แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี ซ่งฝูเซิงก็มิอาจลืมความรู้สึกครั้งแรกที่มาจวนกั๋วกงได้
หลายปีผ่านไป ต้าหลังเป็นพ่อคนแล้ว เขาก็เล่าเหตุการณ์ครั้งนั้นให้กับลูกชายของเขาฟังเกี่ยวกับบรรยากาศครั้งแรกที่มาจวนกั๋วกงว่าพบเจออะไร ท่านลุงสามพูดอะไร และคนอื่นพูดอะไร
ยังไม่ต้องนับว่าผ่านไปหลายปี แค่หลังจากวันนี้ เวลาที่กัวคนโตเจอทุกคนก็เล่าเรื่องให้ฟังราวกับเล่านิทาน เขาพบใครก็เล่าให้คนนั้นฟังว่าจวนกั๋วกงช่างใหญ่โตโอ่อ่าขนาดไหน หมี่โซ่วสามารถพูดคุยกับท่านแม่ทัพเล็กได้อีก ช่างโชคดีมากจริงๆ
“นี่คืออะไร?” ต้าหลังกระซิบถาม
ซ่งฝูเซิงบอกว่า นี่เรียกว่า หินขึ้น-ลงหลังม้า ยามที่เจ้านายออกไปข้างนอก เมื่อต้องขึ้น-ลงหลังม้าจะต้องเหยียบหินก้อนนี้
เมื่อพูดเสร็จ เขาก็อาศัยช่วงที่ไม่มีคนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ด้วยความสนใจ หินขึ้น-ลงหลังม้าดูเหมือนทำมาจากหยกขาวและแกะสลักลวดลายเมฆอย่างวิจิตร เขาเหลือบมองกุยช่ายยี่สิบกว่าจินที่อยู่บนรถของเขา
ถ้าลูกสาวอยู่ข้างกายในตอนนี้ เขาคงจะถามซ่งฝูหลิงว่า
พ่อของเจ้าดูเหมือนชาวบ้านจากชนบทมากนักหรือ มีเนื้อสัตว์อย่างดีจะกินก็เสียดายจึงต้องเก็บไว้ เขานั่งรถหลายต่อก่อนจะนั่งรถไฟและต่อด้วยรถยนต์ กอดเนื้อหมูอย่างดีในสายตาของชาว บ้านเพื่อเข้าเมืองไปส่งให้บ้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สภาพของเขาในตอนนี้ดูเหมือนกับคนเซ่อซ่าไม่รู้เรื่องรู้ราวหรือ?
สิ่งที่เขากระทำตอนนี้ ถ้าเป็นยุคปัจจุบัน มีคนถ่ายคลิปลงแอป TikTok คงมีคนมาดูและหัวเราะเยาะเป็นแน่
ถึงตอนนั้นจะต้องมีคนเขียนความเห็นว่า “รีบมาดูเร็ว มีชาวบ้านพกเนื้อสัตว์เข้ามาในเมือง จะเอาไปส่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชั้นสูงเพื่อเป็นการขอบคุณ และยังตามหาที่อยู่จนเจอ เจ้านี่ช่างซื่อบื้อจริงๆ”
“ทำอะไรนะ?”
พวกเจ้าดูสิ เหมือนกับยุคปัจจุบันเหมือนกันนะ ไม่ใช่นึกอยากจะให้ก็สามารถเอาเข้าไปให้ได้เลยนะ จะต้องผ่านการตรวจตราจากคนที่มีหน้าที่ลาดตะเวน ดูแลรักษาความปลอดภัยของจวนก่อน
กัวคนโตกับต้าหลังตกใจกับเสียงตะโกนถามที่ดังออกมา พวกเขารีบแอบข้างหลังซ่งฝูเซิง “พวกข้า พวกข้าคือ?”
พวกเขาตกใจจนพูดตะกุกตะกัก
ยังดีที่ไม่ได้พูดอะไรพล่อยๆ ออกไป นี่ถ้าบอกว่ามาหาท่านแม่ทัพเล็กหรือเอาผักสดๆ มาส่งให้คุณชายน้อยของจวนกั๋วกงละก็ ดีไม่ดีอาจจะถูกนำตัวไปสอบสวนได้
ซ่งฝูเซิงออกมาบอกกับคนลาดตระเวนทั้งสิบสองนายว่าเขาเป็นชาวบ้านของหมู่บ้านเหรินจยา เข้าเมืองเพื่อมาหาท่านซุ่นจื่อ เขารู้จักกับท่านซุ่นจื่ออย่างดี ที่มานี่เพื่อที่จะนำพวกผักสดๆใหม่ๆ มามอบให้
“ซุ่นจื่อ?” คนลาดตระเวนสิบสองนาย ใช้สายตาจ้องมองพวกซ่งฝูเซิง มีสองนายสบตากัน ซุ่นจื่อคือคนติดตามคนสนิทของคุณชายน้อย คนพวกนี้มาหาเขา? งั้นต้องไว้หน้ากันบ้าง
ยืนอยู่ตรงนี้นานไม่ได้ ต้องเดินอ้อมไปถนนทางด้านหลัง ประตูด้านข้าง นั่นถึงจะเป็นประตูที่คนรับใช้กับพวกคนงานใช้เดินเข้า-ออก
ซ่งฝูเซิงบอก “ขอรับ” หลังจากนั้นเขาก็รีบพากัวคนโตกับต้าหลังเดินจากไป
แม้เขารู้ว่าต้องเดินเข้าประตูด้านข้าง แต่เป็นเพราะเขาหาไม่เจอ
เมื่อไม่มีคนลาดตระเวนคอยจับจ้อง กัวคนโตก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ต้าหลังหันกลับไปมองอีกทีว่าคนพวกนั้นจะตามมาหรือไม่
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเดินตามมาแล้ว เขาก็กระซิบถามกับซ่งฝูเซิงว่า “ลุงสาม เมื่อครู่ที่พวกเรายืนอยู่ตรงประตูนั่น มันเป็นประตูอะไรเหรอ? ใช่ประตูใหญ่ไหม? ดูช่างโอ่อ่ายิ่งนัก มิน่าถึงไล่พวกเราออกมา”
โอ่อ่าอะไรกัน ที่มันโอ่อ่า หรูหรา อลังการจริงๆ ยังไม่ทันได้เห็นเลยนะ
ซ่งฝูเซิงรู้สึกเสียดายมาก เดินทางไป-กลับจวนกั๋วกง แม้แต่ประตูใหญ่ก็ยังไม่เคยได้สัมผัส ยังไม่เคยเห็นประตูใหญ่ของคนยุคโบราณจริงๆ แค่ได้มองไกลๆ ก็ยังดี นี่ยังโดนไล่ออกไปก่อนอีก
เขาอาศัยความรู้ที่เรียนมาจากหนังสือหรือที่ได้ยินมา อธิบายให้หลานชายกับกัวคนโตฟัง “นั่นไม่ใช่ประตูใหญ่ เป็นแค่ประตูทางเข้า-ออกของรถ”
“อะไรนะ? ประตูรถใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ ความกว้างเทียบเท่ากับห้องใหญ่หลายๆ ห้องของพวกเราเลยนะ ถ้าเช่นนั้นประตูใหญ่จะเป็นอย่างไรเนี่ย”
“ประตูใหญ่น่ะหรือ เคยได้ยินมาว่าประตูใหญ่จะเป็นสีแดง โครงสร้างไม้มีสีสันสะดุดตา ด้านบนหลังคาเป็นกระเบื้อง…
…ระดับจวนกั๋วกง ตะปูทองคำบนบานประตูจะมีถึงหกสิบสามตัว…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...