ท่านยายเถียนยืนอยู่ข้างนอก พอเห็นว่าไม่มีเสี่ยวเอ้อร์มาจับตาดู นางจึงเขยิบเข้าไปฟังใกล้ๆ
สงสัยเหลือเกินว่าข้างในคุยอะไรกัน
ต้องทราบก่อนว่า นับตั้งแต่มาส่งขนมเค้ก นางกับท่านย่าหม่าก็ได้รู้จักมักคุ้นกับเถ้าแก่ร้านมาตลอด ยังไม่เคยเจอเจ้านายเลยสักครั้ง
หากจะให้บอกว่าคนที่เคยเจอเจ้านายของโรงเตี๊ยมก็คงจะเป็นเฉียนหมี่โซ่ว
มีแค่เขาคนเดียวที่เคยเจอ เขาเคยเจอคนของที่นี่ตั้งแต่เจ้านาย เถ้าแก่ร้าน ไปจนถึงเสี่ยวเอ้อร์ เด็กๆ พูดให้ถูกก็คือคนพวกนี้ต่างรู้จักเขา
เพราะโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็คือ อีผิ่นเซวียน ซึ่งก็คือโรงเตี๊ยมสี่ชั้นที่เฉียนหมี่โซ่วคุกเข่าไม่ยอมลุก ยื่นมือน้อยๆ ออกไป เพราะต้องการเอาเห็ดมอบให้แม่ทัพเล็ก ต่อมาก็ถูกซุ่นจื่ออุ้มลงไปด้วยตัวเอง
และก็เป็นโรงเตี๊ยมอันดับต้นๆ ด้านอาหารตำรับเฉพาะในเมืองเทียนเฟิ่งตอนนี้ด้วย
แต่ทุกคนไม่รู้ ต่างไม่รู้เรื่องนี้กัน รวมไปถึงซ่งฝูเซิงที่มาส่งกระเทียมเหลืองที่นี่ด้วย
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าหมี่โซ่วเคยเจอแม่ทัพเล็กที่นี่ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
อย่างไรเสียก็หาใช่เรื่องใหญ่ไม่ ใครจะพูดถึงเรื่องนั้นได้
พูดถึงเรื่องเด็กในบ้านข้า เคยเจอคุณชายจวนกั๋วกงที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ด้วยหรือ
ยิ่งเป็นคนสูงศักดิ์ก็ยิ่งห้ามเอามาพูดสุ่มสี่สุ่มห้า อีกฝ่ายรู้จักพวกเขาที่ไหนกัน อย่าทำอวดดีจนความแตก แบบนั้นจะเป็นที่รังเกียจ สร้างความยุ่งยาก
แม้แต่ซ่งฝูเซิงยังไม่พูดเรื่องนี้ คนอื่นๆ ก็ยิ่งไม่มีทางรู้
เจ้านายเองก็ไม่ทราบว่ายังมีเรื่อง ‘เฉียนหมี่โซ่ว’ ด้วย เขารู้เพียงว่ามีคนขายขนมเค้กกับคนขายกระเทียมเหลืองมาด้วยกัน เป็นชาวบ้านจากชนบท
เจ้านายไม่ได้เห็นคนขายกระเทียมเหลืองอยู่ในสายตา เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคนขายกุยช่ายขาวไม่ใช่เรื่องแปลก
ส่วนคนขายขนมเค้ก ถึงแม้เถ้าแก่จะมารายงานเขา แต่เขาก็แค่รับฟังไว้
เพราะที่นี่คือเมืองเฟิ่งเทียน ตลอดปีมีคนจากทั่วทุกสารทิศมาขายของกินสดใหม่มากมายเหลือเกิน คนที่ขายของแปลกใหม่ล้วนคิดแต่จะมาสร้างความร่ำรวยที่นี่ เพราะคนที่อาศัยอยู่ที่นี่เท่านั้นถึงจะเป็นคนร่ำรวยอย่างแท้จริง
แต่จะมีสักกี่คนที่ประสบความสำเร็จได้จริงๆ
และจะมีสักกี่คนที่เข้าตาผู้สูงศักดิ์ สามารถทำต่อไปได้ยาวนาน
อย่างเช่นในด้านอาหาร
คนที่สามารถทำให้เจ้านายอย่างเขาออกหน้าพูดคุยด้วยตัวเอง ต้องการดึงตัวมาหรือซื้อตำรับอาหาร อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในตลาดระยะหนึ่ง ไม่ใช่ผ่านไปไม่นานก็ถูกคัดทิ้งหรือถูกเข้าแทนที่
ซึ่งในระหว่างนี้เขาก็แค่มองดูอยู่เฉยๆ งานเฟ้นหาคนเก่งๆ ต้องให้คนพวกนั้นไปทำ เมื่อคนพวกนั้นไปรวบรวมมาได้ประมาณหนึ่งแล้ว ถึงเวลาเขาก็ไปดูว่าเป็นเพียงกระแสที่ไม่นานก็หายไปหรือว่าเหล่าคนสูงศักดิ์ชื่นชอบอย่างแท้จริง จากนั้นเขาถึงจะออกหน้า
เมื่อถึงเวลาถ้าสามารถเรียนรู้แกะสูตรของคนอื่นได้ก็ย่อมเรียนรู้เอง
อย่างไรเสีย คนทำอาหารให้แปลกใหม่ คนอื่นมี ที่เขาก็มีเช่นกัน อีกทั้งอีผิ่นเซวียนมีทั้งฐานลูกค้า สภาพแวดล้อม จะต้องทำได้ดีกว่าในทุกด้านอย่างแน่นอน เรื่องฝีมือถ้าไม่ได้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะก็จะถูกเขาคัดทิ้งอย่างสิ้นเชิง
อย่างไหนที่ทำไม่ได้ถึงจะคิดหาทางซื้อสูตรมา หรือไปซื้อตัวคนทำอาหารฝีมือดีของคนอื่นมาทำงานให้โรงเตี๊ยมของเขา
ด้วยเหตุนี้ในสถานการณ์ที่คนพวกนั้นเปิดร้านไม่ได้ ทำได้เพียงนำมาขายให้ที่โรงเตี๊ยม เจ้านายเฉินก็ยินดีต้อนรับอาหารแปลกใหม่จากทั่วทุกสารทิศให้นำมาขายที่ร้านของเขา
เมื่อเป็นเช่นนี้ทั้งสามารถอาศัยฝีมือทำอาหารที่แปลกใหม่ของคนอื่นช่วยดึงดูดสายตาของบรรดาผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้เงินส่วนแบ่งที่ไม่ต้องออกแรง ไม่ต้องลงทุนสักแดงเดียว ความเสี่ยงที่จะสำเร็จหรือไม่ก็ไม่ตกอยู่กับเขา วันที่สำเร็จอย่างแท้จริงต่างหากถึงจะสามารถเข้าตาเขา
บัดนี้ขนมเค้กเข้าตาเจ้านายเฉินได้อย่างแท้จริงแล้ว
ทว่ายามนี้กลับไม่ใช่เวลาที่จะคุยเรื่องพวกนั้น ต้องผ่านตอนนี้ไปให้ได้ก่อน
ก่อนหน้านี้เจ้านายเฉินคุยอะไรกับท่านย่าหม่า ท่านยายเถียนไม่ได้ยิน นางได้ยินเพียงว่า
“ท่านยาย ท่านจะไปขอร้องผู้สูงศักดิ์หรือ หากพูดอย่างไม่เกรงใจหน่อย ท่านคิดว่าตัวเองเป็นใคร…
…อย่าว่าแต่ท่านเลย ต่อให้เป็นข้า อยากจะไปคุกเข่าถึงบ้านก็ต้องรู้ก่อนว่าเข้าประตูไหน และก็ต้องให้ผู้สูงศักดิ์อนุญาตให้ข้าคุกเข่าเสียก่อน…
…พวกเราน่ะ เป็นเพียงบ่าวรับใช้ในสายตาของผู้สูงศักดิ์ เขาก็แค่อยากกินอาหารที่พวกเราปรนนิบัติทำให้ก็เท่านั้น”
“นายท่าน แต่ข้าทำไม่ได้จริงๆ ชีวิตของพวกเราจะต่ำต้อยหรือไม่ พวกเราก็ต้องมีขนมเค้กให้ ต่อให้ท่านฆ่าข้า ทำงานจนมือพันกันเป็นพัลวัน ภายในสองวันข้าก็ทำออกมาไม่ทันหรอก”
“ต้องทำให้ได้” เจ้านายร้อนใจ นึกไม่ถึงว่าเรื่องดีๆ จะมาสะดุดที่ยายเฒ่าคนนี้เสียแล้ว กลายเป็นเผือกร้อนที่ลวกมือ
เกิดทำให้ทางนั้นไม่พอใจ พวกยายเฒ่าคงไม่เป็นอะไร แต่เขายังอยากทำกิจการต่อไปอีกหรือเปล่า
ไม่ต้องรอให้ใครวิจารณ์ พ่อบ้านคนนั้นที่มาแทน ‘นายหญิง’ คงได้แต่ยิ้มให้เขา
อีกฝ่ายไม่มีทางพูดอะไร แต่พอกลับไปล่ะ
หา บ้านผู้ว่าการเขตเฟิ่งเทียนมาซื้อมีขายให้ หมายความว่ามีขายให้บ้านขุนนางขั้นสาม แต่พอบ้านขุนนางขั้นสองอยากมาซื้อกลับไม่มี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า ‘นายหญิง’ ท่านนั้นเป็นบุตรสาวสายตรงของของจวนกั๋วกงขั้นหนึ่ง เขาทำเช่นนี้เท่ากับรนหาที่ตายทางอ้อม ล่วงเกินสกุลใหญ่ๆ ของเมืองเฟิ่งเทียนพร้อมกันหลายบ้านเลยอย่างนั้นหรือ
เจ้านายเฉินจินตนาการไปในทางเลวร้ายจนตกใจกลัว เคลื่อนร่างกายอวบอ้วนมาข้างหน้าหนึ่งก้าว
“ท่านยาย ข้าจะส่งรถลากไปให้”
“ข้าก็ต้องมีของให้ลากเสียก่อน”
เจ้านายยืนกราน “ลดทอนเวลาทั้งหมด ทำเสีย มาทำที่นี่ ข้าจะส่งรถไปรับท่าน ทำเสร็จก็ส่งไป ขาดเหลืออะไร หม้อนึ่งหรือเตาที่ท่านใช้ทำขนมเค้ก รวมไปถึงแป้ง น้ำตาล น้ำมัน ทางโรงเตี๊ยมจะจัดหาให้ ข้าจะจัดห้องครัวให้ท่านหนึ่งห้อง พ่อครัวของทางโรงเตี๊ยมท่านก็เรียกใช้ได้ตามสบาย”
ย่าหม่าขมวดคิ้วมองเจ้านายเฉินประหนึ่งมองคนสติเพี้ยน นางคิดในใจ นี่มันเวลาไหนแล้ว เจ้ายังอยากคิดจะขโมยสูตรของข้า ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าต้องใช้เตาแบบไหนก็น่าจะพอได้แล้ว จะต้องให้ข้านั่งสอนพ่อครัวของโรงเตี๊ยมทีละขั้นหรืออย่างไร
ท่านยายเถียนร้อนรนอยู่ด้านนอก เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...