ในบ้านมีซื่อจ้วงกับหนิวจั่งกุ้ย ผ่อนแรงเขาได้หลายเรื่อง
ตัวอย่างเช่น ก่อไฟเตียงเตา
เตียงเตา ไม่ใช่ว่าแค่ใส่ฟืนก่อนนอนแล้วจะอบอุ่นได้ทั้งคืน
โดยเฉพาะเวลาหลังเที่ยงคืน
ไฟจะมอดลง ข้างในเตาจะเหลือเฉพาะขี้เถ้า ไฟหมดแล้ว เตียงเตาก็จะไม่ร้อน อากาศแบบนี้เรียกว่าอุ่น แต่บ้านหลังนี้ผุพัง มุงด้วยหญ้า ลมเข้าได้ทั้งสี่ด้าน จึงไม่เก็บความร้อน บนเตียงเตาจะมีแค่ความอุ่นอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ
ความหมายเดียวกัน แปลงปลูกพริกที่มีกำแพงไฟก็เป็นเช่นนี้ ในบ้านไม่ค่อยอบอุ่น ยิ่งไม่ก่อไฟจะมีความร้อนตลอดเวลาได้หรือ เมื่อไฟดับลง เมล็ดพันธุ์ก็จะกลายเป็นน้ำแข็งไป
แต่ว่าพอมีซื่อจ้วงกับหนิวจั่งกุ้ย สองคนช่วยทำงานพวกนี้จนหมดเรียบร้อย
เวลากลางคืน หนิวจั่งกุ้ยจะลุกขึ้นมาสองครั้ง หาวสองที ก่อนจะเติมฟืนทั้งสองเตาให้กับทุกคน และยังตั้งหม้อต้มน้ำให้ร้อน พอใส่ฟืนเสร็จเขาก็กลับไปนอน
ส่วนซื่อจ้วงรับหน้าที่ดูแลแปลงปลูกพริก ห้องนั้นจะต้องเพิ่มฟืนให้ร้อนกว่าปกติ
แต่ว่าคนอายุน้อย ยังหนุ่มแน่น กำลังวังชายังดี
ซื่อจ้วงจะต้องตื่นไปแปลงผักสองครั้ง ถูกลมหนาวพัดมากระทบร่างกาย เมื่อเขากลับไปบ้าน รีบขึ้นเตียงนอน นอนคว่ำหน้าหลับตาและหลับได้เร็วกว่าหนิวจั่งกุ้ย ไม่มีผลกระทบใดใดต่อคุณภาพการนอน
แต่วันนี้วัวที่ซ่งฝูเซิงซื้อกลับมานั้น เขาพาไปอยู่ในห้องผุพังเล็กๆ ให้ความอบอุ่นโดยก่อไฟให้มัน ให้อาหาร และรีดนม ส่วนงานทำความสะอาดเป็นของหนิวจั่งกุ้ยกับซื่อจ้วง
ดังนั้นเมื่อไหร่ที่มีหนิวจั่งกุ้ยกับซื่อจ้วง ก็ช่วยทำให้ซ่งฝูเซิงลดงานไปได้เยอะมาก
ลดแรงงานได้ แม้กระทั่งว่าทั้งคืนไม่ต้องตื่นลุกขึ้นมาเติมไฟ ไฟในห้องดับหมดก็ไม่ต้องกลัว
ขอให้เตียงเตาอุ่น เด็กนอน คนนอนหลับได้ ก็พอแล้ว
ซ่งฝูเซิงรู้ว่าหนิวจั่งกุ้ยกับซื่อจ้วงทำงานเก่ง เวลาเขาตื่นแต่เช้าไม่ไหว สองคนนี้ก็จะลุกขึ้นมาก่อนพร้อมสมองที่ผ่อนคลาย และนี่นับเป็นวันแรกที่ย้ายเข้าบ้าน ได้อาบน้ำจนรู้สึกสบายตัว เขาจึงนอนหลับสนิทกรนเสียงดัง
เสียงกรนของเขาสะเทือนไปทั่ว
เฉียนเพ่ยอิงก็เหมือนกัน นอนหลับลึกพักผ่อนอย่างสบาย
เฉียนเพ่ยอิงรู้สึกว่าตั้งแต่เข้ามาในโลกอดีตนางก็ไม่ได้นอนหยุดพักเต็มที่เลย ต้องนอนในถ้ำ นอนบนเต็นท์ นอนบนต้นไม้ นอนในป่า และมีระหว่างทางที่ต้องนอนบนเตียงเตาร้าง และเมื่ออยู่ที่นี่ ถึงแม้จะได้นอนบนเตียง ทุกคนนอนเบียดกันแน่นและนอนบนเตียงเก่ากับเด็กๆ จะสุขสบายเหมือนบ้านของตัวเองได้อย่างไร
วันนี้ไม่ต้องนอนเบียดกันแล้ว นอนบนเตียงเตาของบ้านตัวเอง เหมือนกับในจิตใจ
ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวล เขานอนหลับลึก สิ่งที่ปรารถนามากที่สุดก็คือการปล่อยให้ตื่นเองตามธรรมชาติ นอนหลับรวดเดียวจนถึงตอนเช้า
สองวันมานี้เขามักจะคิดถึงความสามารถของลูกสาว
หลังจากที่ซ่งฝูหลิงใช้แว่นขยายส่องดูเหาครั้งนั้น เหมือนว่านางจะยังไม่ปกติ
ตอนดึก เวลาตีสาม ข้างนอกยังมืดอยู่ ซ่งฝูหลิงรีบลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้า
ซ่งฝูหลิงไม่ชอบตื่นเช้า วันนี้ตื่นเช้ากว่าปกติมาก
ในอดีตกินเยอะ นอนบิดขี้เกียจนับเป็นงานหลักของนาง แต่ตอนนี้จะนอนก็นอนไม่หลับ ลุกขึ้นมาใส่รองเท้า ดวงตาจ้องไปพ่อกับแม่ นางปีนขึ้นเตียงเตา เรียกซ่งฝูเซิงเหมือนผีเข้า “ท่านพ่อ”
ซ่งฝูเซิงคิดว่าตัวเองกำลังฝันไปและลุกมาตอบกลับในฝัน “อืม?” พูดคำว่าอืมเสร็จ ก็พลิกตัวนอน หลังจากนอนต่อไม่กี่วินาทีก็ส่งเสียงกรนต่อไป
ซ่งฝูหลิงใช้มือปิดจมูก “ท่านพ่อ ท่านพ่อ? ท่านพ่อ ท่านพ่อ?”
ส่งเสียงเรียกแบบนี้ ถึงจะนอนหลับลึกขนาดไหนก็ต้องตื่นขึ้นมา เขาลุกขึ้นมานั่ง รู้สึกเหมือนโดนลากให้ตื่น คิดว่าเกิดเรื่องอะไรแล้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
“ตื่นขึ้นมาซักผ้าห่มเถอะ”
“อะไรนะ จะให้ข้าซักผ้าห่มหรือ” “ท่านจะไม่ซักไม่ได้ ท่านไปเอาผงซักฟอกกับน้ำยาฆ่าเชื้อยี่ห้อปาซื่อให้ข้าก่อน”
ซ่งฝูหลิงพูดจบ ก็ไม่สนใจแล้ว หันกลับไปตะโกนเรียกแม่ของนาง
นางเป็นคนรู้กาละเทศะ ไม่กล้าปิดจมูกท่านแม่ กลัวโดนฝ่ามือท่านแม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...