เมื่อทั้งสองเท้าถึงพื้นก็ปิดหน้าต่างตามหลังโดยไม่ส่งเสียงใดๆ ทั้งสองเชี่ยวชาญด้านการลอบสังหารมาก เนื่องจากเคยทำภารกิจสังหารคนใหญ่คนโตอย่างขุนนางในราชสำนักมาก่อน จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเจ้าของร้านอาหารเล็กๆ มากนัก หากนายท่านไม่ได้เตือนให้ระวังตัวด้วยสีหน้าจริงจังก่อนออกมา ทั้งสองคงจะไม่พยายามระมัดระวังตัวขนาดนี้ด้วยซ้ำ ด้วยความที่เป้าหมายนั้นอ่อนแอเกินไปนั่นเอง
จุดที่อ้าหลงและอ้าหูอยู่ไม่ใช่ห้องนอนของปู้ฟาง ภายในห้องนั้นกว้างขวางและโล่งโจ้ง ไม่มีคนอยู่
อ้าหลงหรี่ตาลงแล้วชี้ไปข้างหน้า ร่างของทั้งสองเคลื่อนเข้าไปใกล้ประตู แล้วผลักประตูเปิดโดยไม่มีเสียงแม้แต่น้อย ทุกอย่างเงียบเชียบไม่มีที่ติ
ทั้งสองเดินออกจากห้องไปถึงหัวมุม หัวมุมซ้ายเป็นทางลงไปชั้นล่าง ขั้นบันไดดูลึกลับน่ากลัวราวกับจะกลืนกินคนเข้าไปได้ทั้งตัว ทำให้ทั้งสองแอบรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
อ้าหลงกลืนน้ำลายแล้วบังคับตนเองให้หันไปมองทางอื่น ทั้งสองเบนความสนใจไปหาประตูที่ปิดสนิทอยู่ตรงหน้า
พวกเขาต่างหันมามองหน้ากันด้วยความดีใจ เพราะจับได้ถึงเสียงหายใจสม่ำเสมอภายในห้องนั้น ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านจะอยู่ในห้องตรงหน้าอย่างแน่นอน
ทั้งสองผลักประตูเบาๆ แต่ประตูกลับไม่ได้เปิดออกแต่อย่างใดเนื่องจากลงกลอนอยู่ อ้าหลงค่อยๆ หยิบลวดเส้นเล็กออกจากกระเป๋า พลังปราณเที่ยงแท้ภายในกายพุ่งขึ้นสูง เข้าห่อหุ้มเส้นลวดเหล็กนั้นเอาไว้ตลอดเส้น
เขาแหย่เส้นลวดที่ห่อหุ้มด้วยพลังปราณเข้าไปในรูกุญแจ พลังปราณเปลี่ยนรูปร่างเข้าเติมเต็มช่องว่างในรูกุญแจทันที อ้าหลงหมุนเส้นลวดเล็กน้อย เสียงกลอนประตูถูกสะเดาะก็ดังขึ้น… บานประตูเปิดออกในที่สุด
“หือ ไม่ง่ายไปรึ” อ้าหลงประหลาดใจอีกครั้ง ภารกิจนี้ดูไม่ได้อันตรายเหมือนที่นายท่านบรรยายเอาไว้แม้แต่น้อย
ทั้งสองเปิดประตูแล้วมองเข้าไปข้างใน คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน มองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดมิด แต่เพราะไม่มีทางเลือก พวกเขาจึงตั้งใจจะเข้าไปสังหารเป้าหมายในทันที
ทว่าก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้น อ้าหลงและอ้าหูก็รู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกที่เข้ามาปกคลุมร่างกาย ขาที่กำลังจะก้าวเดินชะงักอยู่กับที่
ความเย็นนี้เป็นความหนาวจับขั้วหัวใจที่ไหลบ่าออกจากหน้าอกเข้ายึดครองทุกพื้นที่บนร่าง เหมือนลมหนาวโหดร้ายที่พัดจากดินแดนรกร้างหนาวเหน็บ
ดวงตาของทั้งสองเบิกกว้าง แต่รูม่านตากลับหดแคบเหลือเท่าเมล็ดถั่ว พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะกระดิกตัว
จุดแสงสีแดงสองจุดปรากฏขึ้นที่เบื้องหลังของคนทั้งคู่ มันเล็งเป้ามาที่ร่างของผู้บุกรุกตรงหน้า
“ค… ใครน่ะ!”
อ้าหลงตัวสั่นสะท้านขณะพยายามหันหลังกลับไปมอง แล้วก็เห็นแสงสีแดงสองจุดข้างหลังตน…
ดวงตาจักรกลของเจ้าขาวกะพริบแสงสีแดงวาบ แขนกลสองข้างยื่นไปจับคอผู้บุกรุกทั้งสองไว้แล้วยกพวกเขาลอยขึ้นจากพื้นอย่างง่ายดาย
“จับได้ถึงรังสีสังหารต่อนายท่านเจ้าของร้าน ระบบกำลังหาทางแก้…
“ระบบได้เลือกทางแก้เรียบร้อยแล้ว ระบบจะดำเนินการทันที
“ทางแก้: กำจัดให้สิ้นซาก”
ลำแสงระเบิดออกจากดวงตาของเจ้าขาว ราวกับกำลังค้นฐานข้อมูลภายในของตนเองอยู่ หลังจากที่ระบุทางแก้ได้แล้ว ดวงตาของมันก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม
แขนกลบีบแน่นขึ้นทันที
ใบหน้าของอ้าหลงเต็มไปด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจ เขาพยายามดิ้นรนให้หลุดจากแขนกลที่แข็งแกร่งเหมือนคีมเหล็ก ทั้งสองพยายามส่งพลังปราณเที่ยงแท้ภายในกายออกสู่ภายนอก แต่ทุกครั้งที่พลังนั้นไหลมาที่มือ ก็จะสลายหายไปก่อนที่จะทันได้ใช้…
อ้าหลงรู้สึกได้ถึงแรงบีบมากขึ้นเรื่อยๆ ที่คอ เขาดิ้นแรงขึ้นเพื่อเอาชีวิตรอด เลือดทะลักออกจากปาก
เจ้าขาวดูไม่สนใจสายตาหวาดกลัวของทั้งสองแม้แต่น้อย มันดูราวกับเป็นเทพเจ้าแห่งความตายแสนเย็นชาที่ปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดอย่างไร้ความรู้สึกเท่าเทียมกัน ดวงตาสีม่วงทำให้มันดูเหมือนปีศาจในความมืดมิด
“ป๊อก!”
สิ้นเสียง อ้าหลงและอ้าหูก็หยุดดิ้น ร่างอ่อนปวกเปียก หัวห้อยต่องแต่งคามือเจ้าขาว เลือกไหลทะลักออกจากปากชโลมพื้น เสียงเลือดไหลนองฟังดูน่าสยดสยองเป็นอันมาก
เจ้าขาวหันหลังกลับอย่างไม่ยินดียินร้าย นำร่างปวกเปียกของทั้งสองออกจากห้องของปู้ฟางไปด้วย
ทันทีที่ประตูปิดลง รอยเลือดบนพื้นก็หายไปในพริบตา…
ปู้ฟางทำจมูกฟุดฟิด ยกมือข้างหนึ่งขึ้นแคะจมูก จากนั้นก็จึ๊ปากแล้วนอนต่อไป
ตุ้บ ตุ้บ!
ศพทั้งสองร่วงหล่นจากอากาศ กระแทกลงบนพื้นหินในตรอก เลือดยังคงไหลไม่หยุด…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD