ข้อมูลเกี่ยวกับหยางเฉินนั้น มีไม่มากนัก ซ่านกวนโหรวใช้เวลาเพียงห้านาทีในการอ่านข้อมูล
เห็นเพียงในสายตาของเธอดูเปล่งประกายเล็กน้อย "เมื่อหกปีที่แล้ว เขาเป็นเพียงชายหนุ่มผู้ยากไร้ซึ่งถูกขับไล่ออกจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู คุณชายที่ตระกูลซ่างกวนขับไล่ออกไป จากนั้นเข้าสู่สนามรบ หลังจากนั้นเพียงห้าปี เขากลายเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพ?”
“คุณแน่ใจนะว่า นี่คือทุกสิ่งที่คุณสามารถหาได้เกี่ยวกับเขา”
ชายชราพยักหน้า“ประสบการณ์ชีวิตของเขาช่างไร้เดียงสาจริงๆ เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เขาเติบโตขึ้นมาในตระกูลซ่างกวนตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่เขาไปอยู่ในสนามรบมาห้าปี ก็มีความแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้”
“ยังมีข่าวลือว่า เขาเป็นผู้รักษาดินแดนเหนือ ซึ่งได้รับการยกย่องจากผู้นำของศัตรูว่า หยางไม่แพ้ ซึ่งสามารถแข่งขันกับคนครึ่งประเทศด้วยคนเพียงคนเดียว!”
หลังจากฟังคำพูดของชายชราแล้ว ใบหน้าของซ่านกวนโหรวก็ดูสดใสขึ้นเล็กน้อย “คิดไม่ถึงว่า เขาจะเป็นผู้รักษาดินแดนเหนือของสนามรบ ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ!”
บารมีของผู้รักษาดินแดนเหนือ มีชื่อเสียงในหมู่ตระกูลชั้นนำเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ซ่านกวนโหรวก็พูดขึ้นอีกครั้ง“แต่ว่า ความแข็งแกร่งของผู้รักษาดินแดนเหนือ น่าจะเป็นแดนเทพชั้นยอด อย่าบอกนะว่าหยางเฉินเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นยอดแล้ว”
ชายชราส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมขื่น "ทั้งหมดนี้เป็นข่าวลือ ผมไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร"
ซ่านกวนโหรวพลิกดูข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับหยางเฉิน ก่อนหน้านี้เธอเพียงแค่เหลือบมองดูคร่าวๆ แต่ตอนนี้ เมื่อมองดูดีๆ สีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
“ถ้าเขาใช้เวลาเพียงห้าปีในการเติบโตจากคนธรรมดาไปสู่ผู้แข็งแกร่งแดนเทพ พรสวรรค์ด้านบูโดของเขาไม่สามารถบอกว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว แต่มันถือว่าขัดกับฟ้าจริงๆ”
ซ่านกวนโหรวพูดอย่างชื่นชม“ฉันเริ่มฝึกบูโดตั้งแต่อายุสี่ขวบ แม้ว่าฉันจะมีพรสวรรว์ด้านบูโด กว่าฉันจะบุกเข้าไปในแดนราชาก็ตอนอายุสิบแปดแล้ว และอายุสามสิบฉันค่อยทะลุเข้าไปในแดนเทพ”
“อีกอย่าง ฉันยังคงได้รับทรัพยากรมากมายจากราชวงศ์ซ่างกวน แต่ต้องใช้เวลายี่สิบเจ็ดปีในการบุกเข้าไปในแดนเทพ”
“แม้ว่าเขาจะเริ่มฝึกบูโดตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของแม่ แต่เขาก็ไม่สามารถบรรลุความสำเร็จในตอนนี้ได้ใช่ไหม?”
“ดังนั้น หากสิ่งที่ข้อมูลกล่าวเป็นความจริง บูโดของเขา สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการขัดธรรมชาติจริงๆ”
ไม่เพียงแต่ราชวงศ์ซ่างกวนเท่านั้นที่สืบหยางเฉิน แต่ยังรวมถึงราชวงศ์ต้วน ราชวงศ์เย่ซึ่งเป็นราชวงศ์ในจิ่วโจว ต่างก็รู้บางอย่างเกี่ยวกับหยางเฉิน
แต่คนที่ไปหาหยางเฉินจริงๆ มีเพียงซ่านกวนโหรวคนเดียว
เยี่ยนตูในตอนนี้ มีคนหลายประเภทปะปนกันไป มีบุคคลสำคัญจากตระกูลชั้นนำและตัวละครเล็กๆบางคนที่มาโฉยโอกาส โรงแรมในเยี่ยนตู แออัดเกินไปแล้ว
แม้แต่โรงแรมขนาดเล็กบางแห่งที่มีสภาพไม่ดี ก็ได้รับการเช่าเหมา
นอกจากราชวงศ์ทั้งสี่ในจิ่วโจวแล้ว ยังมีสมาคมบูโดที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
ส่วนพันธมิตรตระกูลคิงนั้น ถูกตระกูลชั้นนำเหล่านั้นละเลยแล้ว
สมาคมบูโด สาขาจิ่วโจว
รถหรูคันหนึ่งค่อยๆหยุดที่ประตู และชายวัยกลางคนก็ก้าวลงมา
“คุณปู่หัวผมหลงเคอ ในนามของพ่อของผม กษัตริย์หลง มาเข้าพบท่าน!”
หลังจากที่ชายวัยกลางคนเห็นหวาอิงเจี๋ย เขาก็กล่าวด้วยความเคารพ
หวาอิงเจี๋ยดูสงบ มองหลงเคอจางๆแล้วถามว่า "ไม่ได้พบมาหลายปี ไม่รู้ว่ากษัตริย์หลงสบายดีไหม?"
“ขอบคุณคุณปู่หัวที่เป็นห่วง พ่อของผมสบายดี”
หลงเคอพูดอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เขาอยู่ในราชวงศ์หลง กษัตริย์หลงบอกเขาว่า ต้องการเปลี่ยนเป้าหมายในการบ่มเพาะ เขายังไม่รู้ว่าเป็นใคร จนกระทั่งหวาอิงเจี๋ยกลับมาที่เยี่ยนตู เขาก็รู้ว่าใครคือคนที่กษัตริย์หลงต้องการที่จะสนับสนุน
สิ่งที่ไม่มีใครรู้คือ เมื่อสิบกว่าปีก่อน หวาอิงเจี๋ยเป็นเพียงผู้แข็งแกร่งบูโดที่ตกต่ำ เพราะได้รับความช่วยเหลือจากกษัตริย์หลงหวาอิงเจี๋ยจึงได้ก่อตั้งสมาคมบูโด และได้พัฒนาและเติบโตขึ้นจนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม สมาคมบูโดในปัจจุบันนั้นทรงพลังมาก และแพร่กระจายไปทั่วโลก ความแข็งแกร่งของหวาอิงเจี๋ย นั้นก็ยากจะหยั่งถึง
หลงเคอไม่รู้จะบอกหวาอิงเจี๋ยอย่างไรดีว่า กษัตริย์หลงต้องการให้สมาคมบูโดยอมจำนนต่อราชวงศ์หลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...
ขออนุญาตถามค่ะ คนเขียนเปลี่ยนคนหรือไม่มีใครเขียนต่อแล้วคะ...
คืออ่านตอนที่ 1 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 2278 เเต่คนเขียนก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลยย อยากจะขออนุญาติถามว่าคนเขียนยังอยู่ดีหรือไม่...