ตอนที่ 287 – ตอนที่ต้องอ่านของ ทะลุมิติทั้งครอบครัว
ตอนนี้ของ ทะลุมิติทั้งครอบครัว โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายจีนโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 287 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ซ่งฝูหลิงที่ ‘ไม่เจ้าเล่ห์’ เวลานี้กำลังนั่งอยู่บนเตียง มือซ้ายถือหนังสือ มือขวาขีดๆ เขียนๆ อยู่บนกระดาษ
ก่อนหน้านี้ท่านย่าหม่าเป็นร้อนในในปาก พอได้ยินข่าวเรื่องนี้คอถึงกับเจ็บตามไปด้วย
นั่งอยู่ข้างล่างเตียงพลางพูดด้วยความกลุ้มใจ “พั่งยา นี่มันเวลาไหนแล้ว เจ้ายังมีอารมณ์อ่านหนังสืออีก
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว เจ้าไม่อยากบอกย่าหน่อยรึว่าจะเอาอย่างไรต่อ”
ท่านย่าหม่าคิดในใจ
ถ้าเราฟังพวกเขา อาศัยพึ่งพิงร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เกวียนก็ลากกลับมาแล้ว
พวกเราก็รู้จักกันแล้ว เอาแค่แม่ทัพเล็ก พวกเราก็ต้องยอมรับ ปฏิเสธไม่ได้ อีกทั้งพูดจริงต้องทำจริง วันหน้าได้กำไรต้องแบ่งทางนั้นคนละครึ่ง
แต่ว่าก็ต้องคิดหาหนทางทำให้ร้านนั้นทำกำไรได้มากขึ้น ต้องจัดสรรร้านนั้นให้ชัดเจน ห้ามสิ้นเปลืองแม้แต่นิดเดียว
มิฉะนั้น ทำแค่ขายขนมเค้กไม่กี่ก้อน ได้กำไรนิดหน่อย ไม่ต่างจากไม่เปิดร้าน เสร็จแล้วก็ยังต้องแบ่งกำไรให้ทางนั้นครึ่งหนึ่งด้วยหรือเปล่า
หลานย่า เจ้าจะขายอะไรที่ร้านนั้นบ้าง คงไม่ได้จะวางตัวอย่างขนมเค้กไม่กี่ก้อนแล้วรอปลามาติดเบ็ดหรอกนะ
“ท่านย่า อย่าใจร้อน ใจเย็นๆ ท่านย่าเห็นร้านไหนคุยกันวันแรกวันที่สองก็เปิดร้านบ้าง ประเด็นสำคัญคือ ข้าก็ไม่ได้อยู่ว่าง ดูสิ ข้ากำลังยุ่งอยู่”
นางกำลังวุ่นอยู่กับการวาดออกแบบ
งานใหญ่ก็อย่างป้าย ‘ร้านขนมเค้กย่าหม่า’ การตกแต่งภายในอย่างคร่าวๆ อีกทั้งยังขนพวกชั้นวางของลู่จือหว่านออกไม่ได้ เกิดทางนั้นไม่ให้ย้ายล่ะ ไม่มีที่วาง ก็ต้องออกแบบให้มัน เหลือโต๊ะไว้ไม่กี่โต๊ะ ต้องให้ดูสวยงามและเป็นระเบียบ
ส่วนงานเล็กๆ ก็อย่างเรื่องเตาอบ ป้ายราคาขนมเค้ก
ไม่มีป้ายราคา ขายแพงขนาดนั้น ซ่งฝูหลิงกลัวท่านย่าของนางไม่มีความกล้าบอกราคากับลูกค้า
อีกทั้งการมีป้ายราคา บอกราคาที่ชัดเจนอยู่หน้าโมเดลขนมเค้ก ก็จะช่วยลดความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นได้
เรื่องที่ทำให้ซ่งฝูหลิงปวดหัวที่สุดคือ ตู้โชว์ขนม
ตู้โชว์ขนมเป็นสิ่งสำคัญมาก
ในหนึ่งวัน ขนมเค้กที่ออกจากเตามีอะไรบ้าง ขายแบบไหนบ้าง ร้านขายขนมร้านอื่นให้ความสำคัญเรื่องความสะอาด จะมีการใช้กระดาษไขวางด้านบนเสมือนเป็นม่านคลุมไว้
ขนมไข่ ชิฟฟ่อน ขนมปังกรอบม้วนของร้านนาง ต่อไปยังต้องทำโดนัทอะไรอีก ก็ได้ ไม่คำนึงถึงความสวยงาม แต่ก็ต้องใช้ประโยชน์อย่างนั้นด้วย
แต่ขนมเค้กครีมก้อนเล็กหรือที่มีครีมทาอยู่ด้านบน ขนมอะไรก็แล้วแต่ที่มีครีมอยู่ด้วย จะเอากระดาษไขวางทับด้านบนได้อย่างไร
งั้นก็วางได้แค่ในตู้ที่ปิดมิดชิด ต้องรับรองเรื่องความสะอาด
ทางที่ดีเอาแบบสมัยปัจจุบันที่เป็นตู้กระจก คนซื้อมองเห็นจากด้านนอก ชอบอันไหนก็ชี้ คนขายก็หยิบออกมา
แต่ที่นี่มีกระจกโปร่งแสงที่ไหนกัน มีแต่วัสดุเคลือบที่จุดหลอมต่ำ ใช้เคลือบบนเครื่องกระเบื้อง อีกทั้งยังไม่โปร่งแสง
ซ่งฝูหลิงเกาหัว
แน่นอนว่าต่อให้ไม่โปร่งแสง ซ่งฝูหลิงก็ไม่เคยคิดจะทำกระจกขึ้นมาเอง
เพราะในสายตาของนาง ความคิดแบบนี้มันเกินความเป็นจริงไปมาก อย่างน้อยก็ในตอนนี้
นางรู้จักวัสดุที่ใช้ทำกระจก
แต่วัสดุพวกนั้นคิดว่าไปหาซื้อตามร้านในเมืองหรือร้านตามอำเภอก็มีอย่างนั้นหรือ ร้านค้านะไม่ใช่เถาเป่า
ทรายซิลิกาคือเม็ดซิลิกาที่ได้มาจากหินซิลิกาละเอียดผสมกับทราย ต้องหาเหมืองซิลิกา
หินฟันม้า เป็นแร่ประกอบสำคัญที่สุดของหินบนชั้นผิวโลก นางไม่แม้แต่จะเคยเห็นมาก่อน
ต่อให้ตามหาก็ต้องนั่งเรือไปยังแหล่งผลิตเครื่องกระเบื้องถึงจะหาเจอ
การทำกระจกยังต้องมีวัสดุอย่างโซเดียมคาร์บอเนต
โซเดียมคาร์บอเนตธรรมชาติอยู่ในทะเลสาบน้ำเค็ม มีจำนวนจำกัด อย่าไปพูดถึงเบสที่ได้มาจากขี้เถ้าพืช น้ำเบสที่อยู่ในขี้เถ้าพืชนั่นไม่ใช่โซเดียมคาร์บอเนต แต่เป็นโพแทสเซียมคาร์บอเนต
อีกทั้งวัสดุที่ว่ามา ต่อให้นางดันทุรังจะทำกระจกให้ได้ ให้ท่านพ่อของนางออกเรือข้ามน้ำข้ามทะเลเสี่ยงชีวิตไปตามหาปีสองปี พอได้มาครบจะเป่าขึ้นรูปเป็นกระจกได้หรือ ใครมีฝีมือขนาดนั้น
ดังนั้นไม่มีประจกโปร่งแสง ซ่งฝูหลิงคิด ชีวิตฉันมันยากเหลือเกิน ที่นี่อยากได้อะไรก็ไม่มี ขนส่งก็ลำบาก แม้แต่ตู้โชว์ยังต้องกลุ้ม ออกแบบยังไงดีล่ะ
ในเวลาเดียวกัน ณ โรงเพาะปลูกพริก
“ลูกสาวของเราวาสนาดีเหลือเกิน” ซ่งฝูเซิงก้มตัวดูการเจริญเติบโตของพริกที่ปลูกพลางพูด
เมล็ดพันธุ์พริก ปกติพริกจะงอกออกมาจากส่วนล่างสุดของต้น ไม่เด็ด ทิ้งไว้ ปล่อยให้มันแดงเอง เมื่อแดงได้ที่ก็เอาไปตากให้แห้งทำเป็นเมล็ดพันธุ์พริก เป็นของล้ำค่าที่สุดในใจซ่งฝูเซิงตอนนี้
ทำไมถึงให้ความสำคัญขนาดนี้น่ะหรือ
เพราะตอนนี้อาศัยแค่การปลูกพริกแปลงใหญ่นี้ อยากจะร่ำรวย นั่นเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ
พื้นที่ในโรงเพาะปลูกนี้มีจำกัด เก็บได้แค่ไม่กี่ครั้ง ต่อให้ต้นกล้าดี เลี้ยงไปได้ถึงเดือนสามเดือนสี่ รวมจำนวนเก็บเกี่ยวทั้งหมด สุดท้ายเก็บได้สามพันกว่าจินก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว
ดังนั้นต้องหวังพึ่งเมล็ดพันธุ์พริก ต้องเก็บเมล็ดพันธุ์พริกไว้ให้มากหน่อย
พอเข้าฤดูใบไม้ผลิอากาศอบอุ่นขึ้นแล้วก็จะมีพื้นที่เพาะปลูกพริกมากขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นค่อยมาดู นั่นต่างหากที่เป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่อย่างแท้จริง ปีหน้าเวลานี้มาดูอีกที เขา ซ่งฝูเซิงถึงจะเรียกว่าหลุดพ้นจากความยากจนจริงๆ แล้ว
ดังนั้นซ่งฝูเซิงถึงให้ความสำคัญกับเมล็ดพันธุ์มากกว่าพริกสดพวกนี้ อีกทั้งแดงขึ้นมาเมื่อไร สุกได้ที่ ยิ่งต้องเก็บรักษาให้ดี ต้องรับประกันได้ว่าเมล็ดพริกจะไม่หายไปแม้แต่เมล็ดเดียว
เวลานี้เฉียนเพ่ยอิงกำลังก่อไฟกำแพงไฟ
ช่วงสองวันนี้อุณหภูมิลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อก่อนในหนึ่งวันต้องคอยคุมไฟไม่ให้แรงเกินไป แต่ช่วงสองวันนี้ต้องคอยเติมไฟไม่ได้หยุด
พอนางได้ฟังก็พูดตอบ
“วาสนาดียังไง ข้าเห็นท่านย่าหม่าโมโหพอตัว…
…ข้าเองก็ไม่เข้าใจ มีที่ไหนกันมาร่วมกันทำการค้า ให้เกวียน ให้กุญแจร้าน เสร็จแล้วก็ไป ไม่มีแม้กระทั่งเซ็นสัญญา ไม่สู้ให้เขาทำเป็นกิจจะลักษณะ พวกเรายังจะสบายใจกว่า…
…พวกเขาก็จะทำท้อวันเกิด…
…ใช้การนึ่ง ยิ่งใหญ่ยิ่งกินไม่ได้ ข้างในเหนียวหนืดนึ่งไม่สุกด้วยซ้ำ ก็แค่เอาความเป็นมงคล…
…และที่เปลืองเงินที่สุดคือ ถ้าไม่ไปสั่งจองที่ร้านขนมข้างนอก ก็ให้พ่อครัวขนมในจวนทำงานล่วงเวลา ทำขนมมงคลไว้ล่วงหน้า…
…ที่นี่เวลาฉลองวันเกิด ท้อวันเกิดกินไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ของที่กินได้จริงๆ คือขนมมงคล ถ้าไม่ทำก็ซื้อ ซื้อทีก็เป็นหลายสิบกิโลแบ่งให้แขกกิน…
…นี่ยังไม่รวมการจัดงาน เอาแค่เรื่องขนม เจ้าลองคำนวณดู ถ้าบ้านเราทำเองต้องเปลืองแป้ง น้ำตาล น้ำมัน รวมๆ กันเป็นเงินเท่าไร…
…เจ้าลองคำนวณอีก ถ้าพวกเขาซื้อขนมมงคลที่ทำขึ้นมาพิเศษต้องจ่ายเงินเท่าไร…
…ไม่เช่นนั้นพี่เฉินจะพูดเหรอว่า ร้านขนมสกุลหูนับตั้งแต่เข้าตาคนชั้นสูงพวกนั้น สกุลหูก็มีสูตรขนมเฉพาะ ขนมอบไส้ซานจา ขนมถั่วแดง ขนมปังกรอบสอดไส้นม กำไรเป็นกอบเป็นกำ ขยายสาขาไปทั่ว เมืองโยวโจวเต็มไปด้วยร้านขนมของสกุลหู…
…เจ้าก็รู้ว่าคนที่นี่กินข้าวสองมื้อ…
…พวกเรายากจน กินสองมื้อเป็นเรื่องจนปัญญา แต่คนรวยกินสองมื้อเพราะกลางวันเป็นมื้อน้ำชา”
เฉียนเพ่ยอิงฟังแล้วก็เริ่มตื่นเต้น ลุกขึ้นยืน “งั้นถ้าเอาตามที่เจ้าวิเคราะห์ ลูกสาวของเราก็จะได้กำไรมากหน่อย ประเด็นคือไม่เหนื่อยด้วย เอาแค่เค้กวันเกิดที่ลูกทำ ถ้าเปิดร้านกำไรก็กินได้ครึ่งปี”
ซ่งฝูเซิงส่ายหน้า
“จะเหนื่อยไหมตอนนี้ยังพูดยาก...
…ไม่เช่นนั้นข้าจะเตือนลูกเหรอว่าให้รีบสอนเอ้อร์ยาให้เป็นงานเร็วๆ เอาให้เป็นสักคนก็ยังดี จะให้ดีต้องให้เอ้อร์ยาทำขนมเค้กด้วยตัวเองได้ วาดดอกท้ออะไรก็ว่าไป เด็กพวกนี้ต้องก้าวหน้า ไม่อย่างนั้นลูกสาวเราได้เหนื่อยอยู่คนเดียว…
…คุณดูอย่างยุคปัจจุบัน เอาเพชรไปผูกติดกับการแต่งงาน เพชรหมายถึงนิรันดร์กาลบ้างล่ะ เม็ดเดียวอมตะ ตอนนั้นผมแค่อยากพูดว่า หินเส็งเคร็งนั่นเกี่ยวอะไรกับชีวิตคู่ด้วย…
…นั่นเป็นผลจากการโฆษณาต่างหาก...
…ข้ากลัวพี่สามของคุณชายลู่ก็จะมีการโฆษณาแบบนี้ จะสั่งเยอะกว่าเดิม…
…ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…
…เจ้าดูฐานะของนาง ไม่ได้ยินที่ลูกเราบอกเหรอ หน้าตาสวย อยู่ในตระกูลเศรษฐี ต้องคบค้าสมาคมต้อนรับแขกมากมาย…
…เจ้าอย่ามองแค่ว่านางทำการค้าเครื่องกระเบื้องล้มเหลว คนเขามาซื้อของร้านเธอเพราะให้เกียรติ แต่ใช้ทีก็ใช้ได้ตั้งหลายปี และนางก็ไม่มีทางตื๊อให้คนข้างนอกมาซื้อ…
…แต่ของกินมันไม่เหมือนกัน ทุกบ้านจำเป็น คนชั้นสูงกระหายความแปลกใหม่ พอได้ลอง ดี ไม่แพง อีกทั้งขนมเค้กยังสวยงาม ความหมายก็ดี และที่สำคัญที่สุด เมื่อเทียบกับเครื่องกระเบื้องที่ต้องซื้อเพราะเห็นแก่หน้า ซื้อขนมเค้กยังใช้เงินไม่เท่าไหร่…
…เมื่อใดที่คนที่นี่เอาเรื่องวันเกิดผูกติดกับขนมเค้ก สร้างธรรมเนียมให้คนชั้นสูงต้องซื้อขนมเค้กตอนวันเกิด เธอก็จะจุดกระแสนี้ได้ จึ๊”
ซ่งฝูเซิงชื่นชม นี่ก็คือเหตุผลที่เขาบอกว่าลูกสาวของเขาวาสนาดี
เพราะดีไม่ดี จับพลัดจับผลู พี่สามของคุณชายลู่ ลูกสาวเขา ท่านย่าหม่า สามคนนี้จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
เขาใช้กระบวยตักน้ำรดใส่ต้นพริกครึ่งกระบวย อีกครึ่งกระบวยดื่มเอง
เขาพูดจนคอแห้งไปหมดแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...