ซ่งฝูหลิง ฮ่าๆๆ ดูไม่ออกเลยนะว่าท่านพ่อเป็นคนแบบนี้
นางถือข้อความของซ่งฝูเซิงแล้วจูงน้องชายที่กำลังคึกออกไปข้างนอก
ท่านย่าหม่าก็ออกไปด้วย เรื่องที่นางต้องทำยังมีอีกมาก
ซ่งฝูเซิงใส่หมวกผ้าฝ้าย เดิมทีอยากออกไปทำงานต่อ
“หยุดนะ”
“มีอะไรรึ”
เห็นเพียงทันใดนั้นเฉียนเพ่ยอิงก็เข้ามาใกล้เขา หลังจากที่จ้องเขาพลางพูดพึมพำ ซ่งฝูเซิงก็ร้องขอชีวิตไม่หยุด อ้อนวอนพลางหลบ “ไอ๊หยา ที่รัก อย่าหยิกสิ”
“คลื่นประกายในแววตา บุปผาเบ่งบานไปถ้วนทั่วใช่ไหม”
“หา?” ซ่งฝูเซิงแสร้งทำหน้างง “เจ้าจะมาเอาเรื่องอะไรข้ากลางวันแสกๆ ใจเย็นๆ สิ ที่รัก มันจะดูไม่ดีนะ”
เฉียนเพ่ยอิงยิ้มพลางด่า “ไสหัวไป”
ซ่งฝูเซิงวิ่งหนีออกไปแล้ว เฉียนเพ่ยอิงอยู่ในบ้านยังได้ยิน “หัวหน้าหม่า รอด้วย”
ได้ยินไม่ชัดว่าท่านย่าหม่าด่าอะไรซ่งฝูเซิง แต่ก็มองเห็นว่าท่านย่าหม่าตบหลังซ่งฝูเซิงเบาๆ หนึ่งที
เฉียนเพ่ยอิงส่ายหัว ผู้ชายพวกนี้ ช่วงนี้ชอบไม่อยู่กับร่องกับรอย กินอิ่มก็เริ่มทำตัวเอาใหญ่ วันๆ เอาแต่พูดว่าจะสร้างบ้าน
ซ่งฝูเซิง เมื่ออยู่ต่อหน้าภรรยากับมารดาก็ทำตัวแบบหนึ่ง อยู่ต่อหน้าบุตรสาวก็ทำตัวอีกแบบ
ตกเย็นหลังจากที่แบ่งงานคนตัดกระเทียมเหลืองกลางดึกเสร็จ ไปดูต้นกล้าที่สวนพริกเสร็จ เขาตั้งใจไปดูบุตรสาวที่อยู่ในห้องทำขนมส่วนตัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำขนมเค้กวันเกิดไซส์ใหญ่ อีกทั้งยังขายให้กับคนภายนอก ต้องมาดูเสียหน่อย
ดูห้องทำงานเล็กๆ ของลูกสาวเขาสิ เขาจัดเก็บจนเรี่ยมเชี่ยม
เตาผนังสี่เตา ปล่องควันสี่ปล่องด้านนอกมีควันดำลอยออกไป ภายในห้องอบอุ่น แต่กลับไม่สำลักควันแม้แต่น้อย
เตาอบสามเตาที่เพิ่งติดตั้งก็ดูใช้งานได้ดี ไม่เหมือนเตาอบในห้องก่อนหน้านี้ที่สร้างอย่างไม่มีประสบการณ์ อีกทั้งตอนนี้ห้องนั้นก็มีเตาอบอยู่สิบห้าเตา ห้องเล็กแค่นั้นแต่ยัดเตาพวกนั้นเข้าไป บวกกับโต๊ะยาวอีกสองตัว อัดแน่นเต็มพื้นที่
มีหรือจะเหมือนห้องนี้ โต๊ะทำงานเป็นโต๊ะทำงาน โต๊ะวางขนมที่เสร็จแล้วก็ได้ตั้งใจให้พี่รองช่วยต่อแบบมีตู้ให้ ทั้งยังทำเก้าอี้สูงให้ลูกสาว นี่เป็นผลงานการออกแบบของเขาทั้งนั้น
แต่ว่า “ลูกพ่อ แบบนี้ไม่ได้นะ คนอื่นทำเค้กวันเกิดด้านล่างมีพานหมุนใช้หมุนเค้กไปมา แต่เจ้ากลับเดินรอบโต๊ะหมุนไปรอบเค้ก”
คิดดูสิ ต้องก้มๆ เงยๆ บ่อยครั้ง ขนมเค้กก้อนแค่นั้น แต่ก็ต้องใช้เวลาทำอยู่สักพัก วันหน้าได้มีเอวเคล็ดกระดูกเบี้ยวบ้างล่ะ “รอเดี๋ยวนะ พ่อจะออกไปข้างนอก พ่อแก้ปัญหาให้แล้วกัน เดี๋ยวไปทำแท่งเหล็กที่เหมือนน็อต เอามาเสียบบนโต๊ะกลมให้ แล้วก็ทำถาดหมุนด้วย”
ซ่งฝูหลิงกำลังปาดครีมลงบนตัวเค้ก พอได้ยินแบบนั้นนางก็ดีใจ
“ดีเลยค่ะคุณพ่อ ช่วยลูกคิดด้วยว่าจะใช้อะไรผสมให้ครีมกลายเป็นสีเขียวดี จะมีแต่ดอกไม้ไม่ได้ แม้แต่ใบไม้สีเขียวสักใบยังไม่มีได้ยังไง อีกอย่าง ตอนนี้มีแค่สีม่วงแดง สีส้ม สีเหลืองไข่ไก่ สามสีเอง สีน้อยเกินไป”
“สีเขียวจากผัก ผักปวยเล้ง ใช้หินตำให้น้ำมันออก เอามาผสมเป็นสีเขียว”
“แต่พวกเราไม่มีนี่ กลางฤดูหนาวแบบนี้จะไปหาปวยเล้งจากไหน พริกของท่านพ่อก็ใช้ไม่ได้ เอามาผสมกับครีม รสชาติจะเป็นแบบไหน ต้นหอมที่ท่านแม่ปลูกในกระถางก็เป็นใบสีเขียวอยู่หรอก แต่ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกันหรือเปล่า จะให้ขนมเค้กมีกลิ่นต้นหอมก็ไม่ได้”
ก็จริง สมัยโบราณตอนฤดูหนาวจะหาผักใบเขียวได้ยากมาก ซ่งฝูเซิงเก็บปัญหาของบุตรสาวไว้ในใจ “ห้องนั้นฝึกกันมาตลอดบ่ายแล้ว มีคนที่วันพรุ่งนี้พอใช้งานได้หรือยัง”
“มี” ซ่งฝูหลิงมัวแต่ทำขนมเค้ก
คืนนี้นางต้องทำให้เสร็จ พรุ่งนี้ต้องให้ท่านยายกัวที่รับผิดชอบการขายถงเหยาเจิ้นเอาไปส่งแล้ว
อีกทั้งขนมของถงเหยาเจิ้นไม่ใช่แค่ขนมเค้กแบบดั้งเดิมยี่สิบกว่าก้อน ขนมปังกรอบม้วนที่เมื่อวานนางอบไว้สองเตาก็จะเอาไปลองขายด้วย ขนมเค้กวันเกิดสิบหกนิ้วหนึ่งก้อน ไหนจะโมเดลอีก โมเดลขนมเค้กแบบหนึ่งชั้นกับสามชั้น หนักๆ ทั้งนั้น เพราะใช้ท่อนไม้กลมใหญ่เอามาทำ จะต้องเอาตัวอย่างพวกนี้ไปวางตั้งโชว์ที่โรงเตี๊ยม
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ซ่งฝูเซิงร้อนใจไปพร้อมกับบุตรสาว อยากให้มีคนเป็นงานเร็วๆ ไม่อย่างนั้นลูกสาวของเขาคงได้เหนื่อยตายแน่ สองวันมานี้ทั้งทำโมเดลทั้งทำขนมเค้ก เมื่อวานเขายังต้องเข้ามาช่วย “ใคร”
“พี่เอ้อร์ยา”
“ไม่มีคนอื่นอีกเหรอ”
“ถ้ามีอีกก็ซื่อบื้อไปหน่อย คนที่ไม่ซื่อบื้อก็คือหลี่ซิ่วกับพี่เถาฮวา พวกนางจำเวลานาฬิกาทรายได้ ความจำดี แต่พี่เอ้อร์ยาดูเป็นงานอย่างเห็นได้ชัด นางทำได้ดี คิดว่านางน่าจะเป็นคนแรกที่ถ้าไม่มีนาฬิกาทรายก็ทำขนมเค้กได้ดี”
ซ่งฝูเซิงรู้สึกเหนือความคาดหมาย
เดิมทีเขาคิดว่าคนที่มาเป็นอันดับหนึ่งจะเป็นเถาฮวาที่ละเอียดอ่อน หรือไม่ก็ต้ายา นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเอ้อร์ยาที่ดูไม่เป็นการเป็นงาน ชอบเล่นเรื่อยเปื่อย
“ข้าจะบอกให้ฟัง ท่านพ่อ คนตะกละโดยทั่วไปจะมีพรสวรรค์ด้านการทำอาหารมากกว่าคนที่ไม่รักการกิน ต้องยอมรับเลย”
เอ้อร์ยาเป็นประเภทที่ว่า นางตะกละตะกลาม ก็แค่เก็บงำไว้มาตลอด เพราะฐานะทางบ้านไม่เอื้อให้เป็นคนแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าเอ้อร์ยากับซ่งจินเป่า สมกับเป็นพี่น้องแท้ๆ
…
เช้ามืดวันต่อมา ยังคงเป็นเวลาเดียวกับคราวก่อน ตีสองกว่า
คนทำงานจำนวนยี่สิบกว่าคนลงแปลงเพาะปลูกใต้ดินพร้อมกัน ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็ตัดกระเทียมเหลืองที่เหลืออยู่อีกสามแปลงเสร็จ
ทางนี้ตัดเสร็จ ทางด้านพวกผู้หญิงก็เริ่มเด็ดกระเทียมเหลืองกัน จัดการทำความสะอาดผัก ตะโกนไปทางด้านนอกแปลงเพาะปลูกใต้ดิน “เอาเข่งมา”
มีคนที่อยู่ด้านนอกส่งเข่ง ส่งตะกร้าเข้ามา สุดท้ายมีหลายคนที่หอบผ้าห่มในบ้านเข้ามา
เนื่องจากอากาศหนาวเย็นกว่าเดิม ย่างเข้าเดือนสิบสองแล้ว ตะกร้ากับเข่งยิ่งจำเป็นต้องพิถีพิถันมากกว่าคราวก่อน หนึ่งชั้นวางกระดาษไข หนึ่งชั้นเป็นผ้าห่ม แทรกกระดาษไขเข้าไปในผ้าห่มอีกหนึ่งชั้น เอาผักวางไว้ในนั้นแล้วมัดปากด้วยเชือกป่านให้แน่น เอาผ้าห่มห่อเข่งด้านนอกอีกหนึ่งชั้น ปิดท้ายด้วยการใช้เสื่อฟางคลุมปิดด้านบนเป็นอันเสร็จสิ้น
ครั้งนี้ส่งขายเยอะกว่าคราวก่อน ครั้งก่อนขายกระเทียมเหลืองแค่แปลงเดียว ครั้งนี้ลองชั่งดูอย่างลวกๆ ตัดน้ำหนักของผ้าห่ม เสื่อฟางและเข่งทิ้ง สามแปลงได้ผลผลิตทั้งหมดประมาณหนึ่งพันจิน หนึ่งพันจินกับอีกนิดหน่อย จัดการขนขึ้นรถ
