ชายหนุ่มสิบคนจ่ายเงินเสร็จก็ถูกปล่อยตัวให้เข้าไปข้างในได้ พวกเขาเดินตามหลังโจรที่เดินนำทาง
พวกเขาเดินเลี้ยวซ้ายแล้วก็เลี้ยวขวา เดินตรงไปยังปากทางเข้าหุบเขา ตอนนี้สมองของพวกเขาก็ไม่ได้ว่าง มัวแต่ครุ่นคิดถึงคำพูดที่ซ่งฝูเซิงกำชับกับพวกเขาถึงขั้นตอนต่างๆ
ขั้นตอนแรก ดูคนที่มาตักน้ำก่อนว่าเยอะหรือไม่ คนพวกนั้นมีสภาพสกปรกรุงรังแค่ไหนกันบ้าง
เรื่องนี้ยืนยันว่าซ่งฝูเซิงเหมือนล่วงรู้มาก่อน เขาสามารถคาดคะเนเหตุการณ์ล่วงหน้าได้
คนทำไมถึงเยอะขนาดนี้? คนพวกนี้จะมาตักน้ำที่ไหนกัน ที่นี่ใกล้จะเป็นบ่ออาบน้ำรวมแล้ว
พวกเขาเห็นผู้ลี้ภัยหลายคนปล่อยผมสยายออกมา ทำให้ผมเปียกชื้น ถอดเสื้อผ้ากางเกงออกมา บางคนถึงขนาดนำรองเท้ามาแกว่งล้างน้ำ
ในที่สุดก็เจอแหล่งน้ำแล้ว สามารถอาบน้ำให้สดชื่นก็เป็นอีกด้านหนึ่ง แต่อีกด้านหนึ่ง เจ้าคิดว่าพวกเขาคิดแบบนั้นหรือ? เพราะการแบกน้ำออกไปก็ไม่แน่ว่าจะสามารถรักษาน้ำเหล่านี้ไว้ได้
แต่หากทำให้เสื้อผ้า ผม เปียกชื้นแล้วและรีบเดินลงจากเขากลับไป บิดผมกับเสื้อผ้าให้น้ำไหลออกมา ยังสามารถนำน้ำส่วนนี้ให้กับท่านแม่ ภรรยาและลูกได้ดื่มกินบ้าง
เกาเถี่ยโถวกับต้าหลังหันหน้ามามองกัน ก่อนที่จะหันไปพูดกับโจรนำทางด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร “พี่ชายท่านนี้ รบกวนท่านช่วยพาพวกเราไปยังต้นน้ำหน่อยเถอะ พวกเราหลายคนต้องขอบคุณท่านตรงนี้”
พูดคำนี้ไปแล้ว ก็ยัดเงินสองตำลึงไว้ในมือของโจรนำทาง ขณะเดียวกันชายหนุ่มทั้งสิบก็ทำการคารวะโจรนำทางด้วยท่าทีนอบน้อม
นี่เป็นเป้าหมายที่ให้เด็กหนุ่มพวกนี้เข้าไปสังเกตการณ์ก่อน
ยอมที่จะใช้เงินสองตำลึงเป็นสินบนเพื่อพาไปยังต้นน้ำ
ซ่งฝูเซิงกังวลว่ากลุ่มคนที่หิวกระหายอย่างหนักจะยื่นลิ้นสัมผัสเพื่อดื่มน้ำในแหล่งนั้น ร้อยคนอาจไม่มีโรค แต่ถ้าเป็นพันคนล่ะ
เมื่อมาถึงต้นน้ำแล้ว ชายหนุ่มสิบคนก็จดจำคำพูดที่ท่านอาสามกำชับขั้นตอนที่สองไว้
จะเห็นว่าพวกเขาปลดสิ่งของออกจากบ่าและถอดสัมภาระข้างหลังออกทั้งหมด หลังจากนั้นต่างคนต่างก็นำหน้าไปจุ่มน้ำ สักพักในน้ำก็มีฟองอากาศลอยขึ้นมา
อาสามบอกไว้ ให้ดื่มน้ำกันก่อนให้สดชื่น ดื่มน้ำให้อิ่ม จะได้มีชีวิตชีวาถึงจะได้มีเรี่ยวแรงวิ่งลงจากเขา
เมื่อดื่มน้ำได้สักพักแล้ว มีชายหนุ่มบางคนดื่มจนสำลัก ไอไปด้วย มือก็เริ่มปลดห่อผ้าสัมภาระไปด้วย เติมน้ำลงในถุงน้ำ เติมน้ำลงในกระเพาะหมู และเติมน้ำลงในกระบอกไม้ไผ่ เริ่มยุ่งวุ่นวายอยู่กับภาชนะสิ่งของที่ตนเองนำมา
ในขณะเดียวกัน พวกซื่อจ้วงที่คอยอยู่ด้านนอกไม่สามารถไปอยู่ใกล้บริเวณหุบเขาได้ พวกเขาจึงได้แต่รออยู่ตรงเนินเขาด้านล่าง
ที่ตรงนี้มีโจรจำนวนมากยืนถือดาบคอยเฝ้าระวังอยู่
ตรงเนินเขาของยอดภูเขาลูกนี้ มีแต่หญ้าที่มีพิษขึ้นรกชัฏแต่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ บนต้นหญ้าเหล่านี้มีซากศพของผู้ลี้ภัยจำนวนมาก
ที่นี่ก็มีผู้ลี้ภัยที่ยังมีชีวิตอยู่จำนวนมากกำลังคุกเข่าโขกหัววิงวอน พวกเขาร้องขอให้คนที่เฝ้าอยู่ตรงนี้ปล่อยพวกเขาเข้าไปดื่มน้ำสักอึกหนึ่งก็ยังดี
หัวหน้าโจรปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับไม้จิ้มฟันที่อยู่ในปาก ดาบเล่มใหญ่คาดอยู่ที่เอว บ่งบอกถึงอำนาจของเขา
เขาออกคำสั่งกับลูกน้อง “ไปกันหลายคนหน่อย เอาพวกที่กินหญ้าพิษจนตายนั่น ลากลงไปทิ้งข้างล่างภูเขา”
หลังจากนั้นเขาก็หันมาพูดกับผู้ลี้ภัยที่คุกเข่าตรงหน้า กล่าวเสียงดังเจือเสียงหัวเราะ “ดูท่าพวกเจ้าน่าจะเพิ่งมาใหม่ ไม่เข้าใจกฎของข้าสินะ เส้นทางถนนขึ้น-ลงเขานี้ เห็นคนพวกนั้นที่เฝ้าอยู่ไหม? พวกเขาเข้าใจกฎของข้า ขอร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ ต้องมีเงินด้วย พวกเจ้าต้องคิดวิธีการหาเงินมาแล้วกัน มิเช่นนั้นก็ ฮ่าๆ”
ในบรรดาคนที่คุกเข่านี้มีบัณฑิตอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ท่ามกลางเสียงร้องไห้คร่ำครวญก็มีเสียงหนึ่งตะโกนออกมา “เจ้าหากินท่ามกลางความยากลำบากของราษฎร คนแบบเจ้าจะต้องถูกสวรรค์ลงโทษ”
ดาบหลายสิบเล่มถูกดึงออกมาในช่วงจังหวะเดียวกัน ช่วงเวลาในขณะนั้นบรรยากาศสงบนิ่งมาก มีช่วงจังหวะหนึ่งที่พวกซื่อจ้วงก็ต้องเตรียมตัวป้องกันอันตราย เพราะเกรงว่าคำพูดของคนผู้นั้นจะทำให้หัวหน้าโจรเกิดอารมณ์โมโห
หัวหน้าโจรนิ่งอึ้งไปสักพัก ก่อนจะโยนไม้จิ้มฟันทิ้งไป หลังจากนั้นเขาก็ปัดมือก่อนจะหัวเราะออกมา
“ ฮ่าๆ สวรรค์?…
…เชอะ ข้าแซ่สวีขอโชคลาภ ไม่เคยแย่งชิงขโมยของใคร ไม่เคยรังแกเด็กและคนแก่ เงินสองตำลึงก็คือสองตำลึง ไม่เคยเอาเงินใครเกินสองตำลึง…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...