ราชองค์รักษ์ในชุดเกราะเต็มยศยืนเรียงแถวกันด้วยสีหน้าจริงจังที่ทางเข้าตรอก จนบังทางเข้าเอาไว้มิด เบื้องหน้าของเหล่าทหารมีเหลียนฟู่ในชุดคลุมปักลายดอก ที่กำลังเดินวนไปวนมาด้วยความกระวนกระวายพร้อมโบกแส้ไปมา ก่อนหยุดเพื่อหันไปมองที่ร้านอาหารเป็นครั้งคราวด้วยสายตาเป็นกังวล
“ฝ่าบาทนี่บางทีก็ทำเกินไป ใช่ว่าข้าจะเข้าไปแย่งอาหารพระองค์เสียเมื่อไหร่ เหตุใดจึงไม่ยอมให้ข้าเข้าไปด้วย” เหลียนฟู่ถอนหายใจด้วยความไม่ชอบใจ เขาส่งจิตสัมผัสออกไปตรวจตราบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง การที่องค์จักรพรรดิเดินทางออกจากวังมานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ หากผู้ฝึกตนจากสำนักน้อยใหญ่รู้เข้าละก็ จะต้องหาทางมาลอบปลงพระชนม์พระองค์อย่างแน่นอน
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงอื้ออึงในหมู่ราชองค์รักษ์ขึ้น แถวทหารแหวกออกเป็นทาง ร่างสง่าร่างหนึ่งก้าวตัดออกมาอย่างช้าๆ
“องค์ชายก็มาด้วยหรือพะย่ะค่ะ ช่างบังเอิญเสียนี่กระไร” เหลียนฟู่หัวเราะในลำคอพร้อมจีบมือ
จีเฉิงเสวี่ยดูไม่ค่อยสนใจใยดีอะไรมากนัก เขาทำเพียงหยักหน้าแล้วเดินจากไป ชายชุดคลุมปลิวไสวตามแรงลมยามชายหนุ่มเดินผ่าน
เหลียนฟู่ดูทำตัวไม่ถูกขณะมองแผ่นหลังของจีเฉิงเสวี่ยที่ค่อยๆ จากไป พลางคิด “ดูเหมือนว่าองค์ชายจะเจอฝ่าบาทในร้านและไม่ลงรอยกันอีกแล้ว”
“เชื้อพระวงศ์นี่ไม่มีวงศาคณาญาติจริงเสียด้วย คนในราชวงศ์ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องยุ่งวุ่นวายทางการเมืองเสมอ หากฝ่าบาทไม่ชอบองค์ชายสามแล้วละก็ ต่อให้พระองค์ขยันหรือยอดเยี่ยมเพียงใดก็ไม่เป็นผล”
“ตั้งสติหน่อย! ฝ่าบาทยังอยู่ในตรอกนะ หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับฝ่าบาทละก็ พวกเจ้าเตรียมตัวเอาไว้ได้เลย!” เหลียนฟู่กระซิบเรียกสติเหล่าองครักษ์
“ตายๆ นี่มันหัวหน้าขันทีเหลียนมิใช่รึ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะขอรับ!” เสียงประจบประแจงลอยมาตามลม ขัดจังหวะเหลียนฟู่ที่กำลังจะให้โอวาทราชองค์รักษ์เสียหนึ่งยก
เหลียนฟู่หันไปมองชายผู้กำลังเดินมาหา สีหน้าของขันทีดูงุนงง ชายตรงหน้าเขานั้นผอมและดูอัปลักษณ์น่ากลัว อีกฝ่ายสวมชุดคลุมลายปักหรูหรา คาดเข็มขัดหยกที่เอว นิ้วประดับประดาด้วยแหวนระยิบระยับมากมาย ดูก็รู้ว่าเป็นพวกเศรษฐีใหม่
“เจ้าเป็นใคร” เหลียนฟู่ถามอย่างงุนงง พลางคิด “ข้าจำไม่ได้ว่าตนเองเคยสุงสิงกับชายแก่หน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้ด้วย”
“หัวหน้าขันทีเหลียนฟู่ ลืมข้าแล้วรึขอรับ ข้าคือเจ้าของร้านอาหารปักษาเพลิงนิรันดร์อย่างไรเล่า องค์จักรพรรดิเคยเสด็จมาเสวยเป็ดอบบุปผาที่ร้านข้าครั้งหนึ่ง ตอนนั้นข้าเป็นคนนำอาหารมาถวายด้วยตนเองเลยนะขอรับ!” ชายผู้นั้นเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้างจนตาหยี เขาดูไม่ได้ใส่ใจสักนิดที่เหลียนฟู่ลืมตนเองไป
“อ๋อๆๆ! เจ้ามีนามว่า… เฉียน… เฉียนอะไรสักอย่างใช่ไหม” เหลียนฟู่พูดพร้อมหรี่ตา จีบมือชี้ไปที่ชายผู้นั้น
“ท่านขันที ข้าน้อยมีนามว่าเฉียนเป่าขอรับ” เขาเอ่ย
เหลียนฟู่จำได้ทันทีแล้วพยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว เจ้ามีนามว่าเฉียนเป่า… ตายๆ เถ้าแก่ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์มาทำอะไรที่นี่รึ”
“ข้าน้อยผ่านมาพอดีเลยมาทักทายท่านขันทีขอรับ ท่านขันทีมิได้มากินอาหารที่ร้านข้านานแล้ว ท่านอยากหาเวลามาอุดหนุนบ้างหรือไม่ขอรับ ร้านของเรายินดีต้อนรับผู้ทรงเกียรติอย่างท่านเสมอ” เฉียนเป่ายิ้มกว้าง
อาหารที่ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์นั้นอร่อยเลยทีเดียว จัดว่าเป็นร้านอาหารชั้นนำในจักรวรรดิวายุแผ่วก็ว่าได้ แต่หลังจากที่เหลียนฟู่ได้กินอาหารของปู้ฟางเข้าไป แม้แต่อาหารที่พ่อครัวหลวงทำยังรสชาติจืดชืดไม่ได้เรื่อง จึงไม่มีทางที่เขาจะไปร้านปักษาเพลิงนิรันดร์อีกแน่นอน
ยกเว้นเป็ดอบบุปผาที่เป็นอาหารจานเอกของร้าน รายการอื่นๆ นั้นคุณภาพไม่ได้ดีพอให้ย่างกรายเข้าไปเลยแม้แต่น้อย
“อ้อ ข้าจะลองหาเวลาไปดูก็แล้วกันนะ” เหลียนฟู่พยักหน้าอย่างใจลอยแล้วเอ่ยตอบด้วยท่าทางไม่ใยดีนัก
“ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยจะรอให้ท่านขันทีมาอย่างใจเย็นนะขอรับ” เฉียนเป่ายังคงยิ้มแย้มตลอดการสนทนา แม้เหลียนฟู่จะดูไม่สนใจก็ตามที
หลังจากผ่านไปสักพัก เฉียนเป่าก็ถามคำถามขันทีผมขาวด้วยคำพูดระมัดระวัง “จะว่าไป… ท่านขันที ฝ่าบาทประทับอยู่ในตรอกนั้นหรือขอรับ”
ดวงตาของเหลียนฟู่เบิกกว้างทันทีที่ได้ยิน เขารีบหันไปมองเฉียนเป่าอย่างระวังตัว จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยตอบเสียงสูง “เจ้ามีจุดมุ่งหมายอะไรกันถึงถามคำถามนั้นขึ้นมา”
“ข้าน้อยเพียงแต่อยากให้ฝ่าบาทเสด็จมาที่ร้านของข้าน้อยอีกครั้งขอรับ ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทมิได้บอกว่าเป็ดอบบุปผาของร้านเราเป็นอาหารจานเป็ดอันดับหนึ่งในจักรวรรดิหรือ ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยคนนี้เพียงสงสัยว่าเมื่อไหร่ฝ่าบาทจะเสด็จมาเสวยอาหารที่ร้านปักษาเพลิงนิรันดร์อีกขอรับ” เฉียนเป่ารีบตอบพลางโบกมือรัวๆ
“หากฝ่าบาทอยากเสวยก็คงส่งคนมาซื้อกลับวังหลวงไปแล้ว เจ้าจะมายุ่มย่ามวุ่นวายอะไรกัน ไปได้แล้ว” เหลียนฟู่พ่นลมอย่างไม่ใยดี แล้วเอ่ยขึ้นหลังเหลือบตามองชายเจ้าของร้าน
เฉียนเป่ายังคงยิ้มกว้างขณะพยักหน้าแล้วขอตัวออกมา เขาหันหลังจากไป หลังจากก้าวไปได้สองสามก้าว รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันมลายหายไปทันที แทนทีด้วยสีหน้าห่อเหี่ยวใจ
“ร้านใจไม้ไส้ระกำในตรอกนั่น… ขนาดองค์จักรพรรดิยังมาด้วยตนเองเลยหรือ ข้าก็คิดอยู่ว่าบรรดาลูกค้ากระเป๋าหนักหายไปไหนกันหมดช่วงนี้ ที่แท้ก็มาหลงร้านเล็กๆ ร้านนี้กันนี่เอง” เฉียนเป่าก้มหน้าพึมพำกับตนเองด้วยสีหน้าหดหู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD