสามเข้าใจในตอนนั้นเองว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพ่อครัวผู้นี้ ที่มีพลังปราณเพียงระดับสองขั้นเจ้ายุทธการแม้แต่น้อย
“จะสั่งอะไร” ปู้ฟางไม่สนใจสายตาของจีเฉิงเสวี่ย แล้วถามด้วยสีหน้าเฉยเมย
“ข้าขอปลาดองเหล้าหนึ่งจาน วันนี้ข้าโชคดีเหลือเกินที่เถ้าแก่ปู้อยู่ช่วยพอดิบพอดี ข้าอยากดื่มสุราฉลองยิ่งนัก แต่ร้านก็ไม่มีสุราขายเสียนี่ จึงทำได้เพียงสั่งปลาดองเหล้าเท่านั้น” องค์ชายสามจีเฉิงเสวี่ยหัวเราะในลำคอ พร้อมพยักหน้าให้ปู้ฟาง
หากไม่ได้เจ้าขาวช่วย เหตุการณ์เมื่อครู่คงเป็นอันตรายต่อตัวเขายิ่งนัก เขาไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าคนพวกนี้จะอุกอาจถึงขั้นกระทำการในนครหลวง
“อีกไม่กี่วันเราจะมีสุราชั้นเลิศขายแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มี” ปู้ฟางพูดเรียบๆ ก่อนหันหลังเดินกลับเข้าครัว ระหว่างทางเขาเอามือตบหัวโอวหยางเสี่ยวอี้เบาๆ ด้วย เด็กหญิงยังคงอึ้งกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อยู่
“อะไรนะ จะมีสุราขายรึ” ดวงตาของจีเฉิงเสวี่ยเป็นประกาย รอยยิ้มของเขาพลันกว้างขึ้นขณะมองไปที่ร่างโปร่งของปู้ฟางซึ่งกำลังเดินเข้าครัวไป
“เสี่ยวอี้ ข้าจะออกไปข้างนอกพักหนึ่ง เก็บปลาดองเหล้าเอาไว้ให้ข้าด้วยนะหากทำเสร็จแล้ว” จีเฉิงเสวี่ยพูดกับโอวหยางเสี่ยวอี้ที่ยังคงงุนงงอยู่ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เดินตรงไปที่ทางเข้าร้าน
“อ้อ หา ท่านจะออกไปทำไมกัน” เด็กสาวถามอย่างงุนงง
ทว่าจีเฉิงเสวี่ยไม่ได้ตอบนาง ทำเพียงเดินออกจากร้านไปเท่านั้น
ทันทีที่ก้าวออกจากร้านไปเพียงก้าวเดียว สีหน้าของจีเฉิงเสวี่ยก็พลันเปลี่ยนไป รอยยิ้มอ่อนโยนสุขุมบนใบหน้ามลายหายไปสิ้น จิตสังหารชวนเสียวสันหลังวาบเข้ามาแทนที่
เขากางร่มออกกันฝนที่ตกลงมาจากฟากฟ้า น้ำฝนสาดกระเซ็นใส่รองเท้าและเสื้อผ้าจนเปียกชุ่ม
นักฆ่าทั้งสี่คนที่โดนโยนทิ้งออกมาในตรอกพยายามยืนขึ้นอย่างยากลำบาก แทบเปิดตาไม่ขึ้นเพราะฝนที่เทลงมารดร่างกาย มองเห็นเพียงร่างๆ หนึ่งที่ยืนถือร่มกระดาษเคลือบน้ำมันอยู่ท่ามกลางม่านหมอกนั้น
ภาพเบื้องหน้าหยุดเคลื่อนไหวทันที ดวงตาพลันเบิกกว้างอย่างพร้อมเพรียงกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD