ทัณฑ์นางโลม นิยาย บท 46

อาการป่วยของธัญญ์ดีขึ้นเรื่อยๆ คงเพราะนางพยาบาลสาวจำเป็นที่คอยดูแลอยู่เคียงข้างเขาไม่ห่างตัว ชายหนุ่มปลาบปลื้มใจอย่างมากที่คนสวยเอาอกเอาสาระพัด นี่ก็กว่าสัปดาห์แล้ว สายตาของเขามองเห็นในระยะใกล้ได้ไม่ผิดเพี้ยน เหลือแต่ไกลออกไปมันยังพร่ามัว

“คุณธัญญ์”

“ว่ายังไงครับที่รัก”

“เป็นยังไงคะ...ไม่ปวดหัวแล้วใช่ไหม”

“ครับ มองเห็นชัดขึ้น แต่ยังมีอาการแสบตา เคืองตาบ้าง”

“อย่ารีบเร่งนะคะค่อยๆ มองเดี๋ยวจะปวดอีก”

“ผมไม่ได้มองอะไรเลยนะ นอกจากคุณ” คำหวานทำให้แก้มสีขาวนวลแดงระเรื่อ หญิงสาวเอียงอายไม่กล้าหันสบตา หัวใจที่เต้นปกติกลับรัวสั่นราวกับตื่นเต้น

“มาหยอดพิตต้าแต่เช้าแบบ สงสัยจะมีอะไรลัลลมคมนัยแน่ๆ” ชายหนุ่มรีบหลบหน้าเบี่ยงไปอีกทางเมื่อรู้ว่าหญิงสาวอาจจะรู้ทันความคิดเขา

“ปะ เปล่านะ ใครจะกล้ามีความลับอะไรกับคุณพิตต้าเจ้าแม่บาร์คนสวยได้ล่ะ”

“ว๊าย ดูสิมีเรียกพิตต้าว่าเจ้าแม่บาร์...ประสบการณ์น้อยอย่างพิตต้าเป็นเจ้าแม่ไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มดึงร่างบางเข้ามาหา เขาพิจารณาดวงหน้าเรียวที่สวยหวานก่อนจะประทับรอยจูบแผ่วที่ไรผมหอมกรุ่น

“คุณธัญญ์ ไม่สบายใจเหรอคะ”

“ผมคงไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่กับคุณแบบนี้อีกแล้วใช่ไหม”

“อย่าพูดถึงมันเลยค่ะ...พิตต้าจะดูแลคุณจนกว่าจะหาย และจะไม่ยียวนชวนทะเลาะเด็ดขาด” ธัญญ์โอบกอดคนที่เขารักอย่างโหยหา เขาไม่อยากให้เธอต้องแต่งงานกับธีร์เลยจริงๆ แต่มันคงไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้ธีร์ยอมเปลี่ยนใจ ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ

“เอ เสือร้ายเจ้าอารมณ์คนเดิมหายไปไหนแล้วนะ...เห็นมีแต่แมวเชื่องๆ ออดอ้อนขอขนม”

“อ้าว นี่ผมเป็นแมวไปแล้วเหรอ...ก็ได้จะออดอ้อนขอความรักแทนขนมดูสิว่าคุณจะมีให้ผมบ้างไหม”

“ความรักหรือคะ พิตต้าไม่มีความรักให้ใครหรอก เพราะพิตต้าให้ผู้ชายคนหนึ่งไปแล้ว”

“ให้ใครไป นี่คุณไปรักใครเข้าแล้วเหรอ” เสียงฉุนเฉียวดังขึ้นอย่างขัดใจ ใบหน้าคนหนุ่มบูดบึ้งทันที

“นั่นไงโวยวายอีกตามเคย แบบนี้พิตต้าเอาหัวใจคืนมาดีกว่า” หญิงสาวสะบัดสายตาค้อนใส่เขา แล้วหันไปอีกทาง ส่วนชายหนุ่มเมื่อไตร่ตรองคำพูดของเธอแล้วเขาก็ต้องคลี่รอยยิ้มออกจนสุดปาก

“คุณรักผมเหรอพิตต้า...ใช่ไหมครับคนดี” น้ำเสียงดีใจทำให้หญิงสาวแอบอมยิ้ม ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสีหน้าบึ้งตึงแล้วหันกลับไปเง้างอนเขา

“เปล่าค่ะ...ตอนนี้ไม่รักแล้วค่ะ”

“โธ่ๆ ยาหยีของผม รักกันนะครับ นะครับคนดี” เขาออดอ้อนเสียงอ่อนเสียงจนเธอเคลิ้มตามในที่สุด

“ไม่ต้องมาอ้อนเลยนะคะ”

“อ้อนคนสวยหน่อยจะเป็นไร”

“แหวะ...เลี่ยน”

“ฮ่าๆ ไม่ชอบเหรอ ผมรักคุณนะครับพิตต้า” แก้มแดงเด่นร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ จนหญิงสาวคิดว่าใบหน้าของเธอคงบวมเปล่งราวกับผลไม้สุกที่กำลังจะแตก

“บ้า”

“รักก็บ้า ไม่รักก็บ้า ผมยอมเป็นคนบ้าที่รักคุณ” นิ้วยาวบิดเนื้อแขนของคนทะเล้นแก้เก้อเขิน

“โอ๊ย ซู้ด เจ็บนะคะที่รัก”

“หยุดเรียกพิตต้าแบบนั้นสิคะ”

“ไม่เอาผมอยากเรียกคุณว่าที่รัก”

“ไม่ค่ะ...พิตต้า อะ เอ่อ เขินนะ” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม เขาเชยคางสวยเข้ารูปขึ้นมามองด้วยสายตาหวานซึ้ง

“รู้ไหมเวลาที่คุณเขิน คุณน่ารักมาก แต่เวลาที่คุณอาละวาดคุณเซ็กซี่จนผมห้ามใจไม่ไหว” คนทิ้งท้ายประโยคเสียงแหบพร่า ดวงตากลมเบิกกว้าง หญิงสาวอึ้งกับพูดของเขา ชายหนุ่มกำลังเล้าโลมความรู้สึกของเธออยู่ใช่ไหม หญิงสาวคิดในใจ

“อี๋ อีตาบ้าลามก” มือเรียวฟาดที่แขนหนาหลายครั้ง คนถูกทำร้ายก็วิ่งหลบมุมนั้นบ้างมุมนี้บ้างไม่ยอมให้แม่เสือสาวทำร้ายได้ง่ายๆ

“อย่าหนีนะคะ...มาให้ตีซะดีๆ เอาใหญ่แล้วพูดจาแบบนี้กับพิตต้าได้ยังไง”

“โธ่ที่รัก ก็มันจริงนี่นา ทั้งสวยเซ็กซี่แถมยังเร้าใจอีกต่างหาก”

“อ๊าย หยุดพูดนะคะ” มือเรียวสะบัดอยู่ในอากาศ ชายหนุ่มหลบได้ไวกว่าที่เธอคิด ธัญญ์วิ่งหนีจนรอบบ้านเสียงเขาหัวเราะชอบใจดังทั่วทั้งบริเวณ แต่ไม่อาจกลบเสียงเอ็ดตะโรโวยวายของหญิงสาวได้

“พลั่ก” ร่างกำยำเสียงหลักชนกับใครบางคนที่ยืนนิ่ง หญิงสาวเห็นใบหน้าเคร่งขรึมดุดันแล้วต้องกลืนน้ำลายอย่างหวาดกลัว

“คุณธีร์” เสียงสั่นเรียกชื่อคนหน้าดุ ก่อนที่จะเข้าไปพยุงร่างกำยำนั้นขึ้นยืน

“อาธีร์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ชายหนุ่มถามแก้เก้อออกไปเท่านั้น เขาไม่ต้องการรู้จริงๆ หรอกว่าธีร์เข้ามานานแค่ไหนแล้ว แต่ที่อยากรู้คือธีร์เห็นเขากับพิยะตาหยอกล้อกันหรือเปล่า ถึงจะไม่ต้องการให้ทั้งคู่แต่งงานกันเขาก็ไม่อาจจะทำร้ายจิตใจของอาแท้ได้ลงคอ

“นานพอที่จะเห็นว่าแกทำอะไรลงไปบ้าง” ธัญญ์อ้าปากจะโต้แย้ง ร่างเพียวของดนุพรก็เดินเข้ามาขัดเสียก่อน

“หายดีแล้วเหรอคะคุณธัญญ์”

“อะเอ่อ ค่อยยังชั่วแล้วครับ”

“อืม ดูหน้าตาแจ่มใสขึ้นนะคะ...อ้าวยายพิตต้า ดูแลคุณธัญญ์ดีหรือเปล่าลูก”

“ค่ะอาโด่ง” หญิงสาวตอบกล้าๆ กลัว

“ธัญญ์เข้าไปคุยกับอาข้างในหน่อย” ชายหนุ่มหน้าถอดสี เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเล็กน้อย เขาหันมองหน้าสวยอย่างห่วงใย เธอก็รู้สึกไม่ต่างจากเขาเลย สายตาโหยหาที่ทั้งคู่ส่งให้กันอยู่ในการจับจ้องของธีร์ทุกอย่าง เขาขบกรามแน่นแล้วเดินนำเข้าไปในห้องนอนของหลานชาย

“อาโด่งคะ” พิยะตาโผเข้ากอดร่างสูงกว่าราวกับหาที่พึงพิง

“ไม่มีอะไรหรอกพิตต้า ใจเย็นๆ นะลูก”

“อะโด่งขา พิตต้าขอโทษค่ะ” ดนุพรลูบศีรษะปลอบประโลม หล่อนเองก็ไม่ได้โกรธเคืองกับสิ่งที่หลานสาวแม้แต่น้อย กลับเห็นใจเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่ความคิดโง่ๆ ที่ต้องการให้ธีร์เลิกสนใจหล่อน พิยะตาคงไม่ต้องมาทุกข์ทรมานใจอย่างนี้

“ไม่เป็นไร อาไม่ถือโทษโกรธหนูหรอก...อาเองต่างหากที่ต้องขอโทษ”

“ฮือๆ พิตต้าจะทำยังไงต่อดีค่ะ คุณธีร์ต้องโกรธมากแน่ๆ เลย” สีกังวลของดนุพรไม่ต่างจากหลานสาวเลย หล่อนไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะทำอะไรกับหนุ่มสาวคู่นี้

“อาก็ไม่รู้เหมือนกัน อาไม่ดีเองเห็นแก่ตัวมากเกินไป”

“ไม่ค่ะ...อาไม่ผิดหรอก พิตต้าเป็นหลานต้องตอบแทนพระคุณของผู้เลี้ยงดูสิคะ”

“มันเป็นสิ่งที่ผิดพลาดของอาเอง...อาขอโทษนะพิตต้า” สองอาหลานโอบกอดรร่ำไห้เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความรู้สึกผิดทำให้ดนุพรต้องคิดหาทางออกที่ดีให้กับหลานสาวคนสวยของหล่อน หยาดน้ำตาที่หญิงสาวปลดปล่อยออกมาช่างบาดหัวใจหล่อนยิ่งนัก เสียงสะอื้นจนตัวสั่นเร้าให้ร่างเพียวปวดร้าวทรมานไม่ต่างกัน ความทุกข์ของหญิงสาวในครั้งนี้ทำให้เธอเจ็บปวดทรมานมากเพียงใด คนห่วงใยรับรู้ได้แล้วหล่อนโอบกอดร่างเล็กๆ เอาไว้แน่นพร้อมพร่ำคำขอโทษต่างๆ นานา

“ทำตามที่ฉันบอกซะ แล้วทุกอย่างจะจบลงด้วยดี”

“อาแน่ใจได้ยังไงครับ ว่าปัญหาทั้งหมดจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้”

“ยังมีอะไรต้องกังวลอีกล่ะ”

“ผมไม่แน่ใจ” น้ำเสียงของธัญญ์บ่งบอกว่าเขากังวลกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ถึงจะคาดเดาไม่ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่ความหวิวหวั่นในหัวใจมันก็เป็นลางบอกเหตุที่แม่นยำ

“เอาน่า อะไรจะเกิดก็ปล่อยมันไป ฉันคงไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะ”

“ครับอา ผมคงคิดมากเกนไป”

“อืม ออกไปแล้วก็ทำตัวให้ปกติ อย่าให้พิตต้าสงสัย”

“ทำไมไม่บอกให้พิตต้ารู้ล่ะครับอา”

“แกไม่อยากพิสูจน์อะไรบ้างเหรอ”

“หมายความว่า” ธัญญ์ไม่พูดให้จบประโยค เขาเข้าใจความหมายที่ธีร์พูดแล้ว รอยยิ้มมีความหวังผุดขึ้นที่เรียวปากหยักหนา สายตาที่มองออกไปมีความเป็นประกายโชติช่วง

“เอาล่ะ ที่ผ่านมาฉันผิดเอง ตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ ต่อจากนี้ไปฉันจะดูแลพิตต้าให้ดีกว่านี้ หวังว่าแกคงจะไม่ขัดขวางนะ” ร่างบางเดินมาหยุดอยู่หน้าประตู หญิงสาวยืนนิ่งรับฟังคำพูดที่แว่วออกมาจากห้องพัก มือเรียวสั่นกระตุกหยาดน้ำตาที่เพิ่งแห้งหายเกือบจะไหลรินออกมาอีกครั้ง

“อ้าวพิตต้า”

“อะ เอ่อ อาหารกลางวันพร้อมแล้วค่ะ เชิญคุณธีร์กับคุณธัญญ์ทานอาหารได้แล้วนะคะ” เสียงที่ถูกสะกดความสั่นไหวเอาไว้พยายามแสร้งตอบให้เป็นปกติที่สุด

“อืม ก็ดี ฉันหิวแล้วเหมือนกัน ว่ายังไงเจ้าธัญญ์” หนุ่มใหญ่หันไปขอเสียงสนับสนุนจากหลานชาย

“ครับอา”

“ไปทานข้าวกันกว่า วันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นแล้วล่ะ” ธีร์เดินนำออกไปอย่างคนอารมณ์ดี เขาถกปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลานชายจนได้ความกระจ่างแจ้ง ชายหนุ่มจึงรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

สายตาคู่งามที่เจือคำถามและความเศร้าหมองแอบมองจ้องคนหนุ่มฝั่งตรงกันข้าม เขาเองก็รับรู้ความนัยสายตาคู่นั้นจึงต้องหลบเลี่ยงเบี่ยงเบนไปมองทางอื่น หญิงสาวเม้มเรียวปากบางนั่งเงียบเขี่ยอาหารในจานสีขาวสะอาดอย่างเบื่อหน่าย

“อาหารไม่อร่อยหรือไงพิตต้า” หญิงสาวหยุดการเขี่ยอาหารในจานแล้วเงยหน้ามองคนข้างๆ

“เปล่าค่ะ พิตต้าไม่ค่อยหิว”

“ไม่ได้นะ เราต้องทานเยอะๆ ดูสิผอมหมดแล้วเดี๋ยวใส่ชุดแต่งงานไม่สวยอาไม่รู้ด้วยนะจ๊ะ” สีหน้าเศร้าหมองเจือบนหน้าสวยอีกครั้ง เธอไม่อยากนึกถึงงานแต่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่วัน

“ค่ะ”

“ไม่เอาน่า อาหารดีๆ ทั้งนั้น เอานี่ทานกุ้งสิตัวโตน่าทานเชียว” ธีร์ตักกุ้งตัวใหญ่ใส่จานให้พิยะตา หญิงสาวก้มศีรษะเป็นการขอบคุณก่อนจะค่อยๆ ตักเข้าปากกว่าเธอจะกลืนอาหารลงไปได้มันแสนยากเย็น อาการฝืดในลำคอต่อต้านอาหารที่เธอทานเข้าไป

“คืนนี้เราจะค้างที่นี่เป็นคืนสุดท้าย รุ่งเช้าต้องกลับกรุงเทพรถจะได้ไม่ติด”

“ทำไมกลับเร็วนักล่ะคะ...คุณธัญญ์ยังไม่หายดีเลย”

“กลับไปพักที่บ้านเราต่อแล้วกันเจ้าธัญญ์ งานใหญ่รออยู่ ฉันไม่อยากให้มันฉุกละหุก”

“สำหรับผมยังไงก็ได้ครับอา ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”เรียบทุ้มตอบเรียบๆ

“อืม ไม่มีใครมีปัญหาอะไรแล้วก็ไปพักผ่อนกันได้แล้วล่ะ” พิยะตารอคำนี้มานานแล้ว หญิงสาวรีบลุกออกจากโต๊ะอาหารกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปในห้องพัก สายตาคู่ดำขลับมองตามอย่างเป็นห่วงแต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้

“โธ่หลานอา” ดนุพรสบถเบาๆ กับตัวเอง ร่างกำยำลุกพรวดจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วเดินออกไปอีกด้านหนึ่งทันทีดูเหมือนเขาจะไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย ใบหน้าคมนิ่งเฉยเสียจนดนุพรไหวใจ กลัวว่าเขาจะคิดทำอะไรที่หล่อนหวาดกลัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม