สุรัตนาเดินวนเวียนจดจ่ออยู่หน้าโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด ฟันซี่คมกัดแคะเล็บมืออย่างกังวลใจ เธอไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าจะทำเรื่องเลวร้ายที่ตกลงกับวราวุฒิได้สำเร็จ หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์สีเข้มขึ้นมากดข้อความไม่กี่ตัวอักษรพร้อมส่งไปยังที่หมาย เมื่อมีเสียงเตือนการส่งสำเร็จเธอก็ลดตัวลงนั่งที่โซฟาทรงกลมสีเบตอย่างโล่งใจ พลางนึกถึงสิ่งตอบแทนที่เธอจะได้รับจากวราวุฒิ หญิงสาวก็ฉีกยิ้มดีใจ
“อีกไม่นานฉันก็จะไปจากที่นี่ ฮึๆ” ดวงตาอาฆาตมองแก้วใสที่บรรจุเครื่องดื่มสีเหลืองอำพัน เธอแสยะยิ้มอย่างสะใจเมื่อนึกถึงความเสียใจของคนอื่น
“ช่วยไม่ได้นะธัญญ์ คุณปฏิเสธสุ อย่างไม่ใยดีเลย อโหสิให้ฉันด้วยนะนังหนูพิตต้า”
โทรศัพท์เครื่องเล็กกะทัดรัดส่งเสียงเตือนข้อความเข้า เจ้าของโทรศัพท์เอื้อมหยิบอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก เบอร์ที่ส่งมานั้นไม่คุ้นเอาเสียเลย แต่หญิงสาวก็ต้องกดดูข้อความนั้น ดวงตาที่แต่งแต้มสีสันสวยงามเลื่อนมองข้อความซ้ำไปมาอยู่หลายรอบเพื่อความแน่ใจ แผงขนตาที่ยาวงอนรับดวงตากลมโตขยับกระพริบขึ้นลงราวกับพบเจอเรื่องที่ตื่นเต้น
‘ออกมาพบผมเป็นครั้งสุดท้าย ที่บันไดหนีไฟ รัก ธัญญ์’
เมื่อพิจารณาความหมายของข้อความและคำลงท้ายพร้อมชื่อที่ลงกำกับ แล้วหัวใจหญิงสาวก็เหมือนลิงโลด เธอตื่นเต้นดีใจที่จะได้เจอหน้าของชายหนุ่มก่อนเข้าพิธีวิวาห์ ถึงจะไม่มั่นใจว่าถ้าพบเจอเขาแล้ว เธอจะรู้สึกอย่างไรก็ตามหัวใจดวงเล็กก็ยังอยากจะออกไปพบเจอ โทรศัพท์เครื่องถูกกุมเอาไว้แนบอกสาว พิยะตแอบคิดในใจหากเขาทำเหมือนในละครพาเธอหนีไปเสียให้พ้นเรื่องหนักใจเธอจะยินดียอมทำตามทุกอย่าง
“ใครส่งข้อความมาเหรอจ๊ะ” ดนุพรเดินอ้อมมาด้านหลัง ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบกดปิดโทรศัพท์มือถือ
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“ไหนให้อาดูซิ...แต่งหน้าจืดไปหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่นะคะ พิตต้าว่ามันเข้มแล้วล่ะคะ”
“ไหนดูอีกข้างสิ” ดนุพรดูกังวลกว่าเจ้าสาวมาก
“ไม่ซีดหรอกค่ะอาโด่ง”
“จริงเหรอ...งั้นเติมลิปสติกหน่อยแล้วกันนะ ชุดก็สวย คนก็สวย หลานอาสวยที่สุดเลยรู้ไหม” พิยะตาก้มมองชุดเจ้าสาวที่เธอสวมใส่ สีขาวสะอาดตาบางเบาตกแต่งด้วยลูกไม้เล็กๆ ตามที่หญิงสาวเลือกสวยมากในความคิดของเธอ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าคนตรงหน้าเป็นคนสวมใส่ เธอมองชุดสวยสลับกับใบหน้าของดนุพร
“มีอะไรจ๊ะ”
“ชุดสวยๆ น่าจะเป็นอานะคะที่ได้สวมใส่”
“ลุกขึ้นแล้วหมุนตัวให้อาดูหน่อยสิ” หญิงสาวค่อยๆ ลุกเธอลังเลที่จะหมุนร่างกายให้ดนุพรได้ชื่นชม
“อืม สะ สวยมากจริง ฮือ” หล่อนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ปล่อยโฮออกมาต่อหน้าหลานสาวคนสวย
“อาโด่งคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ อาแค่ตื้อตันใจเท่านั้นเอง หลานสาวแต่งงานทั้งที จะไม่ดีใจได้ยังไง” นิ้วเรียวปาดน้ำตาบนใบหน้าเนียน สีหน้าเธอสลดเศร้าลงทันที หญิงสาวรู้ว่าหัวใจของดนุพรคงจะสั่นไหวเสียใจไม่ต่างจากเธอในตอนนี้ แต่ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้หมดแล้ว อีกไม่กี่นาทีเธอก็จะเข้าพิธีแต่งงานกับผู้มีพระคุณอีกคน
“ไม่เป็นไรจริงๆ อาดีใจมากไปหน่อย สวยจริงๆ หลานรักของอา”
“พิตต้า...อยากให้อาบอกว่าอาเปลี่ยนใจแล้ว”
“ไม่จ้ะ อาไม่เปลี่ยนใจ อาเชื่อว่าหนูจะมีความสุขที่ได้อยู่กับคนดีๆ อย่างคุณธีร์ ฮือๆ”
“อย่าร้องไห้ค่ะอา พิตต้ารู้ว่าอาโด่งรักคุณธีร์มากแค่ไหน ฮือ พิตต้าเสียใจที่เรื่องราวมันต้องจบลงแบบนี้นะคะอา”
“ไม่เป็นไรหรอกพิตต้า อาผิดเองถ้าอาไม่เห็นแก่ตัว ไม่ผลักไสหนูให้ไปแต่งงานแทน เรื่องบ้าๆ แบบนี้มันคงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ” หยดน้ำตาของพิยะตาไหลอาบแก้มเนียน
“ไม่เอาแล้ว หยุดร้องไห้เถอะ วันนี้วันมงคลแท้ๆ”
“อาจะทนได้เหรอคะ ที่ไม่ได้อยู่กับคนที่รักแถมยังต้องเห็นหน้ากันทุกวันด้วย”
“ได้สิ อาทำใจได้แล้วล่ะจ้ะ”
“แต่หนูทำไม่ได้”
“พิตต้า...หนูจะบอกอะไรอา บอกมาสิจ๊ะ”
“ไม่มีอะไรค่ะ อีกไม่กี่นาทีพิตต้าก็จะแต่งงานแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะบอกความในใจ” พิยะตาพูดแผ่วเบาเสียจนคนฟังหดหู่ใจ
“เราทั้งคู่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ”
“นั่นสิคะ...อาคะ เดี๋ยวพิตต้ามานะคะ”
“จะไปไหนล่ะ ใกล้ถึงเวลาแล้วนะจ๊ะ”
“ไปสูดอากาศนิดหน่อยค่ะ ตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม