เสี่ยวเอ้อร์กวาดหิมะอยู่หน้าร้าน พอเห็นพวกย่าหม่าออกมาก็วางไม้กวาดในมือลง “ท่านยายเดินระวังนะขอรับ”
“อือ ไว้เจอกันๆ”
จนกระทั่งย่าหม่าเข็นรถเดินออกไปไกลแล้ว เสี่ยวเอ้อร์ถึงได้หลุดหัวเราะออกมา
ท่านยายคนนี้คุยเก่งจริงๆ มาประเดี๋ยวเดียวก็ทำให้เถ้าแก่หัวเราะได้ นี่ก็เป็นความสามารถเฉพาะอย่างหนึ่ง เจรจาการค้าสำเร็จหรือไม่ค่อยว่ากัน แต่ขออารมณ์ดีไว้ก่อนใช่หรือไม่
โดยเฉพาะวันนี้ เถ้าแก่ไม่ใช่แค่หัวเราะแบบเซ็งๆ อย่างตอนปกติ แต่หัวเราะหน้าบาน ดูเบิกบานใจ
“ท่านยายมาส่งขนมเค้กอีกแล้วหรือเจ้าคะ” ภายในศาลาหลังน้อยของหอนางโลม สาวใช้ข้างกายแม่นางหลิ่วเยี่ยทักทาย
“อ้อ แม่นางหลิ่วเยี่ยทำไมตื่นเช้าขนาดนี้อีกแล้วล่ะ” ย่าหม่ารู้ว่าที่สาวใช้คนนี้มาทักทาย จริงๆ แล้วแม่นางหลิ่วเยี่ยอยากเรียกนางเข้าไปหา
แม่นางหลิ่วเยี่ยอาจไม่ใช่อันดับหนึ่งของหอแห่งนี้ แต่ก็ถูกจัดอยู่ในสามอันดับแรกอย่างแน่นอน
อีกฝ่ายมีสถานะระดับนั้นแล้ว มีหรือจะมาแหกปากตะโกนเรียกนางได้ แบบนั้นจะเป็นการเสียบุคลิก ย่อมให้สาวใช้มาเรียกแทน
ท่านย่าหม่าพาพี่ๆ น้องๆ รีบเดินไปที่ศาลาหลังน้อย “แม่นางหลิ่วเยี่ย ข้าพาคนพวกนี้มาทักทายเจ้า วันหน้าข้าอาจมาไม่ได้แล้ว เจ้าดูไว้นะ คนนี้พี่สาวของข้า นางจะมาส่งของแทน”
ทำไมล่ะ
ย่าหม่าพูดอย่างไม่อวดดีว่า เมืองเฟิ่งเทียนมีตลาดที่ใหญ่กว่ารอนางอยู่ ที่นั่นมีสาวๆ กับคุณหนูจำนวนมากรอให้นางไปส่งขนมเค้ก ตลาดใหญ่กำลังอ้าแขนรอนางเข้าไปอยู่
นางพูดต่ออีกว่า “นี่ก็ญาติๆ กันทั้งนั้น ช่วยเหลือกัน คนที่นี่จิตใจดี ไม่มีทางเกิดเรื่องที่ทำให้พวกนางลำบาก พวกนางไม่มีประสบการณ์ก็ให้พวกนางมาส่ง ส่วนข้าก็ไปที่ใหม่ แม่นาง ถ้าวันหน้าพวกนางมีตรงไหนที่รบกวนเจ้า หรือไปรบกวนแม่นางคนไหน พวกเจ้าก็อย่าได้ถือสาเลยนะ”
ย่าหม่าพูดจบก็ส่งสัญญาณบอกให้พี่ๆ น้องๆ ที่โพกผ้าเข้ามาทักทาย
เหล่าหญิงชราดูตื่นตาตื่นใจตั้งแต่เข้ามาที่นี่
ไม่เคยเห็นบ้านแบบนี้ ไม่เคยเดินในเรือนที่มีบริเวณส่วนตัวเช่นนี้ ไม่เคยเห็นหญิงงามที่ตื่นแต่เช้าตรู่ อากาศหนาวขนาดนี้ยังเอาพัดมาโบกได้
พวกนางรู้สึกเกร็ง การกระทำจึงเงอะงะไปหน่อย
ย่าหม่ายิ้ม พูดกู้สถานการณ์ “เจ้าดูสิ เจ้าดูสิ แม่นางหลิ่วเยี่ย หลิ่วเยี่ยคิ้วโค้งมน ริมฝีปากดุจอิงเถา ใครเห็นก็อยากชายตามอง พี่ๆ น้องๆ ของข้ามองแม่นางหลิ่วเยี่ยจนเคลิ้มไปหมดแล้ว”
สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ หลุดหัวเราะ หัวเราะเสร็จก็รีบมองสีหน้าของหลิ่วเยี่ย
หลิ่วเยี่ยก็ใช้พัดบังสีหน้าตอนหัวเราะ ทำท่าทางบอกให้ท่านย่าหม่านั่งลง ทั้งยังให้สาวใช้ไปเรียกท่านแม่ บอกว่าเวลานี้ท่านแม่น่าจะตรวจบัญชีเสร็จแล้ว ให้ท่านย่าหม่าพูดคุยกับนางก่อน อีกประเดี๋ยวท่านแม่จะมาคิดเงินให้ที่นี่
ย่าหม่ารู้อยู่ในใจว่าหลิ่วเยี่ยอยากฟังเรื่องเมื่อวาน ตอนนั้นนางเล่าไปแค่ครึ่งเดียว แม่เล้าก็เดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน กระซิบข้างหูแม่นางหลิ่วเยี่ย คาดว่าคงมีบุรุษท่านไหนมา ต้องการพบหลิ่วเยี่ย ด้วยเหตุนี้จึงเล่าไม่จบ
ย่าหม่าเองก็หันไปสั่งงาน ให้ซ่งอิ๋นเฟิ่งพาพี่ๆ น้องๆ ของนางเอาขนมไปส่งตามที่ที่เคยส่งบ่อยๆ ก่อน เรียกยายกัวที่อีกหน่อยจะรับผิดชอบส่งสินค้าในถงเหยาเจิ้นมาฟังเส้นทางอย่างละเอียด
จากนั้นนางก็อยู่ในศาลา เริ่มเล่าเรื่องเมื่อวานที่เล่าไม่จบให้แม่นางหลิ่วเยี่ยฟัง หลิ่วเยี่ยฟังแล้วเดี๋ยวก็ขมวดคิ้ว เดี๋ยวก็ถอนหายใจ เดี๋ยวก็รู้สึกว่าชีวิตคนเราไม่นานก็ผ่านไปหลายสิบปี ก็มีอยู่เท่านี้
อีกทั้งขณะท่านย่าหม่าเล่าเรื่องก็ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญ มีแทรกคำถาม แม่นางเกิดเมื่อใด เพราะเล่าถึงอายุของตัวเอกหญิงตอนตายจึงถามออกมา หลิ่วเยี่ยก็ย่อมตอบเช่นกัน
ดังนั้น ตอนที่แม่เล้ามาคิดเงินให้ ย่าหม่าจึงพูดว่า กำลังจะถึงวันเกิดของแม่นางหลิ่วเยี่ยแล้ว ไม่เอาขนมเค้กมาฉลองสักหน่อยหรือ
รู้หรือไม่ว่าทำไมถึงเรียกขนมชนิดนี้ว่าขนมเค้ก
เพราะมีความหมายว่า รื่นเริงมีความสุข
วันเกิดก็ต้องรื่นเริงมีความสุขใช่หรือไม่
แม่เล้าเป็นคนขี้งกมาก ตอนแรกก็ไม่พอใจที่ย่าหม่าพูดแบบนี้ ทว่าเมื่อหลิ่วเยี่ยพาสาวใช้เดินออกไปพลางจมอยู่กับเรื่องที่ย่าหม่าเล่าที่ชีวิตคนเราเอาแน่เอานอนไม่ได้ ยามนี้พูดคุยสะดวกแล้ว ย่าหม่าจึงเขยิบเข้าไปใกล้แม่เล้าพลางพูด “วันเกิดแม่นางหลิ่วเยี่ย คนพวกนั้นไม่ต้องแสดงออกหน่อยหรือ อย่าเอาแต่พูดคำหวาน ไม่คิดจะจ่ายเงินซื้อขนมเค้กให้หญิงสาวหน่อยรึ เกลียดพวกปากหวานเป็นที่สุด ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน”
แม่เล้าดวงตาเป็นประกาย
ย่าหม่าพูดต่อ “ไหนจะแม่นางเป่าหวากับแม่นางอวิ๋นอีก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...