“ติ๊ด ติ๊ด”
“ฮัลโหล...ธัญญ์ครับ”
“ธัญญ์ คุณอยู่ที่ไหนคะ” เสียงที่ส่งผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ทำให้คนรับชะงัก ปากหนาเม้มแน่น
“คุณสุ...มีธุระอะไร”
“ทำไมพูดไร้เยื่อใยขนาดนั้นคะ...สุคิดถึงคุณรู้ไหม” น้ำเสียงหวานจนเลี่ยนยังคงออดอ้อน ชายหนุ่มเบ้ปากอย่างสมเพช คนโทรมา
“ว่าธุระของคุณมา ก่อนที่ผมจะวางสาย”
“สุบอกแล้วไงคะ ว่าสุคิดถึงคุณ”
“ไร้สาระน่า”
“มาหาสุได้ไหมคะ...นะคะ แค่ได้เห็นหน้าคุณก็ยังดี” คิ้วหนาขมวดชนกันราวกับเจอปัญหาหนักใจ
“เสร็จแล้วค่ะคุณธัญญ์” พิยะตาส่งเสียงใสก่อนที่ตัวจะพ้นประตูหนา ทำให้คนหนุ่มถือโอกาสตัดสายสุรัตนาทิ้ง
“โฮ นี่คุณแต่งตัวช้ามาก ผมชวนไปดูหนังนะไม่ได้ไปออกเดท”
“แล้วสวยไหมล่ะ” พิยะตาเดินเข้ามาใกล้ร่างกำยำแล้วเกี่ยวแขนเขาแกลมหยอกล้อ
“สวยครับ”
“เต็มใจตอบหรือเปล่าเนี่ย”
“อ้าว ผมไม่โกหกคุณหรอกน่า”
“งั้นเมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับใครคะ” สายตาที่ตกใจหันมองเรียวหน้าสวย แต่เธอกับยิ้มร่าเริง
“ว่าไงคะ...คุณธัญญ์เพิ่งบอกว่าไม่โกหกพิตต้า แล้วทำไมเงียบไป”
“ครับ...ผมคุยกับเพื่อนเก่า” หญิงสาวหุบยิ้มลง เพื่อนเก่าที่เขาเอ่ยถึงคงไม่ใช่เพื่อนชายเป็นแน่ เพราะเขารีบวางสายเมื่อเธอเข้ามา แต่ร่างบางก็ต้องทำเป็นไม่ใส่ใจ
“รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวจะอดดูหนัง”
“โอเคเลย...วันนี้ได้ควงคนสวย หนุ่มๆ คงอิจฉาผมแน่”
“เวอร์ไป”
“จริงๆ เหมือนได้ควงแพนเค้กเลยนะเนี่ย”
“แพนเค้กเหรอ งั้นพิตต้าก็สวยมากสินะ คริคริ” หญิงสาวทำท่าทางเดินล่องลอยชวนฝัน เมื่อชายหนุ่มเยินยอในความสวยของเธอ คนที่เดินตามหลังก็เอาแต่ขำขันแล้วรีบเดินตามไปเปิดประตูรถให้หญิงสาวขึ้นไปนั่ง
รถยนต์คันงามแล่นออกจากคฤหาสน์สินสาโรจน์เกือบชั่วโมงแล้ว การจราจรบนท้องถนนไม่เอื้อต่อการเดินทางเลย เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ความเงียบครอบงำในรถตั้งแต่ทั้งคู่ก้าวเข้าไปนั่ง พิยะตารู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ชายหนุ่มเงียบงันขนาดนี้ จนทำให้เธออึดอัด สายตาสาวแอบชำเลืองมองเขาเป็นระยะ บ่อยครั้งที่เธอเผยอปากจะเอ่ยถามแต่ความกังวลก็รั้งไว้เสมอมันยิ่งทำให้หญิงสาวอึดอัดใจจนต้องสลัดความคิดทุกอย่างเพื่อจะถามให้หายข้องใจ
“นี่คุณ...จะพาไปดูหนังหรือไปนั่งสมาธิกันแน่ เงียบเสียจนพิตต้าจะหลับอยู่แล้ว”
“...” คนถูกถามนิ่งเงียบราวกับไม่ได้ยินที่เธอพูด หญิงสาวเม้มปากอย่างขัดใจ
“คุณธัญญ์...คุณเป็นอะไรคะ” คราวนี้เธอเพิ่มน้ำหนักเสียงมากกว่าเดิม จนชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย
“อะ เอ่อ ก็ไม่รู้จะคุยอะไร”
“งั้นเหรอ...ที่บาร์เป็นยังไงบ้างล่ะ ไม่ได้เข้าไปสองวันแล้ว”
“ไม่มีอะไร ช่างกำลังติดกระจกผนัง แล้วก็ทำเพดานใหม่”
“เลือกสีที่พิตต้าชอบหรือเปล่าคะ”
“คงต้องเอาตามนั้น”
“แหม ไม่เต็มใจจะเปลี่ยนก็ได้” หญิงสาวน้อยใจที่เขาไม่สนใจเธอเลย
“งานใกล้จะเสร็จแล้วจะเปลี่ยนได้ยังไง” นี่ไม่ใช่คำตอบที่เขาอยากจะบอกเธอ ชายหนุ่มนึกตำหนิตัวเองที่ไม่พูดออกไปว่าเขาเต็มทำตามที่หญิงสาวต้องการ
“ของที่สั่งจะมาเมื่อไหร่”
“เรือขนส่งจะเข้าเทียบท่า อีกสองอาทิตย์”
“พิตต้าอยากไปดูของด้วยตัวเองค่ะ”
“อย่าไปเลยงานนี้มันหน้าที่ผม แล้วมันก็ไม่เหมาะกับคุณหรอก”
“พิตต้าไม่ได้บอบบางขนาดนั้นนะ” น้ำเสียงปนความน้อยของหญิงสาว เรียกร้องให้คนขับหันมามองใบหน้าบึ้งตึง เรียวหน้าสาวตอนนี้ช่างน่าเข้าไปสัมผัสเสียจริง ยิ่งเธอสะบัดหน้าหนีเขาก็ยิ่งหน้าขำ ความสดใสน่ารักแบบนี้ที่ชายหนุ่มตราตรึงไว้ในหัวใจตลอดเวลา ส่วนใจดวงเล็กกลับเสียใจเธอคิดไปต่างๆนานาไม่รู้ว่าเสียงหยอกเหย้าขบขันของเขาหายไปไหน หรือเขาจะกลับไปอยู่โหมดอารมณ์เดิม คงจะกลายเป็นนายธัญญ์ปากร้ายที่ชอบดูถูกผู้หญิงอีกแล้ว แค่คิดหญิงสาวก็แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอต้องรีบเบือนหน้าไม่ให้เขาเห็น
“อืม ผมรู้แล้วครับ” น้ำเสียงที่นิ่งเรียบราวกับฝืนพูดคุยของเขาทำให้หญิงสาวอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เธอคิดไปต่างๆ นานา ว่เขาแสร้งทำดีด้วยเพื่อหวังอะไรบางอย่างแน่ๆ แต่อีกใจก็คิดว่าเขามีเรื่องกังวลถึงได้ดูเหม่อลอยขนาดนี้ หญิงสาวลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายสถานะการณ์ที่เป็นอยู่
ถ้าไม่อยากไปดูหนัง...ก็ให้พิตต้าลงตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
“เอ่อ มะ ไม่ใช่นะ ผมเป็นคนชวนคุณเองนี่นาจะทำแบบนั้นได้ยังไง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม