ธีร์กลัดกลุ้มอยู่หลายวันนับตั้งแต่เขาไปพบดนุพร ใจคนหนุ่มอยากจะช่วยเหลือให้หล่อนพ้นทุกข์ แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างดื้อดึงเสียมิได้ ร่างสูงกำยำเดินวนไปมาในห้องทำงาน เสียงถอนหายใจที่ดังราวกับมีอะไรจุกอยู่ในหลอดลม
“ฮัลโหล...มีความคืบหน้าอะไรไหม” ความกังวลทำให้เขาต้องโทรถามสถานการณ์จากลูกน้องที่สั่งให้คอยติดตามดูแล ดนุพรอยู่ห่างๆ
“ไม่มีครับนาย คุณดนุพรไม่ได้ออกไปไหนตลอดทั้งวัน”
“อืม งั้นก็ดูต่อไป ถ้ามีอะไรโทรมาบอกฉันด่วน” คำตอบของลูกน้องทำให้เขาคลายกังวลได้เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น แต่หากพบเจอด้วยตัวเองเขาคงจะเบาใจมากยิ่งขึ้น ธีร์ยกข้อมือหมุนดูเวลาจากนาฬิการาคาแพง เวลาใกล้เข้ามาทุกทีแล้วเขาจะต้องเดินทางไปประชุมด่วนที่ญี่ปุ่น ส่วนงานทางนี้คงต้องมอบหมายให้หลานชายเป็นคนดูแล แต่เหมือนคนที่ไว้ใจจะทำให้ผิดหวังเพราะแค่รักษาเวลาเขายังทำไม่ได้เลย
“อาครับ” ประตูห้องทำงานเปิดออกโดยไร้เสียงเตือน ทำเอาคนในห้องขมวดคิ้วเรียวหนาอย่างตำหนิ
“ขอโทษครับอา...พอดีผมติดธุระ”
“ฉันคิดแล้วว่าแกจะต้องพูดแบบนี้เจ้าธัญญ์”
“ก็มันเรื่องจริงนี่ครับ”
“มันเป็นข้ออ้าง”
“ว่าธุระของอามาดีกว่าครับ”
“ฉันจะไม่อยู่สามวัน...งานทางนี้คงต้องให้แกจัดการ”
“ได้ครับ...อาสั่งมาได้เลย”
“เอกสารทั้งหมดอยู่บนโต๊ะ ฉันให้เลขาเตรียมไว้แล้ว อะไรที่ไม่เหนือบากกว่าแรงแกก็เซ็นต์แทนฉันได้เลย”
“ครับ”
“อ่อ สิ่งสำคัญ อย่ายุ่งกับพิตต้าและหวังว่าในระหว่างที่ฉันไม่อยู่แกคงไม่ไปหาเรื่องหนูพิตต้านะ” คำส่งท้ายของอาทำให้คนหนุ่มหนักใจและหงุดหงิดไม่น้อยที่เขาแสดงท่าทางเป็นห่วงเป็นใยหญิงสาวเกินหน้าเกินตา คำสั่งที่ห้ามยุ่งมันกลับท้าทายให้ธัญญ์อยากจะติดตามใกล้ชิดร่างบางทุกฝีก้าว
“ท่านคะรถพร้อมแล้วค่ะ”
“อย่าขัดคำสั่งฉันนะเจ้าธัญญ์ ไม่อย่างนั้นฉันเอาเรื่องแกแน่ๆ” ก่อนออกจากห้องธีร์ยังหันมาส่งสายตาเตือนคนหนุ่มไม่ให้ทำอะไรในสิ่งที่เขาหวาดหวั่น นิ้วเรียวชี้หน้าย้ำก่อนจะปิดประตูลง
“ห้ามงั้นเหรอ...ผมคงทำตามที่อาสั่งไม่ได้ครับ” ใบหน้าคมเข้มมองไปที่ประตู เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกัดริมฝีปากตัวเอง เมื่อนึกถึงหญิงสาวสวยที่เขาพึ่งจะจากเธอมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง กลิ่นกายหอมกรุ่นยังคงติดตรึงอยู่ในใจ
วันหยุดที่คนอื่นต้องการพักผ่อน แต่สำหรับหญิงสาวที่ทุกวันคือวันว่างจนเกือบจะว่างเปล่านั้นเธอดูหงุดหงิดเบื่อหน่ายเสียจริง พิยะตานั่งเปิดหนังสือนิตยสารฉบับใหม่เอี่ยมที่เจ้าของบ้านจัดหามาให้เธออย่างไม่ใส่ใจ มันไม่ช่วยแก้เหงาได้เลย ยิ่งบรรยากาศรอบกายเงียบราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิต หญิงสาวก็ยิ่งอึดอัดใจมากกว่าเดิม จิตใจหญิงสาวโลดแล่นออกไปไกลเกินกว่าจะเปิดหนังสืออ่านได้
“คิดถึงอาโด่งจังเลย...เป็นยังบ้างไม่รู้” เสียงฝีเท้าที่เบาบางเดินเข้ามาใกล้จนหญิงสาวต้องหันไปมองตามทิศทางของเสียง ร่างหนากำยำที่พยายามย่องให้เบาที่สุดถึงกับเบ้ปากเพราะคนสาวรู้ตัวก่อน
“ทำอะไรของคุณน่ะ”
“ก็จะมาทักทายคนนั่งเหม่อ...เอ กำลังคิดถึงใครอยู่นะ”
“ไม่ใช่คุณซะหน่อย” คำตอบของเธอทำให้ใบหน้าหล่อคมเข้มสลดเล็กน้อย ชายหนุ่มเดินเข้ามาที่โต๊ะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เธอ เขาดึงหนังสือจากมือบางมาเปิดอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนักก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ผมมันไม่มีความหมายอยู่แล้วนี่...เป็นได้แค่ที่ระบายอารมณ์ อยากเมื่อไหร่ก็มา”
“ว๊าย พูดอะไรของคุณเนี่ยน่าเกลียดชะมัด”
“ก็พูดเรื่องจริง ผู้หญิงก็แบบนี้ เบื่อง่ายไม่รู้จักพอ”
“หยุดเลยนะคะคุณธัญญ์ ถ้าจะมาหาเรื่องพิตต้า เชิญคุณกลับไปได้เลย”
“อะไรกัน นี่มันบ้านผมนะ จะให้ผมไปไหน” ชายหนุ่มยังส่งเสียงประชดประชันให้คนสาวหงุดหงิดหัวใจ สายตาหวานขุ่นเขียวหันมองตำหนิเขา
“กวนประสาท” คนสวยย่นจมูกหมั่นไส้
“ใครกันแน่...ผมมาดีนะเนี่ย คุณต่างหากที่ยียวนผมก่อน”
“งั้นพิตต้าไปเองก็ได้ค่ะ” ร่างเพียวบางลุกจากเก้าอี้เหล็กลายดัดที่แข็งแรง หมายจะไปให้พ้นคนยียวนกวนหัวใจเธอ แต่มือหนาก็รีบคว้าข้อมือบางเอาไว้ก่อนที่เธอจะทันก้าวขาเดิน
“จะมาจับพิตต้าไว้ทำไมคะ” เสียงหวานประชดประชันเขาบาง สายตาคู่เดิมค้อนตวัดจนชายหนุ่มอดที่จะยิ้มอย่างเอ็นดูความน่ารักของเธอไม่ได้
“ผมล้อเล่นนะ...ดีกันนะครับ นะครับพิตต้าคนสวย” ธัญญ์ออกแรงออดอ้อนเสียงอ่อนหวานจนแก้มเนียนใสแดงระเรื่อ ดวงตากลมแอบชำเลืองมองใบหน้าทะเล้นแล้วต้องยิ้มออกมา
“ชิส์ ไม่ต้องมาโกหกพิตต้าหรอก”
“ป่าวซะหน่อย...ถ้าไม่สวย ไม่น่ารัก ผมจะหลงคุณเหรอครับ”
“ไม่ต้องพูดเลยค่ะ...พิตต้าไม่บ้ายอซะหน่อย” เรียวปากบางอมยิ้มเล็กน้อย พอให้รู้ว่าเธอกำลังเขินอาย
“นั่นไงยิ้มแล้ว...นั่งก่อนนะ อย่าเพิ่งหนีผมไปไหน”
“ไม่อยากอยู่ใกล้คุณหรอก”
“กลัวผมเหรอ หรือว่ากลัวใจตัวเองจะอ่อนไหวเวลาอยู่ใกล้ผม” มือบางทุบที่อกเขาอย่างเขินอาย
“ก็ได้ค่ะ...ทีนี้คุณก็บอกมาว่ามีธุระอะไรกับพิตต้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม