ซ่งฝูเซิงรู้ว่า ถ้าพูดออกมาก็จะมีผลลัพธ์เช่นนี้ แต่สองแม่ลูกนั้นไม่ได้ใส่ใจ
เขารับช่วงต่อจากภรรยา มองแป้งที่นวดแล้วซึ่งแบ่งออกเป็นสองฝั่งขนาดใหญ่ รีบนำแป้งด้านหนึ่งมาคลึงให้เป็นแผ่นใหญ่ ใช้มีดหั่นให้เป็นเส้นยาว แล้วเริ่มทยอยบิดทีละอันๆ เพื่อทำหมาฮวา ทำไปด้วยพูดไปด้วยว่า
“อย่ากังวล ยังไม่ถึงขั้นนั้น เป็นเพียงแค่การคาดการณ์ของข้า พวกเราควรเตรียมใจให้พร้อม ต้องเก็บตุนเงินและอาหาร”
“เรื่องนี้เจ้าคาดเดาไปเองรึเปล่า? เจ้าเป็นแค่ถงเซิงคนหนึ่ง ข้ายังสงสัยว่าเจ้าจะพูดถูกหรือไม่”
“ใช่สิ ท่านพ่อ ท่านคิดมากไปรึเปล่า?” ซ่งฝูหลิงพูดเสริมแม่ของนาง
ซ่งฝูเซิงจนปัญญา
“พวกเจ้าคิดว่าข้าอยากจะคาดเดามั่วๆ หรืออย่างไร นี่มันใช่เรื่องดีที่ไหน? แบบนี้ข้าเรียกว่าประเมินสถานการณ์ในภาพรวม…
…เป็นที่รู้กันดีว่า หลังจากที่ข้าแต่งงานมาสองสามปีนั้นเพราะเจ้าของร่างเดิมไม่ได้เข้าสอบคัดเลือก…
…แต่ห้าปีที่ผ่านมานี้ ไม่ใช่ว่าข้าสอบไม่ได้ แต่เป็นเพราะไม่ได้เข้าสอบ ทางการเองก็ไม่ได้จัดให้มีการสอบอีกแล้ว ข้าจะไปสอบที่ไหนได้”
เห็นภรรยาและบุตรสาวยังคงจ้องมองเขาเหมือนไม่ได้รับการตอบสนอง เขาจึงเอ่ยต่อ
“พวกเจ้าลองคิดดู หากบ้านเมืองไม่วุ่นวาย การสอบจะหยุดลงเช่นนี้หรือ นี่ก็หยุดมาถึงห้าปีได้แล้ว…
…ได้ยินมาว่าฮ่องเต้มีพระชันษามากแล้ว ใช้นิ้วมือนับดูก็น่าจะประมาณหกสิบ เจ็ดสิบปี ท่านยังไม่ได้แต่งตั้งองค์รัชทายาท ซึ่งข้าคาดว่าคงจะแต่งตั้งไม่ได้แล้วด้วย…
…ดูจากซีรีย์ ‘คังซี’ ที่ฉายอยู่ ก็จะเห็นว่าราชบุตรหลายคนมีความหวาดระแวงกันเองมากขนาดไหน แต่ละคนก็ต่างแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นอย่างเอาเป็นเอาตาย…
…พวกเจ้าต้องรู้ว่า สถานการณ์แก่งแย่งชิงดีกันนั้น ยังมีจักรพรรดิคังซีคอยควบคุมอยู่ ยุคสมัยคังซีเรียกได้ว่าเป็นยุครุ่งเรือง…
…ส่วนพวกเรา ใช้ชีวิตในรัชสมัยจยาโย่ว ประชาชนมีความเป็นอยู่แบบธรรมดา ราชสำนักยังถูกบุตรชายของเขาทั้งห้าคน แบ่งเป็นห้าพื้นที่ใหญ่ ตอนนี้ท่านอ๋องทั้งห้า ต่างก็ดูแลพื้นที่ของตนเอง…
…เข้าใจแล้วรึยัง หากบอกว่าลงมือ ก็ต้องลงมือทันที แต่ถ้ามีการประกาศสงครามเมื่อไหร่ อะไรก็เกิดขึ้นได้…
…ที่ไม่พูดเรื่องอื่นๆ แน่นอนว่าข้าก็ไม่รู้เรื่องอื่นเหมือนกัน อำเภอที่พวกเราอยู่ห่างไกลมาก ข้าได้ยินเพื่อนเคยกล่าวถึงท่านอ๋องอู๋ ที่เจียงหนานกับองค์ชายสี่ที่ครองดินแดนฟูเจี้ยนในแถบก่วงตง ที่ในสองสามปีมานี้ต่างแก่งแย่งพื้นที่จนรบรากันมาสองครั้งแล้ว…
…เป็นเรื่องดีที่พวกเราอยู่ในเขตเหอหนาน พื้นที่นี้ถูกปกครองโดยท่านอ๋องฉี เขาเป็นโอรสองค์ที่สองของฮ่องเต้ ไม่ชอบความวุ่นวาย พวกเราเป็นราษฎรของเขาจึงอยู่ดีกินดีมาหลายปี…
…แต่สิ่งที่น่ายินดีก็ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าพอใจ ข้าไม่คาดหวังอะไรกับเขา”
“เพราะอะไร” เฉียนเพ่ยอิงขมวดคิ้ว ในความคิดของนาง การใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การปกครองของบุคคลที่เรียบง่าย ย่อมดีกว่าอยู่ภายใต้บุคคลที่ชอบการทำศึกสงครามมิใช่รึ
“เมียข้า ก็เพราะเขามีอำนาจน้อยนะสิ! ตอนนี้เขาอยู่ในเขตเมืองเดียวกันกับพ่อของเจ้า จวนท่านอ๋องตั้งอยู่ที่นั่น…
…ไม่ใช่เพราะว่าเขาให้ความสำคัญกับเมืองเหอหนาน ถึงได้พำนักอยู่ที่นั่น แต่เป็นเพราะเขาปกครองดูแลพื้นที่น้อย นอกจากเหอหนาน หว่างตงเจีย เขาก็ยังปกครองดินแดนเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของเขตอันฮุย…
…หลังจากนั้น ไม่มีหลังจากนั้นแล้ว เพราะถ้าไปทางตะวันออกของพื้นที่หลู่โจว ก็ไม่ได้นับว่าอยู่ในเขตการปกครองของเขา…
…พวกเราใช้ชีวิตที่เรียบง่ายจนเกินไป มองอย่างไรก็ยังรู้สึกน่ากังวลอยู่ดี ไม่เชื่อเจ้าลองสอบถามลูกสาวเจ้าดูว่าข้าประเมินสถานการณ์โดยรวมผิดไปไหม? ถ้าพวกเราอยากอยู่อย่างสงบ ไม่ช้าก็เร็วคงต้องได้ย้ายบ้าน”
ซ่งฝูหลิงพยักหน้า อธิบายแบบง่ายๆ ให้แม่ของนางฟัง
“ท่านพ่อพูดไว้ไม่ผิด ไม่เช่นนั้น การรยอมอยู่ภายใต้การปกครองหรือทำสงครามเพื่อสร้างอำนาจให้มีมากขึ้น เพียงแค่ดูแลพื้นที่ด้านเดียวแล้วยังน่าหวาดกลัว ไม่ช้าก็เร็ว คงต้องถูกคนอื่นมาชิงเอาไปหมด โดยเฉพาะพื้นที่ที่เราอยู่กันตอนนี้…
…ท่านแม่ ตอนอยู่ยุคในปัจจุบัน ท่านคงเคยได้ยินชื่อสถานี ‘เจิ้งโจว’ ที่นั่นเป็นรถไฟสถานีเดียวที่สามารถเดินทางไปถึงได้ทั่วทุกมณฑลภายในประเทศ สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่สัญจรที่สำคัญ”
เมื่อซ่งฝูหลิงพูดประโยคนี้จบ เหมือนจะช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ของนาง พลันก็มีเสียงเคาะประตูอย่างร้อนรนดังมาจากด้านนอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...