ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 49

ครั้งนี้ท่านย่าหม่าค่อนข้างรังเกียจลูกสามของนาง

ถ้าอยู่ที่บ้าน แม้ผลผลิตการเกษตรที่ได้จะไม่ดีนัก แต่เวลาครอบครัวลูกสามกลับมา นางก็ทำอาหารดีๆ ให้กินจนอิ่มอย่างเต็มที่

เพราะถึงแม้จะอดอยากอีกครั้ง แต่ก็ยังมีที่ดินทำมาหากิน

แล้วสถานการณ์ตอนนี้เล่า

ตามคำพูดที่คนกล่าวไว้ แม้กินอิ่ม ออกจากบ้านไปก็ยังต้องพกของกิน แม้ท้องฟ้าสดใสก็ยังต้องพกร่ม เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต นางจำเป็นต้องประหยัดอาหารไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน คนยี่สิบกว่าคนเหล่านี้ นางไม่อยากให้ใครต้องอดตาย

แต่นี่อะไรกัน เป็นผู้ใหญ่ โตแล้วยังเรื่องมากอีกหรือ?

ก่อนหน้าบอกว่า ท่านแม่ทำอาหารสองมื้อไม่ได้ กินโจ๊กไม่อิ่ม นางก็เปลี่ยนเป็นสามมื้อ

ตอนหลังทำงานเหน็ดเหนื่อยก็ต้องมีอาหารแห้งอื่นบ้าง นี่นางก็ทำวัววัวโถวให้แล้วไง

เดิมทีหม่าเหล่าไท่ไม่อยากทำพวกอาหารแห้ง ที่ยอมทำก็เพราะลูกสามเป็นคนเสนอ หากเป็นคนอื่นก็คงโดนด่าไปแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ได้เร่งรีบเดินทาง มีที่พักพิง อย่างมากก็แค่หิวนิดหน่อย ไม่ถึงขั้นอดตาย

ปรากฏผลออกมากลับตาลปัด ไม่เห็นใจกันเลยแม้แต่น้อย ไม่พอใจและยังรังเกียจวัววัวโถวที่แข็งกระด้าง แถมยังบอกว่าอมน้ำมัน

ท่านย่าหม่าอยากจะถามลูกชายของนางจริงๆ “เจ้าดูแม่ของเจ้าสิ ในกระดูกข้ามีน้ำมันอยู่หรือไม่ เจ้าลองแทะดู”

“มา ท่านแม่ ท่านตามข้ามา ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”

“เจ้าไม่ต้องมาคุยกับข้า ไปทางโน้นซะ”

ซ่งฝูเซิงดึงท่านย่าหม่ามาและนำหมาฮวายัดใส่ปากท่านย่าหม่า

ปากของท่านย่าหม่าเต็มไปด้วยหมาฮวา คายออกมาก็เสียดาย พอไม่คาย กินเข้าไปก็โมโห นั่นมันน้ำมัน แป้ง ทั้งที่รู้ว่าจะต้องหลบหนีลี้ภัย สามคนบ้านนั้นยังจะทำอาหารดีๆ อีก นางบ่นมาร้อยกว่ารอบแล้ว บ่นครั้งหนึ่ง ก็ปวดใจครั้งหนึ่ง

“ท่านแม่ ท่านกินเถอะ พวกเราคงไม่ได้ลี้ภัยสำเร็จง่ายๆ ร่างกายก็จะอ่อนแอไปเสียก่อน ตอนนี้ทุกคนมีกินมีดื่มร่วมกัน ของอะไรที่มีท่านก็อย่าได้ประหยัดไปนักเลย พวกผักดอง เนื้อสัตว์ ซอสปรุงรส กระต่ายป่าครึ่งตัว ท่านทิ้งไว้นานจะขึ้นราเปล่าๆ สู้กินลงท้องไปไม่ได้ ข้าบอกไปแล้วว่าให้ภรรยาข้าเป็นคนทำอาหาร ทำไมท่านถึงไม่ฟัง”

ซ่งฝูเซิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ท่านแม่ ท่านเก็บความรู้สึกไว้ในใจ ข้าจะไม่มีวันทำให้ท่านอดอยาก หากข้ามีกิน ท่านก็ต้องมีเช่นกัน คนเราควรต้องกินน้ำมันกับเกลือบ้างในแต่ละวัน”

ท่านย่าหม่าจะยอมฟังไหมซ่งฝูเซิงก็ไม่แน่ใจ เขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถึงขนาดใส่อารมณ์ แต่เมื่อหันกลับมามอง แม่ของเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้คนอื่นทำอาหาร เขารู้ว่าแม่กังวลกับเรื่องในอนาคตมากจนเกินไป แม้คอยห้ามปราบก็ไม่สำเร็จ

พวกเด็กๆ ได้หมาฮวาไปครึ่งท่อน โดยมีซ่งฝูเซิงเป็นคนจัดการ ส่วนเฉียนเพ่ยอิงเป็นคนแบ่งอาหาร

เมื่อแบ่งส่วนมาถึงครอบครัวของซ่งฝูไฉ ต้าหลังกับเอ้อร์หลัง เด็กสองคนที่กำลังเติบใหญ่ก็ไม่ต้องการ ซ่งฝูไฉก็บอกว่าไม่ต้องให้พวกเขา เก็บไว้ให้พั่งยากับหมี่โซ่วกิน

เฉียนเพ่ยอิงไม่เห็นด้วย “มีอยู่ไม่เท่าไร แค่ครึ่งอัน รับไปซะ ต้าหลังกับเอ้อร์หลังยังเป็นเด็กในสายตาของข้า จะมากจะน้อยแค่ไหนก็กินเสียหน่อย ในท้องจะได้มีน้ำมันบ้าง”

ต้าหลังนำหมาฮวาที่ได้รับมาครึ่งหนึ่งยื่นให้เหอซื่อ “ท่านแม่ ท่านกินเถอะ สองวันมานี้ท่านไม่พูดไม่จาเลย”

เหอซื่อเช็ดน้ำตาไม่หยุด ปฏิเสธไม่เอาหมาฮวา

เอ้อร์หลังนำหมาฮวาครึ่งหนึ่งยื่นใส่ปากซ่งฝูไฉ “ท่านพ่อ ท่านก็กินเถอะ”

ซ่งฝูไฉตบหลังลูกชายคนที่สองและหันไปมองเหอซื่อ ตั้งแต่เริ่มเดินทางมาจนถึงตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาพูดออกมาด้วยท่าทีโอนอ่อน

“อย่ามัวแต่คิดถึงคนที่บ้านเลย ลองกินหมาฮวานี่ ปีหนึ่งแล้วนะที่ไม่ได้กินของดีๆ อย่างนี้ เจ้าร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าเรื่องใดก็ควรมองไปทางบวก ไม่แน่ผ่านไปสองวันพวกเราอาจจะได้กลับบ้านก็ได้ ไม่ต้องหลบหนีอีก”

ครอบครัวของซ่งฝูสี่ เพราะมีเด็กสามคน ต้ายา เอ้อร์ยา จินเป่า ดังนั้นครอบครัวพวกเขาจึงได้รับไปหนึ่งอันครึ่ง

ซ่งจินเป่า เพราะความเคยชินจะแย่งหมาฮวาจากพี่สาวทั้งสอง

ซ่งฝูหลิงไอแค่กไปหนึ่งครั้ง

พี่พั่งยาเคยบอกว่าถ้า ไม่แย่งกันจะมีข้าว ข้าวสวย ซ่งจินเป่าเกาหัวก่อนชักมือกลับมา

หากจะบอกว่าเขาเป็นเด็กน้อย ทำไมถึงตัดใจไม่เอาสิ่งของที่อยู่ตรงหน้า เชื่อมั่นในซ่งฝูหลิงหรือ? มันเป็น สัญชาตญาณ ใช่แล้ว เป็นความเชื่อมั่นที่ไม่สามารถจะอธิบายได้

แต่จูซื่อไม่สนใจ นางแย่งหมาฮวาจากในมือลูกสาวทั้งสอง

ซ่งฝูหลิงก็ไม่สามารถจะกระแอมไอเพื่อเป็นการเตือนได้ ไม่สามารถแทรกแซงได้บ่อยครั้งเพียงเพราะนี่คือแม่แท้ๆ ที่รังแกลูกของตนเอง

ซ่งฝูสี่รู้สึกว่าซ่งฝูหลิงจ้องมองครอบครัวของเขาตลอด น้องสะใภ้สามก็มองอยู่ เขาหันตัวกลับไปพูดกับจูซื่อด้วยความรู้สึกเสียหน้า “น้องสะใภ้ ให้ต้ายากับเอ้อร์ยากิน เจ้าจะแย่งมาทำไม รีบให้พวกนางซะ นางต่างก็เป็นลูกเหมือนกัน หรือพวกเขาไม่ใช่ลูกที่เจ้าคลอดออกมา?”

จูซื่อบ่นพึมพำ “ข้าก็ไม่ได้จะกินสักหน่อย แค่จะเอามาเก็บไว้ให้พวกนาง” บ่นเสร็จนางก็นำหมาฮวายื่นส่งให้ต้ายากับเอ้อร์ยา พร้อมกับส่งสายตาเตือนบุตรสาวสองคนให้พวกนางเก็บไว้ให้น้องชายบ้าง

เวลาเพียงแค่หนึ่งวันกับหนึ่งคืน ซ่งฝูหลิงก็ไม่ค่อยชอบป้ารองจูซื่อแล้ว นางรู้สึกว่าคนคนนี้มีเล่ห์เหลี่ยม

เกิดเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ทำอย่างนี้ได้อย่างไร ลูกของตนเองแท้ๆ ยังไม่เหลียวแล

ถึงแม้ยุคโบราณผู้หญิงจะต้องแต่งงานออกเรือนไป เปรียบเสมือนการสาดน้ำ ถ้าเช่นนั้นท่านป้ากับท่านลุงเถียนสี่ฟา ทำไมถึงดีกับเถาฮวามากนัก ครอบครัวของเขาก็มีลูกชาย พี่หูจือ ลองมองสมาชิกห้าคนของครอบครัวนั้นสิ รวมทั้งท่านยายเถียน หมาฮวาหนึ่งอันแบ่งกันกินห้าคน ถึงเป็นย่าก็ไม่ได้ลำเอียงไปทางหลานชายมากกว่า หลานชายกับหลานสาวเหมือนกัน กินกันด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข

บางครั้ง สิ่งเหล่านี้ต่างหากคือความสุข

ซ่งฝูหลิงเพิ่งจะบ่นนิสัยที่ไม่ดีของจูซื่อที่ปฏิบัติไม่ดีต่อบุตรสาวไม่ทันไร ด้านข้างไม่ไกลออกไปก็เกิดการเอะอะโวยวายกันขึ้น ภรรยาครอบครัวนั้นยิ่งกว่าจูซื่ออีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว