บทที่ 9 การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ /1
ตั้งแต่เริ่มการประลอง ผู้เข้าแข่งขันถูกคัดกรองจนเหลือเพียงสี่คนสุดท้าย รวี่เยว่ที่ฝ่าฟันอุปสรรค จนเข้ารอบหนึ่งในสี่คนสุดท้ายมาได้อย่างทุลักทุเล… (ตามที่นางต้องการ)
เด็กหญิงกำลังเป็นที่จับตามองของสี่สำนักใหญ่ หากการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ นางสามารถคว้าชัยชนะมาได้ ก็จะกลายเป็นผู้เข้าแข่งขันอิสระคนแรกที่ช่วงชิงตำแหน่งนี้มาจากศิษย์ของสำนักกระบี่จันทรา…
รวี่เยว่ที่วันนี้ใช้พลังไปไม่น้อย พอขึ้นรถม้าได้นางก็ผล็อยหลับเกือบจะทันที
แม่นมชุนและชุนอิ่งมองร่างเล็กด้วยแววตาหลากหลาย ทั้งสงสาร เอ็นดู ชมชื่น ปลาบปลื้ม ภาคภูมิใจ รวมถึงหวาดกลัว พวกนางกลัวเหลือเกินว่าคุณหนูของตนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส คงเป็นเพราะการแข่งขันรอบสุดท้ายของวันนี้ รวี่เยว่ถูกพลังหมัดปฐพีของศิษย์สำนักกระบี่จันทรา กระแทกจนตัวปลิวกลิ้งล้มไปหลายตลบ ผิวขาวผ่องของนางเขียวช้ำเป็นจ้ำ มุมปากมีเลือดไหลซึม
ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่รู้ว่านี่คือแผนตบตาของรวี่เยว่ นางจำเป็นต้องแกล้งเสียเปรียบผู้เข้าแข่งขันบางคนที่ระดับพลังสูงกว่าบ้าง ก่อนพลิกสถานะการณ์กลับมาชนะอย่างฉิวเฉียด เพื่อปกปิดพลังที่แท้จริงของนาง
ลูกศิษย์ตัวน้อยจดจำคำสอนของอาจารย์ได้อย่างขึ้นใจ "โดดเด่นเกินไปจะนำภัยมาสู่ตน"
คืนนั้นรวี่เยว่เข้าไปแดนปราณเพื่อหลอมยา ตั้งใจว่าจะเอาไปเสนอหอโอสถเทพอนันต์ ให้ช่วยนำออกมาประมูล หลังทราบข่าวเรื่องงานประมูลโอสถทิพย์ที่กำลังจะมาถึงในอีกสามวัน
"อาจารย์รองเจ้าขา ศิษย์อยากหลอมโอสถปราณผ่านฟ้าเจ้าค่ะ จะมีงานประมูลโอสถทิพย์ในอีกสามวัน ศิษย์อยากเอาโอสถไปเข้าร่วมการประมูล" รวี่เยว่นั่งนวดขามหาเทพชิงหลงอย่างประจบประแจง
หากนางเอาโอสถปราณผ่านฟ้าความบริสุทธิ์เก้าส่วนเข้าประมูลได้ แม่นมชุนและชุนอิ่งก็ไม่จำเป็นต้องนอนเบียดอยู่ในห้องเดียวกันอีกต่อไป นางจะนำเงินที่ได้มาส่วนหนึ่งไปซื้อบ้านหลังใหญ่ขึ้น และจะเปิดร้านขายขนมให้ชุนอิ่งสักร้าน
"อาจารย์อนุญาตให้หลอมเพียงแค่สามเม็ดเท่านั้นนะ และตอนที่เอายาไปหอประมูลคืนนี้ เจ้าต้องพาเจ้านั่นไปด้วย"
มหาเทพชิงหลงชี้ไปที่หุ่นไม้ตบะเจี๋ยตันขั้นปลาย ที่ถูกแปลงกายให้มีหน้าตาดุดันคล้ายนักเลงโต
"อ้อ ยังมีเจ้าอีกตัว รวี่เยว่น้อยหลอมยาแปลงร่างให้จวี๋จื่ออีกเม็ด"
"ได้เลยเจ้าค่ะอาจารย์" รวี่เยว่ยิ้มกว้างจนตาโค้ง รีบลุกไปหลอมยาโดยใช้หม้อระดับสูงที่มหาเทพชิงหลงมอบให้เป็นของขวัญ ขอเพียงอาจารย์อนุญาต ลูกศิษย์ยอมทำตามทุกเงื่อนไข
นางป้อนยาแปลงกายให้จวี๋จื่อกิน แมวส้มสาวกลายร่างเป็นพยัคฆ์อัคคีตัวโต ฝ่าเท้าทั้งสี่มีปราณอัคคีลุกโชติช่วงดูน่าเกรงขาม
"ว้าววว จวี๋จื่อสุดยอดไปเลย" เสี่ยวหลานบินวนรอบตัวสหาย พลางกล่าวชมด้วยความตื่นเต้น
โอสถปราณผ่านฟ้า ต้องเป็นนักปรุงโอสถระดับสี่หรือห้าขึ้นไป จึงจะสามารถหลอมออกมาได้ มีสรรพคุณช่วยยกระดับขั้นพลังจากจู้จีขั้นปลาย ให้กลายเป็นเจี๋ยตันขั้นต้นปลายยอดเกือบถึงขั้นกลางแรกเริ่มเลยทีเดียว ยิ่งความบริสุทธิ์สูงถึงมากเท่าใด ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย
การมีมหาเทพชิงหลงเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้เรื่องสมุนไพรและการหลอมโอสถ ช่วยให้รวี่เยว่เลื่อนขั้นแบบก้าวกระโดดในระยะเวลาเพียงสองเดือน
"ต้องการให้ส่งคนติดตามไปหรือไม่พะย่ะค่ะ"
"ไม่ต้อง ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากเปิดเผยตัวก็อย่าไปบังคับ"
ฮั่วเฮ่อฉีก้าวเข้ามาในห้อง เปิดขวดโอสถขึ้นมาพินิจและดมดู ดวงตาสีฟ้าทอประกายกล้าทันทีที่ได้กลิ่น
"หึ! ทั้งที่หลอมให้กลายเป็นโอสถทิพย์ได้แท้ๆ แต่จงใจให้สำเร็จเพียงเก้าส่วน น่าสนใจจริงๆ"
"จริงหรือพะย่ะค่ะ?!" องครักษ์ระดับหยวนอิงตกตะลึงในถ้อยคำขององค์ไท่จื่อ มีนักหลอมโอสถฝีมือฉกาจฉกรรจ์ สามารถกำหนดระดับความบริสุทธิ์ของโอสถได้ตามใจชอบเช่นนี้ด้วยหรือ!
ฮั่วเฮ่อฉีนอกจากจะมีตบะสูงทั้งที่อายุยังน้อย เขายังเป็นนักหลอมโอสถระดับหกอีกด้วย เด็กหนุ่มถือเป็นอัจฉริยะในรอบพันปีของตำหนักเทพอนันต์ องค์ราชาและองค์ราชินีถึงได้ตามใจเขา จนเจ้าตัวเกือบจะเสียคนอยู่แล้ว…
"เพิ่มราคาโอสถสามเม็ดนี้ ความบริสุทธิ์อยู่ที่เก้าส่วนครึ่งไม่ใช่แค่เก้าส่วน" จมูกจิ้งจอกสวรรค์ของเขาไม่เคยผิด
"พะย่ะค่ะ"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทั่วทั้งใต้หล้าข้ายอมสยบเพียงนาง