ทัณฑ์นางโลม นิยาย บท 14

ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในคืนก่อนทำให้คนหนุ่มหงุดหงิดตลอดทั้งวัน ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ดูขวางหูขวางตาไปเสียหมด ยิ่งได้รับรู้ว่าหญิงสาวหวานชื่นกับธีร์ขนาดไหน ความบ้าคลั่งที่สะสมอยู่ในใจมันก็แทบระเบิดออกมาเดี๋ยวนั้นเลย ธัญญ์อยากจะลากตัวคนต้นเหตุมากอดรัดให้สะใจ เขาอยากจะทำให้เธอรับรู้ทุกอย่างในความคิดของเขา แต่มันก็คงไร้ประโยชน์เพราะคำว่าผู้หญิงของอามันค้ำอยู่แท้ๆ

“เจ้าธัญญ์ เมื่อไหร่แกจะเริ่มทำงานที่ฉันสั่งเสียที”

“ครับอา ผมจะรีบทำให้เสร็จตามที่ต้องการ”

“ตกลงแกเต็มใจหรือเปล่า”

“ครับ”

“ครับงั้นเหรอ...นี่ฉันถามว่าเต็มใจหรือเปล่า”

“ผมเต็มใจครับอา...จะรีบทำให้เร็วที่สุด อาธีร์อย่ากังวลเลยครับ”

“เอาเถอะ...ฉันเชื่อใจแกนะหลานรัก” มือหนาตบไหล่กว้างเบาๆ

“ขอบคุณครับอา”

“อ่อลืมบอกไป หนูพิตต้าเค้าจะแวะไปดูแกทำงานนะ เค้าอยากเห็นแล้วก็เค้าจะเอาอะไร ชอบแบบไหนถ้าเอามาผสมกับความคิดของแกได้ก็ช่วยหน่อยแล้วกัน ฉันไม่อยากขัดใจหนูพิตต้า” เหมือนมีก้อนเนื้อจุกที่ลำคอ ชายหนุ่มอึกอักพูดอะไรไม่ออก แถมกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง

จากที่จงใจแกล้งยั่วยวนให้ชายหนุ่มปากร้ายหัวหมุน พิยะตาก็ต้องคิดหนักสับสนกับความรู้สึกของตนเองไม่รู้ว่าที่ทำลงไปนั้นต้องการแก้แค้นที่เขาย่ำยีเธอ หรืออยากจะประชดประชันแค่ให้สะใจเล่นเท่านั้น ยิ่งแววตาที่มองมันเหมือนกรงเล็บเหยี่ยวจิกลงบนหัวใจของเธอเหลือ ความเจ็บปวดแบบนี้หญิงสาวได้แต่เก็บเอาไว้ในใจ เพราะหน้าที่ของเธอตอนนี้ก็คือทำทุกอย่างตามที่ธีร์ต้องการ วันนี้หญิงสาวได้รับอนุญาตจากชายที่เรียกเธอว่าผู้หญิงของเขา ออกมาดูแลการปรับปรุงกินนรีบาร์ บรรยากาศที่เงียบเหงาไม่เคยเกิดขึ้นเลยจวบจนขณะนี้ ข้าวของในบาร์ถูกย้ายออกเพื่อให้การทำงานสะดวกขึ้น ป้ายพลาสติกที่แขวนไว้ด้านหน้ามีข้อความสีแดง ‘ปิดปรับปรุง’ หญิงสาวแกว่งป้ายนั้นอย่างเบื่อหน่ายก่อนที่จะผลักประตูกระจกสีดำเข้าไป แสงรำไรที่รอดผ่านช่องเล็กๆ ตามผนังและหลังคาทำให้รู้ว่าที่นี่มีอายุการใช้งานยาวนาน มือเรียวลูบเคาท์เตอร์ไม้ ในความคิดภาพของบาร์เทนเดอร์ผสมเครื่องดื่ม ขวดกระเบื้องใสสีสวยกว่าร้อยเรียงรายวาบวับเวลาแสงส่องมาสวยงามจนลืมไม่ลง เสียงดนตรีที่ขับกร่อมเคล้าอารมณ์เพลิดเพลินคลอไปด้วยเสียงพูดคุยสนุกสนานจวบจนเสียงแก้วกระทบกันดังก้องในความทรงจำ หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่จนภาพนั้นหายไป หยดน้ำใสล่วงหล่นอย่างอาลัยอาวรณ์

“พิตต้าจะรักษาที่นี่ไว้ได้เหรอคะอาโด่ง” เธอพูดถึงความกังวลที่มี เก้าอี้สูงตัวเก่าๆ ถูกเลื่อนมาให้พักพิง หญิงสาวมองออกไปยังประตูที่เธอเพิ่งปิดลงหวังจะได้เห็นบรรดาเพื่อนสาวที่ทำงานที่นี่เดินมาทักทาย แต่มันก็ว่างเปล่าเสียจนหยดน้ำใสไหลรินเพื่อปลอบประโลมใจตัวเอง

“อย่าท้อสิยายพิตต้า เธอต้องอดทนเอาบาร์กลับมาให้อาโด่งให้ได้”

“พูดคนเดียวก็เป็นนะ” เสียงทุ้มดังขึ้นที่ประตูหนา ร่างสูงกำยำยืนเด่นส่งสายตาเย็นชามายังเธอ เรียวหน้าคมเข้มของคนปากร้ายหล่อเหลาเอาการ แว่นกันแดดที่สวมใส่ทำให้เขายิ่งดูมีเสน่ห์มาขึ้น จนหญิงสาวหัวใจสั่นระรัว

“คุณธัญญ์”

“แน่ล่ะ เป็นผม ไม่ใช่อาธีร์” คำพูดประชดประชันนั้นทำให้เธอรีบปรับอารมณ์ให้แข็งกร้าวพอที่จะต่อรองกับเขา

“นั่นสินะ พิตต้านี่แย่จริงๆ มัวแต่คิดถึงคุณธีร์” เสียงขบกรามไม่พอใจพร้อมสายตาดุดัน ชายหนุ่มเดินตรงมายังร่างเพียวบาง เธอไม่คิดจะถอยหนี แต่ในใจกลับสั่นไหว กลิ่นโคโลญจ์แบบผู้ชายกระตุ้นให้คนสาวร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ตาคู่สวยจับจ้องการเคลื่อนไหวของเขาไม่กระพริบ มือหนาดึงแว่นกันแดดที่ใส่ออกวางมันบนเคาท์เตอร์อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันมาจ้องมองราวกับจะกินเนื้อคนสาว

“ผมเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย...คนอย่างคุณไม่สมควรมาใกล้ชิดอาธีร์”

“งั้นเหรอ...แต่พิตต้า เอ่อ ฉันไม่ได้เป็นฝ่ายเข้ามาใกล้เค้านี่คะ” หญิงสาวจงใจจะบอกว่าเขาต่างหากที่กำลังเข้ามาใกล้ร่างกายเธอ

“ก็ถ้าไม่ใช่มารยาของผู้หญิง...อาธีร์คงไม่ใจอ่อนง่ายๆ”

“คุณธีร์ไม่ใช่คนโง่ จะได้โดนผู้หญิงหลอกง่ายๆ” หญิงสาวพูดกระแทกใส่เขา แต่คนหนุ่มก็ส่งรอยยิ้มเยาะเย้ยมาแทนคำตอบโต้

“งั้นก็แสดงว่า เธอหลอกอาธีร์ไม่สำเร็จ อีกไม่นานคงตกกระป๋องแน่ๆ”

“อย่าเพิ่งดีใจไปค่ะ...ฉันไม่ได้หลอก ทุกอย่างที่ทำมันคือเรื่องจริง”

“เรื่องจริงฮึ...ไร้สาระ”

“เรื่องจริงที่ว่าคุณธีร์ทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันมาอยู่กับเค้าไงคะ”

“มารยาท นี่คงร้องขอให้รับผิดชอบสินะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม