ธีร์มอบหมายให้หลานชายคนเดียวของเขาดูแลงานออกแบบตกแต่งบาร์เหล้ากินนรีตามที่ชอบใจ โดยเขาไม่คัดค้านเลยซักนิด ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ร้อนแรงสีแดงเพลิง หรือเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงที่ต้องสั่งมาจากต่างประเทศ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพอใจของธัญญ์ แต่มีข้อแม้คือธัญญ์จะต้องยอมให้พิยะตาเป็นผู้ร่วมตัดสินใจด้วยเพราะเธอกำลังจะได้เป็นเจ้าของบาร์กินนรีอีกคนหนึ่ง เมื่อคนหนุ่มรับรู้ความต้องการของอา เขาก็แสดงท่าทีไม่พอใจจนธีร์กังวล แต่ลึกๆ ผ่านในใจเขาเต้นราวกับลิงโลดยิ่งได้ใกล้ชิดคนสวย ธัญญ์ก็ออกอาการควบคุมตัวเองไม่อยู่เขาต้องคอยตามติดหาโอกาสใกล้ชิดเธอตลอดเวลา
“นี่คุณธัญญ์ ฉันไม่ชอบสีแดงแบบนี้ เอาสีดำดีกว่า” เสียงใสแหววขึ้นเมื่อชายหนุ่มเปิดดูแบบโซฟาที่เตรียมไว้สำหรับต้อนรับลูกค้า
“สีดำมันทึบไป ไม่สวย ไม่เข้ากับผนังร้าน”
“ฉันไม่ชอบสีแดง”
“ก็บอกแล้วไงมันเป็นสีที่ลงตัวที่สุดแล้ว”
“โอ๊ย มันแสบตา นี่มันบาร์เหล้านะไม่ใช่บาร์โฮส” ชายหนุ่มมองด้วยสายตาเฉือดเฉือน คนสาวก็มองตอบโต้ไม่ลดละเช่นกัน
“ผมคิดว่าจะทำบาร์โฮสอยู่พอดี เผื่อจะมีคุณพิตต้าเป็นลูกค้าประจำ”
“ว๊าย อีตาบ้า พูดออกมาได้ คนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องใช้บริการจากหนุ่มๆ พวกนั้นหรอก เพราะบรรดาหนุ่มๆ ที่เข้ามารุมล้อมก็มากเสียจนเลือกไม่ถูกแล้ว”
“หรือคุณจะเลือกผมแทนล่ะ” ชายหนุ่มยื่นหน้ามาใกล้แล้วกระซิบเสียงแผ่วเบาจนหญิงสาวต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สายตาแทะโลมที่มองมาชวนให้เธออยากจะเอานิ้วเรียวๆ ทิ่มนัก
“ไม่มีทาง คนอย่างคุณก็ได้แค่ฝัน”
“ถึงจะฝัน ผมก็คิดว่าคงไม่ฝันค้างหรอกมั้ง เพราะคุณพิตต้าตอบสนองทุกที” ธัญญ์ยียวนให้คนสาวโวยวาย
“อีตาบ้า...พูดออกมาได้ฉันไม่พิศสวาทคุณซะหน่อย”
“อ้าวแล้วที่ทำตาหยาดเหยิ้มเวลามองผมล่ะ”
“เคยที่ไหน อย่ามามั่วนะ” แก้มเนียนแดงระเรื่อ ชายหนุ่มเล่มต่อล้อกับเธอในเรื่องที่น่าอายขนาดนี้
“ไม่ได้มั่วนะ...ดูสิตาคุณตอนนี้มันบอกว่าต้องการผม” เรียวปากบางขยับกรีดร้อง เมื่อเขากวนประสาทให้เธอต้องหัวเสีย สายตาแทะโลมนั้นก็ไม่ลดละเขามองจนแทบจะกลืนเธอเข้าไปทั้งตัว
“ไม่รู้ล่ะฉันไม่อยากคุยกับคุณ...เอาเป็นว่าฉันจะเอาสีดำ สีดำ เท่านั้น” พูดจบหญิงสาวก็สะบัดหน้าเดินไปดูมุมอื่นของบาร์ อันที่จริงเธอเลี่ยงมาเพื่อทำใจให้หายวูบวาบต่างหาก
“เดี๋ยวสิคุณ ตกลงสนใจหรือเปล่าครับ นี่ผมอุตส่าห์เสนอตัวให้แล้วนะ กันเองไม่คิดเงินหรอก”
“ไม่สน”
“โถ่ ไม่ต้องเขินหรอกคุณ” ชายหนุ่มเดินตามไปยั่วโมโหคนสาว
“ฉันไม่ได้เขิน แต่ไม่ต้องการผู้ชายห่วยๆ อย่างคุณ” เสียงจัดจ้านโต้เถียงไม่หยุด
“นิดหนึ่งนะ แค่หายคิดถึงก็พอ” คำที่ได้ยินทำเอาหน้าเนียนแดงระเรื่อ ชายหนุ่มเจ้าอารมณ์ปากร้ายหลุดบอกเธอว่คิดถึง หญิงสาวแอบดีใจเล็กๆ แต่ต้องทำเป็นไม่ใส่ใจคิดว่าคำพูดนั้นเขาแค่พูดเล่นหยอกล้อเธอเฉยๆ
“ไม่...หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะคุณธัญญ์ ถ้าขืนก้าวมาอีกนิดเดียวฉันรับรองว่าคุณจะต้องเจ็บแน่” ยิ่งห้ามก็เหมือนเรียกร้องให้เขาเข้าไปใกล้ร่างสวย ชายหนุ่มยิ้มมุมปากก่อนจะเข้าประชิดตัวหญิงสาว
“ว๊าย ออกไปนะ”
“อึก” หญิงสาวพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้ล้อเล่นด้วยการยกเข่ากระแทกใจกลางความเป็นชายจนเขาร้องลั่นงอตัวอย่างเจ็บปวด
“โอ๊ยๆ นี่คุณเล่นบ้าอะไรเนี่ย ถ้าธัญญ์จูเนียร์เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
“สมน้ำหน้าฉันเตือนคุณแล้วไม่เชื่อเอง สูญพันธุ์ไปเลย แบร่” พิยะตาแลบลิ้นล้อเลียนใบหน้าเหยเก จนเขานึกหมั่นไส้ คว้าข้อมือเรียวดึงร่างสาวให้เข้ามาแนบชิด ปากเรียวสัมผัสปากหนาเมื่อตัวเธอทาบทับตัวเขา แขนแข็งแรงโอบรัดรอบเอวบางแน่น ชายหนุ่มเริ่มเม้มปากบางก่อนที่หญิงสาวจะโวยวายออกมา
“อืม” มือบางดันตัวเองให้หลุดจากตัวเขา
“คุณมันคนฉวยโอกาส”
“เปล่าซะหน่อย มันเป็นความต้องการของคุณด้วยนะ”
“เอ๊ะ คุณ”
“ก็ไม่เห็นจะขัดขืนเลย...หรือว่าไม่จริง” ใบหน้าสาวแดงระเรื่อ เป็นจริงอย่างที่เขาว่า เมื่อครู่เธอยอมให้เขาพรมจูบง่ายดาย แต่พอมองใบหน้ายียวนกวนอารมณ์ของคนหาเรื่องหญิงสาวก็นึกสนุกอยากจะแกล้งเขาให้คลั่งเล่นๆ เธอเดินเข้าไปประชิดร่างกำยำโดยไม่ต้องฉุดดึงอีก มือเรียวลูบไล้ใบหน้าคมเข้ม เธอลู่หลังมือที่นุ่มใต้คางที่มีเคราเล็กน้อย เสียงกลืนน้ำอึกใหญ่ทำให้คนสาวยิ้มพอใจ มือบางเลื่อนไล้แผ่นอกกว้างผ่านเสื้อเชิ้ตราคาแพง กลิ่นไอฟีโลโมนพวยพุ่งออกจากร่างกายเขาจนเธอสัมผัสความหื่นกระหายได้
สายตากลมมองจิกเรียวปากหนาที่แห้งผาด ก่อนที่จะโน้มเข้าไปพรมจูบขบเม้มปากนั้นอย่างนุ่มนวล หญิงสาวจูบแก้มสากลำคอแข็ง ก้อนแข็งบริเวณลำคอเคลื่อนไหวจากการกลืนความสะท้านเข้าไปอึกใหญ่ ปากบางเม้มเบาที่ติ่งหูของเขา หญิงสาวเบียดร่างกายแนบตัวเขาอย่างลืมตัว มือหนาเริ่มกอดรัดเอวบางลูบคลึงสะโพกกลมที่ปลุกเร้าอารมณ์เขา หญิงสาวค่อยๆ ดันตัวเองออกห่างจากเขา เธอมองใบหน้าแดงก่ำที่ร้อนวาบเพราะเลือดในร่างกายกำลังสูบฉีดแล้วก็เผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ทำเอาคนหนุ่มขมวดคิ้วชนกันอย่างสงสัยว่าเธอกำลังเล่นอะไรอยู่
“เอาเป็นว่าช่วยจัดการเรื่องโซฟาสีดำให้ด้วยนะคะคุณธัญญ์...พอดีพิตต้ามีนัดกับเพื่อนน่ะค่ะ บ๊ายบาย” พูดจบหญิงสาวก็รีบเดินออกห่างจากเขาทันที ทิ้งให้ชายหนุ่มอึ้งไปชั่วขณะเธอเล่นมายั่วยวนให้เขาเคลิบเคลิ้มแล้วก็ปล่อยให้เขาค้างอยู่กลางอากาศแบบนี้ ยิ่งนึกเขาก็ทั้งโกรธเกรี้ยวและก็นึกขำตัวเองที่เจอฤทธิ์ของแม่สาวดริ๊งค์เข้าแล้ว เธอทำให้เขาลืมไม่ลงจริงๆ ร่างบางเดินออกไปตั้งไกล แต่กลิ่นไอความหอมยังคงติดอยู่ที่ปากและปลายจมูกอยู่เลย ธัญญ์ส่ายหน้ายิ้มอย่างคนยอมแพ้ในความเจ้าเล่ห์ของเธอ
“ฝากไว้ก่อนเถอะแม่สาวนักล่า ฮ่าๆ” นี่เขาเป็นอะไร ผู้หญิงคนเดียวทำให้เขาสามารถโกรธเคืองและโหยหาในเวลาเดียวกันได้ เห็นทีงานนี้เขาต้องหาจุดอ่อนของเธอบ้างแล้ว เผื่อโอกาสหน้าเขาจะเป็นฝ่ายชนะบ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม