ในบรรดาหน้ากากพวกนี้ ซ่งฝูหลิงชอบหน้ากากผีดิบมากที่สุด
เพราะเสียเงินไปเยอะ
เพราะเหมือนจริงมากที่สุด
มันเป็นรูปแบบไหนนะ?
ใบหน้าบนหน้ากากเหมือนโดนเลือดนิดหน่อย เพื่อความสมจริงให้ดูเหมือนกำลังเน่าเปื่อย บนหน้ากากยังวาดหนอนตัวอ้วนสีขาวหลายตัวติดอยู่บนใบหน้า ดวงตาสองข้างมีสีดำเงางาม ไม่มีลูกนัยน์ตาขาว คิ้วดกและสั้น และด้านล่างยังมีริมฝีปากใหญ่สีแดง
แต่เดิม ตรงริมฝีปากสีแดงยังมีฟันใหญ่หลายซี่ ก่อนที่ซ่งฝูเซิงจะนำมันออกมาจากพื้นที่พิเศษ เขารู้สึกไม่ดี จึงถอดฟันออกไป มิเช่นนั้นจะเหมือนจริงมาก
แค่หน้ากากอันนี้ เฉียนหมี่โซ่วหยิบขึ้นมาใส่แบบกะทันหัน ไม่ส่งเสียงหรือเอ่ยอะไรก่อน แค่จ้องมองท่านย่าหม่าสองรอบก็สวมใส่ทันที
แค่คิดก็รู้ว่า หากท่านย่าหม่าถูกทำให้ตกใจกะทันหันเช่นนี้ จะมีสภาพเยี่ยงไร
ตอนนั้นเองหน้านางเริ่มซีดเผือด ตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง ลิ้นไม่สามารถขยับได้ พูดอะไรออกมาไม่ได้
เมื่อก่อนท่านย่าหม่าคิดมาตลอดว่า คนที่ถูกทำให้ตกใจ รวมทั้งตัวนางเองจากประสบการณ์สิบกว่าปีที่ผ่านมา น่าจะต้องส่งเสียงร้องออกมาก่อน
แต่ขณะนี้นางเพิ่งเข้าใจว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น เพราะนั่นคือตอนที่ยังไม่ตกใจมาก แต่พอตกใจมากๆ เสียงจะค้างอยู่ในลำคอ ไม่สามารถออกเสียงได้ ลิ้นก็แข็ง
ตอนนี้ถือเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เด็กน้อยสวมหน้ากากนั่นอยู่ นางไม่กล้าเหลือบไปมองอีกเลย แต่นางอยากเรียกหลานสาวคนเล็กให้ช่วยลูบหลังหรือเทน้ำให้หน่อย ภาวนาให้มองมาทางนางที อย่าให้นางตาเหลือกจนหมดสติไปก่อน
แต่ปัญหาคือ นางส่งเสียงออกมาไม่ได้ หลานสาวคนเล็กกำลังทำตามคำสั่งนางด้วยการก้มหน้านวดข้าวโพดอย่างตั้งใจ ตอนที่ควรจะซื่อสัตย์ก็ไม่ซื่อสัตย์ ตอนที่ควรจะเชื่อฟังก็ไม่เชื่อฟัง ไม่เอะใจเลยว่านางถูกเฉียนหมี่โซ่วแกล้งทำให้ตกใจเพราะนางก้มหน้าอยู่ตลอด
เฉียนหมี่โซ่วสวมหน้ากาก ตอนนี้เขาหันไปมองท่านย่าหม่า ครุ่นคิดในใจ เอ๊ะ? ท่านย่าเป็นอะไรไป? ดูเหมือนไม่ปกติ แต่ก็ดีแล้วที่ไม่มีอะไร ยังไงก็อย่าส่งเสียงออกไปดีกว่า มิเช่นนั้นอาจโดนด่าได้
เด็กน้อยลืมไปแล้วว่าตอนที่ซ่งฝูหลิงสวมหน้ากากนี้ จากหน้ากากสี่ใบที่มี เขากลัวอันนี้มากที่สุด เกือบจะทำให้เขาตกใจจนฉี่ราดเลย
เพราะว่าเขาตกใจไม่น้อย ซ่งฝูหลิงจึงยกหน้ากากอันนี้ให้เขา เมื่อเขาใส่ก็จะได้ไม่เห็นใบหน้าของตัวเอง และไม่ต้องกลัวอีก
ท่านย่าหม่าคอแห้ง มือสั่นอยู่เกือบครึ่งนาที นางใช้แรงที่มีจับข้าวโพดฟักหนึ่งโยนใส่ซ่งฝูหลิง
ซ่งฝูหลิงเงยหน้า อาศัยแสงจากตะเกียงมอง ไอยา!
หลังจากนั้นก็โยนข้าวโพดสองฝักทิ้ง รีบมาลูบอกให้ท่านย่าหม่า “ท่านย่า ท่านเป็นอะไร”
ท่านย่าหม่าคิดในใจ นับว่าข้ายังมีโชค มิเช่นนั้นคงไม่ได้ยินเสียงเจ้าถามข้าอีก
ซ่งฝูหลิงเห็นท่านย่าแค่หลับตา แต่มือชี้ไปทางเฉียนหมี่โซ่ว นางจึงมองตามไป “ก่อนที่เจ้าจะใส่ทำไมไม่บอกก่อน เจ้าดูนี่สิ ทำให้ท่านย่าตกใจหมดแล้ว!”
เฉียนหมี่โซว “อืม?”
ซ่งฝูหลิงหยุดสั่งสอนน้องชายคนเล็ก นางรีบนำกระติกน้ำร้อนที่แบกไว้ด้านหลังออกมา เทน้ำลงบนฝากระติก
นางคิดว่าหากดื่มน้ำแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น รอสักพักก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นมา นางจะนำยาโรคหัวใจออกมาสองเม็ดให้หญิงชรากิน
ริมฝีปากสั่นของท่านย่าหม่าสัมผัสเข้ากับฝาน้ำ น้ำก็ลวกปากของนาง เลยยิ่งทำให้ปากของนางสั่นมากกว่าเดิม
นางไม่ทราบว่าหลานสาวคนนี้นำน้ำร้อนมาจากที่ไหน นางก็อยากถามหลานสาวเหมือนกัน ตอนเจ้ายังเล็กข้าป้อนเจ้าแบบนี้? เอาน้ำร้อนมาป้อน กะจะลวกให้ตายหรือไง
“ขอโทษด้วยท่านย่า ข้าจะเป่าให้ท่านนะ” นางยังไม่ทันเป่า เฉียนหมี่โซ่วก็นำถุงน้ำของเขายื่นมาให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...