ชายหนุ่มสิบคนที่มีพ่อมีลุงคอยคุ้มกัน สองมือของพวกเขาหิ้วถังน้ำ ไม่กล้าเดินเซ ไม่กล้ามือสั่น ไม่กล้าคิดเรื่องอื่น พวกเขากัดฟันทนใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดมุ่งหน้าเดินต่อไป
ซ่งฝูไฉ พี่ชายคนโตของซ่งฝูเซิง เป็นครั้งแรกที่เขาใช้มีดทำท่าฟาดฟันไปมา ไม่ได้มีเจตนาอยากจะเอาชีวิตใคร เขาแค่อยากจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามกลัวจนหนีไปเอง
เขาปล่อยฝ่ายตรงข้าม แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ปล่อยเขา
ไม่เพียงแต่อาศัยจังหวะทำให้ขบวนของพวกเขาเกือบจะสลาย ถ้าหากไม่มีซื่อจ้วงคอยมากันได้ทันเวลา ต้าหลังลูกชายคนโตของเขาก็เกือบจะถูกผู้ลี้ภัยเหล่านั้นดันตัวออกไป
ซ่งฝูไฉตะโกนออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำ “ฆ่า!”
คำว่า ‘ฆ่า’ ครั้งนี้ ดูเหมือนกับเป็นการตะโกนบอกตัวเอง ราวกับเป็นการสั่งการให้ตนเองพุ่งเข้าใส่ มีดใหญ่ของเขาที่ฟาดฟันในแต่ละครั้งก็เป็นการตัดหัวฝ่ายตรงข้าม
ซื่อจ้วงอยู่ด้านหน้าสุด คอยเป็นคนเปิดทาง หากมีคนกล้าเข้าใกล้ เขาก็จะถือไม้กระบองตีเข้าไปที่กลางกระหม่อมของฝ่ายตรงข้าม ตอนนี้สามารถทำได้หนึ่งมือต่อหนึ่งคน ถึงขั้นแค่ตีไปหนึ่งที ก็ล้มลงหนึ่งคน
เถียนสี่ฟาคอยคุ้มกันอยู่ด้านหลัง เขาตวัดจอบที่อยู่ในมือไปมาด้วยท่วงท่าน่าเกรงขาม จอบโดนใคร คนนั้นก็ล้มตายทันที
พวกชายฉกรรจ์จุดไฟคบเพลิงและถือไม้กระบองแท่งยาวปลายแหลมที่สร้างขึ้นเอง พวกเขาคอยปกป้องเด็กหนุ่มเหล่านี้ ภายใต้การนำของซื่อจ้วง พวกเขาต่อสู้จนดวงตาแดงก่ำ
เมื่อลงมาจากภูเขาได้ครึ่งทาง มีคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีสมาชิกอยู่ยี่สิบกว่าคนที่เพิ่งรวมตัวกันแย่งชิงเงินและน้ำได้ไม่นาน เดิมทีพวกเขาอยู่ข้างทาง เตรียมพร้อมเป็นอย่างดี แต่เมื่อมองไกลออกไปก็พบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าโจมตีผู้ลี้ภัยมาตลอดทางตั้งแต่อยู่บนยอดเขาเรื่อยมา ท่าทางฮึกเหิมแบบนั้น…
“แม่เอ้ย!”
คนที่ร้องเรียกแม่ เป็นน้องรองในหมู่โจรสองพี่น้อง ที่ตอนนั้นอยากจะขโมยกระบอกน้ำสแตนเลสของซ่งฝูหลิงนั่นเอง เขาพูดกับหัวหน้าคนใหม่ของพวกเขาว่า “คนกลุ่มนี้ข้าเคยเจอมาแล้ว พี่ใหญ่ พวกเราคงต้องวางแผนกันนานหน่อย คนที่นำขบวนคนนั้น แค่สองทีก็สามารถรวบตัวข้าได้แล้ว ข้าไม่หลอกท่านหรอก”
“อืม?” ชายกำยำลูบเครา “จะกลัวมันไปทำไมกัน พี่น้องทั้งหมด…”
“ไม่ใช่ พี่ใหญ่ ท่านฟังน้องก่อน พี่ใหญ่จะสู้กับพวกเขาไปทำไมกัน พี่น้องของพวกเราต้องการสิ่งของล้ำค่า ดื่มน้ำจนอิ่ม หาเงินมาใช้จ่าย พวกเราเองก็จะรีบเข้าเมืองไปเสวยสุขแล้ว ที่นี่มีแต่คนร่ำรวยอยากขึ้นเขา พวกที่อยากดื่มน้ำต่างก็ต้องมาที่นี่ ยิ่งมีพวกที่เดินทางมาคนเดียวยิ่งปล้นได้ง่าย ไม่จำเป็นที่ต้องสู้กับพวกเขาเลย”
ชายกำยำอาศัยเนินเพื่อลงจากหลังลา เขาพูดอย่างรวดเร็ว “เจ้าพูดมามีเหตุผลดีนะ” โดยเฉพาะพวกซื่อจ้วงที่ลงเขามาแล้ว เมื่อสามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ก็รู้สึกได้ถึงความน่าหวาดกลัว
เขาโบกมือเป็นสัญลักษณ์ให้พี่น้องถอยและหลีกทางให้กับพวกเขา
แต่โจรพี่น้องมองพวกซื่อจ้วงลงจากเขาไปแล้วก็บ่นพึมพำด้วยความเสียดาย “พวกเขามีสิ่งของล้ำค่าอยู่ชิ้นหนึ่ง เฮ้อ บางทีอาจจะขายได้ราคาดี” ชายกำยำได้ยินคำพูดนี้
ทันใด เสียงแตรของกัวคนโตก็ดังขึ้นบริเวณใกล้ตีนเขา
ซ่งฝูเซิงรีบยืดตัวตรงทันที เขาตะโกนบอกทุกคน “เร็วเข้า”
พวกชายฉกรรจ์ที่คอยเฝ้าดูแลเสบียงอาหารอยู่ด้านล่างภูเขา พวกเขาเตรียมเข็นรถเข็นแต่ละคันมารอตรงปากทางออกของภูเขาแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ซื่อจ้วงที่เต็มไปด้วยเลือดทั้งร่างกายเหมือนมนุษย์เลือดก็ไม่ปาน เดินปรากฏตัวออกมาก่อน ตามด้วยชายหนุ่มสิบคนที่หอบหิ้วน้ำ
ชายหนุ่มที่ผ่านการต่อสู้มาแต่ละครั้ง จะทำให้จิตใจเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาไม่รีบร้อนที่จะไปดูใคร สายตาจับจ้องอยู่กับรถเข็นที่มีพื้นที่ว่าง ทุกคนนำถังน้ำขึ้นไปไว้บนรถอย่างระมัดระวัง มือไม้ไม่มีสั่น มือจับถังน้ำอย่างมั่นคง พยายามไม่ให้น้ำกระเด็นออกแม้แต่หยดเดียวและปลดสัมภาระออก ก่อนจะทรุดนั่งลงที่พื้น หลังพิงรถหายใจอย่างเหนื่อยหอบ สองแขนเหนื่อยล้าจนดูเหมือนไม่สามารถจะยกขึ้นมาได้
แต่ละคนลากแขน ตาแดงก่ำ มองดูกลุ่มที่สลายตัวหลังลงมาจากภูเขา ค้นหาพ่อกับลุงที่คอยปกป้องพวกเขา
ไปดูจนถึงท้ายขบวน เถียนสี่ฟาลงมาแล้ว หูจือที่พิงรถลากก็ถึงกับสะอึกสะอื้น ต้าหลังเมื่อได้เห็นไหล่ของซ่งฝูไฉมีเลือดออก ก็ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลไม่ได้เช่นกัน
เกาเถี่ยโถวสะอึกสะอื้นพึมพำ “ท่านพ่อ”
ท่านพ่ออะไรกัน เกาถูฮู่ไม่ได้สนใจเขา
เพราะตอนนี้การร้องไห้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เสียเวลาจนเกินไป
ไม่มีการปลอบโยน ไม่มีการห่วงใยกัน ยิ่งไม่มีเวลาในการสอบถามอาการบาดเจ็บด้วย
ทุกคนต่างกังวลใจว่าผู้ลี้ภัยหลายร้อยคนที่หิวกระหายจะพากันโหมกระหน่ำเข้ามาอีก มือเข็นรถไปไม่กล้าหยุด รถเข็ญแต่ละคันก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง เสียงล้อไม้หมุนดังเสียดสีกัน
ซ่งฝูหลิงช่วยลุงใหญ่ที่บาดเจ็บกับพี่ใหญ่ที่มือไม้สั่นดันรถเข็น นางกัดฟันใช้แรงที่มี การเข็นรถต้องใช้แรงมากจนใบหน้าเบี้ยวเหยเก “อ๊าห์!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...