ในเวลาเดียวกันที่หน้าห้องทำขนม เปลวไฟยังสว่างไสวอยู่
เหล่าหญิงสูงวัยก็กำลังขนของขึ้นรถเช่นกัน โดยเฉพาะรถคันที่ไปถงเหยาเจิ้น เดิมทีทางนั้นก็มีสินค้าที่สั่งจองอยู่แล้ว นี่ยังมีโมเดลขนมเค้กไปด้วย ไม่เหมือนรถคันอื่นที่ครั้งนี้แค่ลองดูเท่านั้น หนึ่งคนขนขนมเค้กได้แค่สี่เข่ง
เวลาตีสามกว่า ออกเดินทาง
เหล่าหญิงสูงวัยตามอยู่ด้านหลังลูกชายและหลานชายของตัวเอง
ครั้งนี้พอได้สุขสบายอยู่บ้าง พวกผู้ชายเข็นรถ พวกนางถือคบเพลิง
จำทางไว้ ต้องจำทางให้ดี หญิงสูงวัยสี่คนท่องอยู่ในใจ
เช้านี้ซ่งฝูหลิงก็ตั้งใจตื่นขึ้นมา วันแรก ต้องมีอารมณ์แบบเป็นทางการหน่อย
นางคลุมตัวอย่างแน่นหนา เห็นเพียงดวงตา พาพวกคนทำขนมออกมาตะโกนตามหลังพวกท่านย่าท่านยาย “เดินทางปลอดภัย”
ณ หอนางโลมในถงเหยาเจิ้น
ยายกัวกับยายฉีอยู่กลุ่มเดียวกัน ทั้งสองคนรับหน้าที่เป็นวันแรก ทั้งยังมีย่าหม่าปูทางให้ก่อนแล้ว เพื่อที่จะไม่ทำให้ย่าหม่าขายหน้า พวกนางจงใจทำให้ตัวเองดูสุขุมเยือกเย็น ไม่มองซ้ายมองขวา
แต่พวกนางพบว่า ชั่วขณะที่แม่เล้าเห็นขนมเค้กวันเกิดปรากฏตรงหน้า ใบหน้ากลับไม่เก็บอาการเลยสักนิด ปากของแม่เล้าอ้าออกเป็นวงกลม แบบนี้ก็ถูกแล้ว
เห็นเพียงขนมเค้กวันเกิดขนาดสิบหกนิ้ว ตรงขอบเป็นกลีบดอกไม้สีเหลืองทองอยู่ข้างข้อความ ‘สายลมใบไม้ผลิพัดใบหลิว สกุณาคล้อยตามกลิ่นหอม’ ห้อมล้อมไปด้วยดอกไม้สีแดงหลายดอกตั้งแต่บนลงล่าง
“กินได้จริงหรือ”
ท่านยายกัวกับท่านยายฉี ยิ้มให้กันแล้วถึงพยักหน้า พลางพูดกับแม่เล้า “กินได้”
แม่เล้ายิ้มอย่างพอใจ
ณ อำเภออวิ๋นจง
เก่อเอ้อร์นิวป้าสะใภ้ใหญ่ของซ่งฝูเซิงหลังจากที่รอบรรดาหลานชายนับเงินค่ากระเทียมเหลืองเสร็จถึงได้ไปแนะนำ “ขนม” กับเถ้าแก่พร้อมท่านยายรองซ่ง
ต้องทราบก่อนว่า ท่านย่าหม่าอบรมพวกนางมาก่อน ถึงแม้ช่วงแรกจะเกร็งเพราะถูกเถ้าแก่จ้องจนคิ้วขมวด แต่พอพูดไปเรื่อยๆ ก็ลื่นไหลและผ่อนคลายลงทีละนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...