บทที่ 8 คนจากสี่สำนักใหญ่ /1
แม้ว่าเมืองลวี่เฟิงจะเป็นเมืองชายแดน ทว่าเป็นที่ตั้งหอประมูลโอสถสำคัญของอาณจักรอู๋ซาง เจ้าของหอแห่งนี้เป็นคนตำหนักเทพอนันต์ และมักนำโอสถชั้นสูงออกมาทำประมูลอยู่หลายครั้งภายในหนึ่งปี การประมูลโอสถระดับสูงครั้งต่อไปจะมีขึ้นในอีกสามวัน ทำให้เวลานี้ในเมืองลวี่เฟิงจึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ
ลานประลองในวันนี้ถูกจัดขึ้น ณ สนามประลองใหญ่ของฝ่ายใน ซึ่งสามารถจุคนได้มากถึงสองหมื่นคน บนเฉลียงใหญ่ของอัฒจันทร์สองด้าน มีธงของสี่สำนักใหญ่แสดงอยู่ ด้านหนึ่งเว้นไว้สำหรับสำนักกระบี่จันทรา ส่วนเฉลียงอีกด้านตระเตรียมที่นั่งพิเศษไว้เช่นกัน ทว่ากลับไม่มีธงหรือสัญลักษณ์ของสำนักใดแสดงไว้
รวี่เยว่มองสนามประลองอย่างตื่นตาตื่นใจ นางประหม่าจนมือเย็นไปหมด
"จวี๋จื่อ เสี่ยวหลาน ข้าตื่นเต้นมากเลยทำอย่างไรดี"
"สูดหายใจลึกๆ เหมือนกับตอนที่นั่งบำเพ็ญรวี่เยว่ เจ้าชนะแน่นอน เชื่อมั่นในตนเองหน่อย เจ้าทำได้" เสี่ยวหลานที่เกาะอยู่บ่าเล็กส่งเสียงให้กำลังสหายของมัน
"ใช่แล้วรวี่เยว่ อย่างที่ท่านอาจารย์ทั้งสองบอกไว้ ในเด็กรุ่นเดียวกันไม่มีใครเอาชนะเจ้าได้แน่นอน" จวี๋จื่อเอาหัวนุ่มนิ่มของมันถูไถกับมือเล็กของเด็กหญิง
ในขณะที่รวี่เยว่กำลังได้รับการปลอบประโลมจากสหายรักของนาง ปรากฏร่างของเด็กชายอายุประมาณสิบสองหนาว ท่าทางเย่อหยิ่งสวมชุดฝ่ายนอกของสำนักกระบี่จันทรา ยืนกอดอกหัวเราะเยาะรวี่เยว่ที่กำลังตื่นเต้นและพูดคุยกับสัตว์เลี้ยง
"พวกเจ้าดูเด็กคนนี้สิ ท่าทางจะเพี้ยนไปแล้วถึงได้คุยกับแมวเป็นตุเป็นตะ สภาพอย่างนี้โดนซัดทีเดียวก็หมอบลงไปกองกับพื้นแล้วมั้ง หรือบางทีนางอาจเป็นปีศาจแมว ถึงพูดจากับแมวรู้เรื่องจนลืมไม่เจียมตัวไป ฮ่าๆๆ"
ลูกน้องอีกสี่คนที่อยู่ด้านหลังพากันส่งเสียงหัวเราะเยาะไปกับเด็กชายปากร้าย
"ฮ่าๆๆๆ เด็กปีศาจแมวพูดคุยกับแมวรู้เรื่อง"
ชุนอิ่งที่โมโหแทนรวี่เยว่ ทำท่าจะลุกขึ้นสั่งสอนเด็กกลุ่มนี้ แต่ถูกแม่นมชุนดึงไว้ เพราะเห็นว่าคุณหนูของตนไม่สนใจเด็กกลุ่มนี้ด้วยซ้ำ
สิ่งที่ดึงความสนใจของรวี่เยว่คือจุดสีแดงขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนท้องฟ้า ทิศทางที่มันมุ่งหน้ามาคือที่ตั้งของสำนักกระบี่จันทรา
เพียงชั่วอึดใจต่อมา ตำแหน่งเหนือสนามประลอง ปรากฏร่างของอินทรีสีแดงเพลิงขนาดมหึมาสามตัว ทำหน้าที่ลากเกี้ยวหลังใหญ่ ลมที่เกิดจากการกระพือปีกของพวกมัน รุนแรงจนทำให้ผมเผ้าและเสื้อผ้าของผู้ชมในสนามปลิวไสว
"ตัวแทนจากสำนักเพลิงจักรพรรดิมาถึงแล้ว" เสียงประกาศก้องจากคนของสำนักกระบี่จันทราดังขึ้น กลุ่มคนในชุดสีแดงจำนวนห้าคน เหินออกมาจากเกี้ยวและไปหยุดอยู่ที่เฉลียง สำหรับสำนักเพลิงจักรพรรดิ
หญิงสาวจากงดงามในชุดสีขาวก้าวไปนั่งยังที่นั่งของตน ปรายมองหญิงสาวในชุดสีแดงก่อนเอ่ยตอบเสียงเบาราวสายลมกระซิบ ทว่าได้ยินกันทั้งลานประลอง
"เจ้าก็อย่าลืมฝึกฝนให้มากขึ้นล่ะ ติดอยู่ที่คอขวดระดับเจี๋ยตันมาสิบกว่าแล้วมิใช่หรือ หั่วหงเหยา หากนานกว่านี้ข้าเกรงว่าเจ้าจะโดนเด็กรุ่นหลังแซงหน้าเอาได้นะ"
คิกๆๆๆ เสียงหัวเราะจากหญิงสาวอีกสองคนของสำนักหงสาจันทราดังขึ้น ประหนึ่งเย้ยหยันหญิงสาวชุดแดง
"เจ้า!!!" หญิงสาวที่ชื่อหั่วหงเหยา ลุกพรวดขึ้นมาจ้องมองอีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"เหยาเอ๋อร์ นั่งลง อย่าเสียมารยาท" บุรษที่มาด้วยกันส่งเสียงห้ามปราม
และแล้วคนจากสำนักอัสนีเทพก็มาถึง ชายหนุ่มสาม หญิงสาวสอง ขี่หลังอาชาอัสนีร่อนลงมานั่งยังเฉลียงเดียวกับคนจากสำนักกระบี่สวรรค์ พวกเขาทักทายกันตามปกติ ไร้ซึ่งการกระทบกระเทียบเหมือนดังเฉลียงฝั่งตรงข้าม
บนเฉลียงของสำนักกระบี่จันทรา ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐาน ใส่ชุดผ้าไหมสีเทาอ่อนอมม่วงก้าวออกมาเพื่อเตรียมเปิดงาน

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทั่วทั้งใต้หล้าข้ายอมสยบเพียงนาง