“นี่คุณพาฉันออกมาทำไมฉันยังพูดไม่จบเลยนะ” ภัทราตะโกนถามดังลั่น ไม่อายสายตาของใครต่อใครที่มองมายังเธอกับรังสรรค์ ฝ่ายชายไม่พูดไม่ตอบคำถามใดๆ แม่จอมยุ่ง มือหนายังคงจับข้อมือเล็กแน่น ลากจูงต่อไปจนถึงลานจอดรถ
“ผมจะพาคุณไปส่งบ้าน ขึ้นรถเดี๋ยวนี้” เขาสั่งเสียงเข้ม ปล่อยข้อมือของเธอให้เป็นอิสระ
“ไม่กลับ ไม่ขึ้น แล้วก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าฉันจะทำในสิ่งที่ฉันตั้งใจไว้ให้สำเร็จลุล่วงเสียก่อน” ภัทราค้านเสียงดังไม่แพ้กัน วันนี้เธอจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้วิตโตริโอปล่อยปรางค์เดินไปตามเส้นทางของตัวเอง โดยที่เขาไม่ต้องมาเกี่ยวข้องอีก ไม่ว่าจะเป็นทางไหน
“ผมบอกให้ขึ้นรถ” เขาสั่งอีกครั้ง ระดับของน้ำเสียงเริ่มดังขึ้น
“ไม่ขึ้นยังไงก็ไม่ขึ้น คุณนี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไงหูหนวกเหรอบอกว่าไม่ขึ้นก็ไม่ขึ้นสิ นิสัยของเจ้านายกับลูกน้องเหมือนกันจริงๆ พูดไม่รู้เรื่อง เอาแต่ใจตัวเอง” ภัทรายังคงต่อว่าต่อขานเขาต่อ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด รังสรรค์เกิดความรำคาญจึงคิดวิธีที่จะทำให้ภัทราหยุดพูด
ริมฝีปากหนาทาบทับเรียวปากช่างจ้อของภัทราทันควัน เธอชะงักค้างตะลึงงัน เมื่อความร้อนส่งผ่านมาทางปลายลิ้นหนา แทรกซอนเกี่ยวรัดลิ้นนุ่มของตน กลืนเสียงด่าทอของภัทราหายไปจนหมดสิ่ง ร่างกายเล็กนิ่งทำอะไรไม่ถูก สมองไม่สั่งการ คำพูดที่จะต่อว่ามลายหายไปสิ้น เธอไม่คิดว่าตนเองจะถูกจูบ แล้วถูกจูบในสถานที่เปิดเผยเสียด้วย
วิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่รังสรรค์คิดออก เป็นวิธีที่เขาจะไม่ได้ยินเสียงอันแสบแก้วหูนี้ และดูเหมือนว่าวิธีนี้จะดีเอามากๆ มากขนาดเขาไม่อยากหยุด แต่ก็ต้องหยุดเพราะสถานที่ไม่อำนวย
“ถ้าคุณพูดหรือด่า ผมจะจูบ แล้วถ้าคุณไม่ขึ้นไปบนรถ ผมจะปล้ำโชว์มันตรงนี้แหละ” เขาถอนจูบอย่างแสนเสียดาย พูดเสียงเข้ม สติของภัทรากลับคืนมาทันที ยกฝ่ามือขึ้นสูงหมายจะตบใบหน้าคมหล่อของเขา โทษฐานที่ขโมยจูบแรกไปซึ่งๆ หน้า
“ถ้าคุณตบผมผมปล้ำคุณจริงๆ ไม่เชื่อก็ลองดู บอกให้ขึ้นรถไงจะขึ้นหรือไม่ขึ้น ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ขึ้นได้โชว์หนังสดแน่ หนึ่ง... สอง” เขาไม่นับเพียงอย่างเดียว แต่เขาทำอย่างอื่นด้วย อย่างอื่นที่ว่านั้นคือปลดเข็มขัดและตะขอกางเกง ใบหน้าหวานแดงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งอาย กลัว และโกรธ
“ขึ้นก็ได้” เธอกระแทกเสียงพูด เมื่อคำว่าสามกำลังจะปล่อยออกมา รังสรรค์ยิ้มเมื่อปราบพยศม้าสาวได้สำเร็จ ถ้ามันง่ายอย่างนี้ทำตั้งนานแล้ว
ระหว่างทางที่รังสรรค์ขับรถไปส่งภัทราที่บ้าน หญิงสาวเอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ต่างกับเมื่อสักครู่ใหญ่เป็นอย่างมาก ภัทราเสมองไปด้านนอกรถตลอดเวลา เพราะไม่กล้าสู้หน้าเขาเท่าไหร่นัก เนื่องจากการกระทำแสนวาบหวามที่ลานจอดรถ มันทำให้เธอเขินอายไม่กล้ามองสบตารังสรรค์ ต่างกับรังสรรค์ที่คอยมองดวงหน้างามเป็นระยะ โดยเฉพาะริมฝีปากสีชมพูใสหอมหวานนุ่มละมุน
“จะไม่จูบลาหน่อยเหรอจ๊ะ” รังสรรค์พูดเสียงหวานหยด เมื่อภัทรากำลังจะเปิดประตูรถทันทีที่รถจอดหน้าบ้านของเธอ ไม่แปลกที่เขาจะรู้จักบ้านของภัทรา เป็นเพราะเมื่อก่อนตอนที่ปรางค์รวีคบหากับวิตโตริโอ บ่อยครั้งที่เขาจะทำหน้าที่ไปรับไปส่งสองสาว
“บ้า” ภัทรากระแทกเสียงด่า เดินลงไปจากรถยนต์ทันที โดยไม่หันมามองชายหนุ่มที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ภายในรถ รังสรรค์มองภาพสาวน้อยจอมยุ่งด้วยสายตาเปี่ยมรัก เธอจะรู้หรือไม่ว่าเขาหลงรักเธอมานานมากแค่ไหน รักที่ไม่กล้าเปิดเผย เพราะรู้ดีว่า ภัทราเกลียดชังวิตโตริโอมากแค่ไหน ความเกลียดชังนั้นจึงเผื่อแผ่มายังเขา ด้วยเหตุผลที่รังสรรค์อยากจะเอาหัวโขกนุ่นตาย
“นิสัยเจ้านายกับลูกน้องก็ต้องเหมือนกัน ไม่น่าคบ”
ภัทราเดินตรงไปยังห้องของตัวเองทันทีที่เข้ามาภายในบ้าน นิ้วเรียวสวยจับริมฝีปากของตน รสชาติของจูบที่รังสรรค์มอบให้ ตราตรึงอยู่ในความรู้สึก ซาบซ่านในหัวใจ เธอไม่รู้สึกรังเกียจหรือขยะแขยงสัมผัสของเขาเลย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ
ภัทรายิ้มรับความรู้สึกที่ก่อตัวในหัวใจ เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยบอกให้ใครรับรู้ ความรู้สึกที่ว่าคือ เธอรักเขาตั้งแต่แรกเห็น เป็นผู้ชายที่ทำให้ภัทราตัวสั่นยามสบตา เป็นผู้ชายที่ทำให้เธอประหม่าเมื่อเข้าใกล้
“คนบ้า บ้าๆๆๆ” ภัทราหน้าแดงซ่าน ล้มตัวลงนอนบนที่นอน แต่มือก็ยังลูบริมฝีปากของตนเองไม่หยุด นอนยิ้มกับความสุขที่เบ่งบานในจิตใจ
สายฝนที่ตกลงมา ไม่ได้เป็นอุปสรรคของวิตโตริโอ เขาเดินลงจากรถยนต์ เดินฝ่าสายฝนมาหยุดยืนหน้าบ้านของปรางค์รวี ในมือถือดอกกุหลาบช่อใหญ่ ซึ่งมันอาจจะเป็นช่อดอกไม้ช่อสุดท้ายที่เขาจะมอบให้เธอ
เสียงกดกริ่งดังขึ้นสองสามครั้ง ร่างระหงที่กำลังง่วนอยู่กับการรีดผ้า รีบละมือ ก่อนจะเดินไปยังหน้าบ้าน เพื่อดูว่าใครที่มาหาตนยามวิกาลเช่นนี้
เท้าของปรางค์รวีชะงัก เมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มที่เธอรักสุดหัวใจยืนอยู่หน้าบ้าน ร่างกายของเขาเปียกปอนด้วยเม็ดฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยมีดอกกุหลาบสีโปรดช่อใหญ่ถือแนบอก
“ปรางค์ฉันขอโทษ” เขาพูดเมื่อเธอเดินมาหยุดหน้าประตูรั้วบ้าน ในมือของเธอถือร่มคันใหญ่ กางออกปกป้องสายฝนที่กำลังตกลงมา
“คุณมาทำไม คุณไม่ควรมาที่นี่อีก”
“ฉันมาเป็นครั้งสุดท้าย สุดท้ายจริงๆ ฉันมาเพื่อขอโทษปรางค์ในเรื่องที่ผ่านมา ปรางค์ยกโทษให้ฉันได้ไหม” เขาพูดเสียงนุ่มมาก แม้ว่าสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับเสียงคำรามของท้องฟ้า ดังแทรกเข้ามาทำให้เสียงของเขาแทบจะไม่ได้ยิน แต่สำหรับปรางค์รวีคำพูดเหล่านั้นแทรกซึมเข้าไปในโสตประสาทหูทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์รักอสูรร้าย