ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 228

คนเยอะ เวลาทำงานถึงจะคึกครื้น

พวกเขาตั้งแถวห้าคนหนึ่งแถวเพื่อส่งตระกร้าดินเหนียว และแถวสามคนเพื่อส่งตระกร้ากลับลงมา วนเป็นหนึ่งรอบ

ก้อนอิฐทีละสิบกว่าก้อนถูกส่งต่อไปยังห้องอบขนม

มีเสียงคนตะโกนมาจากข้างนอก “ผสมดินเหนียวไส่ตะกร้าเพิ่มอีกนิด ดินเหนียวถูกใช้หมดแล้ว”

เสียงตะโกนเซ็งแซ่ “ซ่งฝูเซิง เตาอบนี้จะก่อที่ไหนหรือ เจ้าเข้ามาดูตรงนี้หน่อย จะก่อเตาอบต่อกันเป็นแถวหรือไม่ หรือจะก่อให้เป็นวงกลม”

ซ่งฝูสี่พา “พวกลูกมือทั้งหลาย” ผ่าไม้กระดานด้านหน้าประตูห้องอบขนม ข้างนอกก็กำลังก่อไฟลุกโชน แสงไฟเมื่อถูกลมพัดไหวไปมา สะท้อนให้เห็นเงาเคลื่อนไหว ส่องไปที่ใบหูที่เสียบปากกาจากถ่านที่เขาทำขึ้นมาเอง

และยังมีผู้ชายวัยกลางคนกำลังเสียงดังด่าเด็กๆ เพราะแค่เขาหันกลับมาอีกนิดเดียวก็จะชนเด็กล้มแล้ว เด็กซนพวกนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ “ไป ไสหัวพวกเจ้ากลับบ้านไปนอน มาเล่นอะไรตอนนี้ ที่ไหนก็ขาดพวกเจ้าไม่ได้ใช่ไหม ตอนนี้ไม่ต้องการพวกเจ้าแล้ว พวกตอไม้ พวกเจ้าวิ่งชนไข่ไก่แตกเมื่อไหร่ ต้องมาให้ข้าตีซะดีๆ”

ท่านลุงซ่งที่กำลังสูบบุหรี่หัวเราะเหอะๆ ออกคำสั่งให้ผู้หญิงช่วยกันต้มน้ำ เมื่อน้ำเดือดแล้วไปเอาถ้วยมาหลายๆ ใบ ถ้าคนไหนทำงานเหนื่อยแล้วจะได้มีน้ำอุ่นไว้ดื่ม

มีเสียงผู้หญิงตะโกนเรียก “หลี่ซิ่ว ลูกชายที่อยู่ในบ้านตื่นนอนแล้ว เขากำลังตะโกนเรียกหาเจ้า”

หลี่ซิ่วที่กำลังยกน้ำ จึงพูดขึ้นว่า “ร้องไห้หาอะไรกันเล่า ปล่อยให้ร้องไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”

คนที่เรียกหลี่ซิ่วบอกว่า “ไม่เป็นอะไรได้ยังไง ใครให้เจ้ามาทำงานแล้วล่ะ รีบกลับไปเอาลูกเข้านอน อย่ามายุ่งย่ามแถวนี้”

ทุกคนเห็นความตั้งใจของหลี่ซิ่ว จะไล่ให้กลับก็ไม่ดี

แต่ทุกคนก็พากันคิดว่า หลี่ซิ่วเลี้ยงลูกสองขวบคนเดียว กลางวันยังออกมาทำงาน เวลาทำงานก็ทำทั้งวัน จะมีเวลาว่างเฉพาะตอนกลางคืน

บ้านก็เพิ่งเข้ามาอยู่ ในบ้านงานเล็กงานน้อยเยอะแยะมากมาย ทั้งงานเย็บปักถักร้อยอาบน้ำให้ลูก อาบน้ำให้ตัวเอง ซักเสื้อผ้า ตักน้ำ เทน้ำทิ้ง เก็บทำความสะอาดบ้าน ก่อไฟ ล้วนเป็นงานของหลี่ซิ่วทั้งหมด จึงไม่จำเป็นจะต้องให้นางมาช่วยงานตรงกลางแล้ว แค่นางรับผิดชอบงานตัวเองก็เพียงพอแล้ว

หลี่ซิ่ววางถังน้ำลง “น้ำนี้ต้มจนเดือดแล้ว แต่ยังไม่สามารถผสมดินได้ ข้าต้องไปแล้ว” พูดเสร็จ นางก็รีบร้อนกลับไปที่บ้าน

คนเยอะไม่ใช่เฉพาะทำงานแล้วจะครึกครื้น ที่สำคัญคือ คนเยอะ งานก็ทำเสร็จได้เร็ว

อิฐที่อยู่ในมือก็ถูกส่งต่อไปคนละก้อนสองก้อน ถ้าขาดดินเหนียว เวลาไม่นานก็มีคนส่งต่อขึ้นไปให้เพื่อก่อเตาอบ

ก่อเตาอบไม่กี่เตาหรือ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่

คำพูดดั้งเดิมของเกาถูฮู่ คือ ตั้งแต่อดีต…ไอ้โย่วพวกผู้หญิงทั้งหลาย ถ้าตอนนี้พวกเรามีอิฐขาวเพิ่มขึ้นมาน่าจะดี พวกเจ้าดูอิฐพวกนี้ ใครเห็นก็อยากได้

ยังดีกว่าพวกเราช่วยกันทำอิฐดินพวกนั้นไว้อีก ถ้าพวกเราสามารถซื้ออิฐขาวเพิ่มได้ ตอนนี้พวกเราก็สร้างตึกอยู่ได้แล้ว ตอนนั้นคิดผิดไป น่าจะพาพั่งยากับหมี่โซ่วไปเดินเสาะหา อาจจะซื้ออิฐขาวได้อีก

ซ่งฝูกุ้ยหัวเราะ เฮ้ย เฮ้ย พูดต่อว่า “จะซื้ออิฐแต่ไม่กล้าทำบ้านหลังใหญ่ ปัญหาอยู่ที่ต้องใช้เงิน ถ้ามีใครให้อิฐพวกเราฟรีๆ ก็น่าจะดีไม่น้อย อย่าพูดถึงแค่ห้องที่ก่อจากอิฐเลย พวกเรายังต้องเดินอ้อมภูเขาอยู่น่ะ”

ไม่นานมีคนพูดขึ้นมา “อืม ถ้าตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิก็น่าจะดี เวลาสร้างบ้านจะได้ไม่ลำบากมากนัก”

ใช่แล้ว ถ้าเป็นฤดูใบไม้ผลิและมีคนให้อิฐขาว ช่วยกันลงแขกโดยไม่ต้องเสียเงิน พวกเราคงจะไม่ได้อยู่แค่บ้านเดี่ยว แค่กัดฟันก็สามารถก่อตึกได้เลย ทุกบ้านสามารถสร้างโรงน้ำชา โรงเตี๊ยม อยู่กันคนละตึกได้เลย

ท่านลุงซ่งหัวเราะไปด้วย พวกเจ้าฝันไปหรืออย่างไร กลับไปนอนฝันดูว่ามีอะไรในนั้นบ้าง

ผู้ชายร่างกายกำยำก่อเตาเสร็จแล้วก็กลับบ้าน เหลือแต่ท่านย่าหม่าต่างหากที่ไม่ยอมนอน

พี่สาว น้องสาวของนางมาทั้งหมด พี่สะใภ้ใหญ่ก็มาแล้ว

พวกนางมาทำไมนะหรือ

หากใช้คำพูดของท่านย่าหม่าก็คือ “ห้องนี้ของข้าเอาไว้ทำอาหาร พวกเจ้าดู ห้องนี้พวก เจ้าทำเตาด้วยดินเหนียว ดูสกปรกมาก ต้องจัดการดูแลความเรียบร้อยแล้ว…

…พวกท่านยายสูงวัยทั้งหลาย พวกเจ้าช่วยทำความสะอาดตรงนี้ให้เป็นระเบียบ ถ้ามองมาจากข้างนอกจะเห็นว่ามันเป็นห้องเล็กๆ ที่ กำลังผุพัง แต่ด้านในกลับถูกจัดอย่างดีจนเป็นระเบียบสวยงาม”

ไม้ฟืนถูกจัดวางเป็นชั้น เป็นระเบียบกว่าภาพที่มองมาจากข้างนอกเสียอีก

กำแพงไฟทุกอันถูกก่อขึ้นโดยเลี้ยงไฟไม่ให้มอดลง ทำให้ห้องนี้อบอุ่นขึ้นมา

ท่านย่าหม่าพาพี่สาวน้องสาวออกจากห้องนี้ และยังตะโกนสั่งงานลูกชายรองของนาง

“ลูกรอง เจ้าอย่ามัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำโต๊ะอย่างเดียวนะ อย่าลืมแวะเข้าไปดูเตาอบพวกนี้ เตาอบใหม่ยิ่งต้องดูให้ดี ทั้งอิฐและดินเหนียวค่อนข้างชื้น ต้องตากให้แห้ง พรุ่งนี้ถึงจะใช้งานได้ เจ้าต้องเติมฟืน อย่าทำให้ข้าต้องเสียเวลาทำขนม”

“ข้าดูให้อยู่แล้ว ท่านแม่”

“โต๊ะทำเสร็จแล้วก็วางไว้ตรงกลางห้องที่ถูกจัดให้เป็นระเบียบ เติมฟืนก็ต้องระมัดระวังอย่าให้หล่นไปตามพื้น ไม่เช่นนั้น พวกข้าก็กวาดถูไปฟรีๆ ตกลงตามนี้ ก่อนที่เจ้าจะเข้าห้องมานอน เจ้าจะต้องล็อคประตูด้วยนะ”

เวลาเจ็ดโมงเช้าเกือบจะถึงแปดโมง ซ่งฝูเซิงออกจากแปลงปลูกพริกเดินกลับไปที่บ้านเฉียนเพ่ยอิงนั่งบนเตียงเตา นางกำลังโชว์ฝีมือในการทำฟูก

เฉียนหมี่โซ่วนอนคว่ำอยู่บนเตียงเตา มือหนึ่งถือเส้นด้าย อีกมือหนึ่งถือเข็ม กำลังตั้งอกตั้งใจช่วยท่านป้าสนเข็ม

เมื่อได้ยินเสียงดังมาจากประตู เขารีบโผไปข้างหน้าเพื่อกอดซ่งฝูเซิงที่กำลังมาถึง

ซ่งฝูเซิงใช้หางตามองไปที่กำแพงไฟ ได้แล้ว เช้านี้เขาทำงานไปแล้วหลายอย่าง แต่ลูกสาวของเขากลับยังไม่ตื่น

เขาไปที่ห้องทำขนมปัง ในหม้อใบใหญ่ยังมีบะหมี่ที่ท่านแม่ต้มไว้ให้หลานสาวก่อนที่จะกลับไป บะหมี่ต้มไว้ตั้งแต่เช้าแล้วจึงอืดเต็มหม้อ เขาถามหมี่โซ่ว “เจ้าจะกินหรือไม่” หมี่โซ่วส่ายหัวและยังมองไปที่เฉียนเพ่ยอิง แต่นางขี้เกียจที่จะสนใจเขา

ซ่งฝูเซิงจึงตักบะหมี่ออกมา เสียงเขาซดบะหมี่ดัง ซู่ๆ เข้าไป ท้องวันนี้ยังขาดน้ำมัน กินไปเยอะขนาดไหนก็ยังหิวอยู่ดี ความรู้สึกตอนนี้คือเขาสามารถกินข้าวสวยหนึ่งจินหมดได้

ตอนนี้ลูกสาวยังไม่ตื่น เช่นนั้นเขาก็ขอกินให้หมดก็แล้วกัน

หลังจากนั้น ซ่งฝูเซิงก็เดินไปหยิบกุญแจจากข้างๆ หมอนของลูกสาว เพื่อเปิดเข้าไปยังห้องทำขนมและยังเอาของกินจากพื้นที่พิเศษจากบ้านของเขามาวางบนโต๊ะ มีทั้งผลไม้ แผ่นมันฝรั่งทอด และยังมีเนื้อวัวตุ๋นน้ำแดง เขาคิดว่า หลังจากทำงานเสร็จจะอุ่นนมดื่ม และให้ลูกสาวดื่มแก้หิว แล้วจะเอาเครื่องตีไข่ออกมาวางให้เสร็จสรรพ จากนั้นก็ค่อยล็อคประตู

หลังจากนั้น ซ่งฝูเซิงหยิบกุญแจห้องทำขนมกลับไปวางที่ข้างหมอนลูกสาว แล้วออกจากบ้านไปทำงานต่อ

ช่วงเช้าเวลาเก้าโมงครึ่ง หญิงสาวบนเตียงเตาก็ได้เวลาลืมตาแล้ว ซ่งฝูหลิงอ้าปากหาว…แล้วพูดว่า “อ้า…ข้าต้องตื่นแล้ว ข้าต้องขยัน อ้า… อืม…ถึงจะลำบากกว่านี้อ้า… ข้าก็ต้องอดทนอ้า…”

อีกฝั่งของกำแพงไฟคือเฉียนเพ่ยอิง นางเหลือกตาจนเห็นตาขาว หมี่โซ่วออกไปเก็บฟืนแล้ว ส่วนเจ้ายังนอนจนถึงตอนนี้

ซ่งฝูหลิงยังไม่รู้สึกผิด นางนอนจนหน้าเป็นสีชมพู จากนั้นนางก็ลุกขึ้นนั่ง บอกกับตัวเองว่าต้องให้กำลังใจตัวเองถึงจะลุกขึ้นมาได้

และก็ไม่รู้เลยว่าเฉียนเพ่ยอิงกำลังบ่นพึมพำเหมือนพูดกับตัวเองอยู่

“ความจริงแล้วยาฆ่าเหาก็อยู่ในมือข้าแล้ว เพียงหาเงินเพิ่มอีกสามตำลึง ข้าคิดว่า เอาไว้ซื้อยาก็น่าจะเพียงพอใช้งาน…

…แต่ว่า ท่านย่าจ่ายไปเกือบจะเจ็ดตำลึงแล้ว เงินตั้งเจ็ดตำลึง…อ้า…นั่นคือชีวิตของท่านย่าเลยล่ะ เป็นสมบัติของท่านย่า…

…ดังนั้น อย่างน้อยข้าจะต้องอดทนทำงานให้ได้หนึ่งเดือน หนึ่งวันได้กำไรหนึ่งตำลึง ยังไงข้าต้องเอาเงินทุนกลับมาก่อน แล้วจะได้กำไรสิบตำลึง ยี่สิบตำลึง…

…อืม…ต้องทำขนมเป็นเวลาหนึ่งเดือน…

…อ้า…ต้องทำงานเป็นเวลาหนึ่งเดือน” เฉียนเพ่ยอิงไม่ตอบอะไรกลับนั่งเย็บเสื้อต่อ นางกลั้นหัวเราะแทบไม่ไหว

ซ่งฝูหลิงล้างหน้าเสร็จจึงถามท่านแม่ของนางว่า “ท่านย่าของข้าล่ะ ท่านมาที่นี่หรือยัง”

“มาแล้ว นางยังต้มบะหมี่ใส่เกลือไว้ให้เจ้าด้วนแต่พ่อเจ้ากินหมดแล้ว ย่าของเจ้ากับท่านอาออกไปตั้งแต่เช้า บอกจะเข็นรถไปเอาเข่งนึ่งขนมและเห็นว่าเจ้าจะทำขนมเค้ก แต่ไข่ก็เหลือไม่เยอะ จึงจะหาไปซื้อไข่กลับมาด้วย”

“ออ” ซ่งฝูหลิงแปรงฟันและก็ผงกศีรษะไปด้วย

รอนางจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ระหว่างนี้ที่บ้านไม่มีคน จึงวางแผ่นมาร์กบนใบหน้า และล้างหน้าครั้งที่สอง และตั้งใจจะใช้ครีมขวดสีแดง ครีมขวดนี้ช่วยบำรุง ให้ความชุ่มชื้นบนใบหน้าได้อย่างดี ตอนนี้เป็นช่วงเที่ยงแล้ว

ใช่แล้ว อย่างไรจะต้องออกจากบ้านแล้วและยังต้องดื่มนมอุ่นจากกา

พวกเด็กๆ ชูมือเรียกอยู่ไกลๆ “พี่สาวพั่งยา”

พี่สาวพั่งยาตอบกลับด้วยรอยยิ้มใบหน้า “สวัสดีตอนเช้าจ้า”

นางใช้กุญแจที่ห้อยอยู่บนคอไขประตู ซ่งฝูหลิงหัวเราะหึ หึ และยืนตกตะลึงอยู่หน้าประตู

เวลาแค่ชั่วคืนเดียว ในห้องนี้อยากมีโต๊ะ โต๊ะก็มา ต้องการเตาอบ เตาอบก็มา โต๊ะวางเข่งนึ่งก็มีแล้ว โต๊ะที่นางจะผสมแป้งก็มีแล้ว แม้แต่ตั่งนั่งดังฟืนก็มีแล้ว และกำแพงไฟที่ก่อไว้ทั้งคืน ในห้องนี้จึงไม่หนาวแล้ว

และพ่อของนางก็เอาอาหารเช้าวางเตรียมไว้ให้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย

ท่านย่าคิดว่านางต้องใช้นมวัว จึงเอานมวัวที่จะใช้วางไว้บนโต๊ะ จากที่ดูการเตรียมของ น่าจะเอามาตั้งแต่เช้า

ในใจของซ่งฝูหลิงคิดว่า

ซ่งฝูหลิง เจ้ากล้าที่จะไม่ทำต่อหรือ

วันนี้ เราต้องทำงานในห้องนี้สิบชั่วโมง เตาอบเจ็ดเตาต้องก่อไฟพร้อมกัน เราต้องอบเค้กให้ได้สี่สิบหกหม้อ

ถ้าเป็นอย่างนั้น วันไหนที่รู้สึกขี้เกียจ จะได้มีของเตรียมพร้อม

นักเขียน มักจะเขียนเรื่องเตรียมไว้ นั่นเรียกว่าพล็อตเรื่อง เมื่อไหร่ที่ขี้เกียจ ก็ไปหยิบออกมา ก็มักจะมีเรื่องใหม่ๆ เสมอ

เจ้าจะทำเค้กก็ต้องเตรียมวัตถุดิบไว้ให้เสร็จสรรพ เรียกว่ หากมีของที่เตรียม เมื่อไหร่ที่ขี้เกียจ ให้เอาของที่ทำตุนไว้ออกมา ของจะได้ไม่ขาด

อืม…ซ่งฝูหลิงปรบมือให้ตัวเองและไม่ลืมล็อคประตูจากด้านใน จากนั้นจึงเริ่มลงมือทำงาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว